🩶บทความ : ความรัก อิสรภาพ และความกลัวในความเดียวดาย — ตามคำสอนของ Osho
ความรักจะเบ่งบานได้อย่างแท้จริง ก็ในวันที่เรามอบ อิสรภาพ ให้แก่กันและกัน
Osho กล่าวว่า—
“เมื่อท่านให้อิสรภาพแก่ใครสักคน ท่านได้ให้ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
และความรักจะไหลกลับมาหาท่านอย่างท่วมท้น”
แต่มนุษย์ส่วนใหญ่รักแบบที่มี “การรอคอย”, “การยึดติด”, “การหวังให้ใครสักคนมาเติมเต็มความว่างภายใน” จึงเกิดความทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหมือนคำถามของผู้หญิงคนหนึ่งที่ว่า:
“ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองมีชีวิตอยู่เพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งยังคงรอการมาของใครบางคน… นี่ฉันกำลังตกหลุมพรางเดิมอีกแล้วหรือ?”
Osho ตอบอย่างเรียบง่ายแต่แทงลึก:
“เพียงการสาบานว่าจะไม่ทำสิ่งเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงท่าน
ความเปลี่ยนแปลงต้องเกิดจากการตื่นรู้ ไม่ใช่คำสัญญา”
ความรักที่แท้ ไม่ใช่การรอ ไม่ใช่ความขาด
แต่เป็นการเติมเต็มด้วยตัวเองก่อน แล้วจึงแบ่งปัน
คนสองคนที่เต็มด้วย ความรัก + อิสรภาพ เมื่อพบกัน
สัมพันธ์นั้นจะไม่ใช่ “ความสัมพันธ์” ในความหมายเดิม
แต่จะเป็น การเกี่ยวพันของการเติบโตสองดวงจิต
สะท้อนกันเหมือนแม่น้ำสองสายไหลร่วมกันสู่ความสูงส่งกว่าเดิม
และ Osho กล่าวไว้อย่างงดงามว่า:
“ที่จุดสูงสุดของความรักและอิสรภาพ—ท่านจะสัมผัสประสบการณ์แห่งสรวงสวรรค์”
──────────────────────────
ความกลัวที่จะอยู่คนเดียว: รากของความเจ็บปวดทั้งหมด
ผู้ถามอีกคนหนึ่งยอมรับว่า:
“ฉันกลัวการอยู่คนเดียว เพราะทุกครั้งที่ฉันอยู่กับตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันเหมือนกำลังเสียสติ…”
Osho ตอบว่า ความกลัวนี้คือโรคของทั้งมนุษยชาติ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใครเลย เพราะ:
◉ ไม่มีมนุษย์คนใดเติบโตเป็นตัวของตัวเองจริง ๆ
สังคม ศาสนา การศึกษา และวัฒนธรรม
“ร่วมมือกัน” สร้างตัวตนปลอมให้เรา ตั้งแต่เรายังเด็กเกินกว่าจะปกป้องตนเอง
“เด็กถูกปั้นเป็นกลไกให้สังคมใช้ประโยชน์
ไม่ได้ถูกปล่อยให้เติบโตไปในทางที่ธรรมชาติต้องการ” —Osho
ผลคือ
เรากลายเป็นคนที่มี “ตัวตนของสังคม” แทนที่จะเป็น “ตัวตนแท้จริง”
เมื่อต้องอยู่คนเดียวเมื่อใด
ตัวปลอมที่สังคมสร้างไว้จะเริ่มหลุดออก
และความจริงภายในจะเริ่มเผยตัว
ช่วงเวลานี้เองที่ Osho เรียกว่า
“ค่ำคืนอันมืดมิดของจิตวิญญาณ”
ไม่ใช่ของปลอม
และยังไม่ใช่ของจริง
แต่เป็น “ระยะรอยต่อ” ที่มนุษย์ส่วนใหญ่กลัวที่สุด
──────────────────────────
ตัวอย่างเรื่องโจรผู้ไม่อาจเปลี่ยนนิสัยได้ในทันที
Osho เล่าเรื่องของนักบวชผู้ยิ่งใหญ่ “เอกนาถ” (Eknath) และโจรผู้หนึ่งที่อยากร่วมเดินทางไปแสวงบุญ
เอกนาถยอมรับเขา แต่ขอเพียงสัญญาว่า “ห้ามขโมยระหว่างเดินทาง”
โจรทำตามสัญญา
แต่ทุกคืนก็ยังลุกขึ้นมาย้ายของคนอื่นไปไว้คนละที่
ไม่ใช่เพราะอยากขโมย
แต่เพราะ “นิสัย” ของชีวิตเขาไม่อาจหยุดลงได้ทันที
เขากล่าวว่า:
“ท่านบอกให้ฉันหยุดขโมย ฉันทำตามแล้ว
แต่ท่านไม่ได้บอกให้ฉันหยุดย้ายของ
ตอนกลางคืนคือเวลาทำงานของฉันมาตลอดชีวิต”
Osho ใช้เรื่องนี้สอนอย่างแยบคายว่า
นิสัยของเรา ตัวตนเก่าของเรา ความกลัว และความยึดติด
ไม่อาจหายไปในวันเดียว
แต่ต้องอาศัย “ความเข้าใจ” และ “การภาวนา” เพื่อเปิดทางให้ความจริงภายในค่อย ๆ โผล่พ้นขึ้นมา
──────────────────────────
เหตุใดเราจึงกลัวอยู่คนเดียว?
เพราะตัวตนปลอมที่สังคมสร้างให้เรานั้น
ต้องการ “ฝูงชน” เพื่อค้ำยัน
• เราจึงต้องหากลุ่ม
• ต้องหาเพื่อน
• ต้องหาศาสนา
• ต้องหาพรรคการเมือง
• ต้องหาสโมสร
• ต้องหาความยุ่ง
• ต้องหาความสัมพันธ์
• ต้องหาเสียงรบกวน
เพียงเพื่อหลีกหนีความว่างลึก ๆ ในตัวเอง
Osho กล่าวว่า:
“สิ่งปลอมอยู่ได้ด้วยฝูงชน
เมื่ออยู่คนเดียวมันจะหลุดร่วงออกไป”
นั่นคือเหตุผลที่ช่วงวันหยุดคนส่วนใหญ่กลับทุกข์
เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อไม่มีสิ่งให้เกาะเกี่ยว
──────────────────────────
แล้วเราจะทำอย่างไรจึงจะเจอ “ตัวจริง” ?
Osho ให้คำตอบที่เรียบง่ายแต่เปลี่ยนชีวิต:
“ไม่มีใครตอบแทนท่านได้ว่า ‘ท่านคือใคร’
มีแต่ท่านเท่านั้นที่ต้องค้นพบเอง”
สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่หาสิ่งใหม่
แต่ค่อย ๆ เอาสิ่งปลอมออกไป
ซึ่งต้องใช้ การภาวนา (Meditation)
การอยู่กับตัวเองอย่างกล้าหาญ
การไม่หนีจากความเงียบ
การไม่หนีจากความกลัว
และการสังเกตตัวตนในทุกขณะ
เมื่อท่านทำเช่นนี้
สิ่งใหม่จะค่อย ๆ เกิดขึ้นจากภายในเอง ไม่สามารถยืมใครได้
──────────────────────────
ความรัก + ความภาวนา = ชีวิตที่สมบูรณ์
Osho กล่าวว่า ชีวิตมีสองขั้วพื้นฐาน:
1. ความรัก — เปิดออกสู่โลก
2. การภาวนา — พาคืนกลับสู่ตนเอง
ผู้ที่อยู่แต่ในความสัมพันธ์อย่างเดียว
จะตื้นเขิน เพราะติดกรอบของผู้อื่น
ผู้ที่อยู่แต่อย่างโดดเดี่ยวอย่างเดียว
จะไร้สีสัน เพราะไม่มีการสะท้อนตอบ
มนุษย์ที่สมบูรณ์ ต้องเคลื่อนอย่างอิสระระหว่างทั้งสองขั้ว
“ชีวิตควรมีทั้งความซับซ้อนและความเรียบง่าย
ควรอยู่ได้ทั้งในตลาดที่จอแจ และในวัดที่สงบ” —Osho
นี่คือสิ่งที่ Osho เรียกว่า “สันยาสีที่แท้จริง” (True Sannyas)
คือผู้ที่มีอิสระในการเคลื่อนไหวระหว่างโลกภายใน และโลกภายนอก
ไม่ติดที่ใด ไม่ยึดใคร ไม่ยึดตัวเองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
──────────────────────────
บทสรุป
• ความรักเจริญได้เมื่อมีอิสรภาพ
• ความกลัวเกิดเมื่อเราไม่รู้ว่าเราเป็นใคร
• ความโดดเดี่ยวทำให้ตัวปลอมหลุดออก
• การภาวนาทำให้ตัวจริงปรากฏ
• ความรักกับการภาวนา คือสองปีกของชีวิต
• ผู้ที่บินได้ ต้องใช้ทั้งสองปีกเสมอ
และ Osho ปิดท้ายปรัชญานี้ไว้ว่า:
“อย่าติดที่ใด อย่ายึดคนใด อย่าแม้แต่ยึดตัวเองในรูปเก่า
จงไหลไปเหมือนการเต้นรำของชีวิต
แล้วความจริงจะเผยตัวแก่ผู้ที่กล้าอยู่ตามลำพัง”
#Siamstr #nostr #philosophyThread
🩶บทความ : ความรัก อิสรภาพ และความกลัวในความเดียวดาย — ตามคำสอนของ Osho
ความรักจะเบ่งบานได้อย่างแท้จริง ก็ในวันที่เรามอบ อิสรภาพ ให้แก่กันและกัน
Osho กล่าวว่า—
“เมื่อท่านให้อิสรภาพแก่ใครสักคน ท่านได้ให้ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
และความรักจะไหลกลับมาหาท่านอย่างท่วมท้น”
แต่มนุษย์ส่วนใหญ่รักแบบที่มี “การรอคอย”, “การยึดติด”, “การหวังให้ใครสักคนมาเติมเต็มความว่างภายใน” จึงเกิดความทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหมือนคำถามของผู้หญิงคนหนึ่งที่ว่า:
“ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองมีชีวิตอยู่เพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งยังคงรอการมาของใครบางคน… นี่ฉันกำลังตกหลุมพรางเดิมอีกแล้วหรือ?”
Osho ตอบอย่างเรียบง่ายแต่แทงลึก:
“เพียงการสาบานว่าจะไม่ทำสิ่งเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงท่าน
ความเปลี่ยนแปลงต้องเกิดจากการตื่นรู้ ไม่ใช่คำสัญญา”
ความรักที่แท้ ไม่ใช่การรอ ไม่ใช่ความขาด
แต่เป็นการเติมเต็มด้วยตัวเองก่อน แล้วจึงแบ่งปัน
คนสองคนที่เต็มด้วย ความรัก + อิสรภาพ เมื่อพบกัน
สัมพันธ์นั้นจะไม่ใช่ “ความสัมพันธ์” ในความหมายเดิม
แต่จะเป็น การเกี่ยวพันของการเติบโตสองดวงจิต
สะท้อนกันเหมือนแม่น้ำสองสายไหลร่วมกันสู่ความสูงส่งกว่าเดิม
และ Osho กล่าวไว้อย่างงดงามว่า:
“ที่จุดสูงสุดของความรักและอิสรภาพ—ท่านจะสัมผัสประสบการณ์แห่งสรวงสวรรค์”
──────────────────────────
ความกลัวที่จะอยู่คนเดียว: รากของความเจ็บปวดทั้งหมด
ผู้ถามอีกคนหนึ่งยอมรับว่า:
“ฉันกลัวการอยู่คนเดียว เพราะทุกครั้งที่ฉันอยู่กับตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันเหมือนกำลังเสียสติ…”
Osho ตอบว่า ความกลัวนี้คือโรคของทั้งมนุษยชาติ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใครเลย เพราะ:
◉ ไม่มีมนุษย์คนใดเติบโตเป็นตัวของตัวเองจริง ๆ
สังคม ศาสนา การศึกษา และวัฒนธรรม
“ร่วมมือกัน” สร้างตัวตนปลอมให้เรา ตั้งแต่เรายังเด็กเกินกว่าจะปกป้องตนเอง
“เด็กถูกปั้นเป็นกลไกให้สังคมใช้ประโยชน์
ไม่ได้ถูกปล่อยให้เติบโตไปในทางที่ธรรมชาติต้องการ” —Osho
ผลคือ
เรากลายเป็นคนที่มี “ตัวตนของสังคม” แทนที่จะเป็น “ตัวตนแท้จริง”
เมื่อต้องอยู่คนเดียวเมื่อใด
ตัวปลอมที่สังคมสร้างไว้จะเริ่มหลุดออก
และความจริงภายในจะเริ่มเผยตัว
ช่วงเวลานี้เองที่ Osho เรียกว่า
“ค่ำคืนอันมืดมิดของจิตวิญญาณ”
ไม่ใช่ของปลอม
และยังไม่ใช่ของจริง
แต่เป็น “ระยะรอยต่อ” ที่มนุษย์ส่วนใหญ่กลัวที่สุด
──────────────────────────
ตัวอย่างเรื่องโจรผู้ไม่อาจเปลี่ยนนิสัยได้ในทันที
Osho เล่าเรื่องของนักบวชผู้ยิ่งใหญ่ “เอกนาถ” (Eknath) และโจรผู้หนึ่งที่อยากร่วมเดินทางไปแสวงบุญ
เอกนาถยอมรับเขา แต่ขอเพียงสัญญาว่า “ห้ามขโมยระหว่างเดินทาง”
โจรทำตามสัญญา
แต่ทุกคืนก็ยังลุกขึ้นมาย้ายของคนอื่นไปไว้คนละที่
ไม่ใช่เพราะอยากขโมย
แต่เพราะ “นิสัย” ของชีวิตเขาไม่อาจหยุดลงได้ทันที
เขากล่าวว่า:
“ท่านบอกให้ฉันหยุดขโมย ฉันทำตามแล้ว
แต่ท่านไม่ได้บอกให้ฉันหยุดย้ายของ
ตอนกลางคืนคือเวลาทำงานของฉันมาตลอดชีวิต”
Osho ใช้เรื่องนี้สอนอย่างแยบคายว่า
นิสัยของเรา ตัวตนเก่าของเรา ความกลัว และความยึดติด
ไม่อาจหายไปในวันเดียว
แต่ต้องอาศัย “ความเข้าใจ” และ “การภาวนา” เพื่อเปิดทางให้ความจริงภายในค่อย ๆ โผล่พ้นขึ้นมา
──────────────────────────
เหตุใดเราจึงกลัวอยู่คนเดียว?
เพราะตัวตนปลอมที่สังคมสร้างให้เรานั้น
ต้องการ “ฝูงชน” เพื่อค้ำยัน
• เราจึงต้องหากลุ่ม
• ต้องหาเพื่อน
• ต้องหาศาสนา
• ต้องหาพรรคการเมือง
• ต้องหาสโมสร
• ต้องหาความยุ่ง
• ต้องหาความสัมพันธ์
• ต้องหาเสียงรบกวน
เพียงเพื่อหลีกหนีความว่างลึก ๆ ในตัวเอง
Osho กล่าวว่า:
“สิ่งปลอมอยู่ได้ด้วยฝูงชน
เมื่ออยู่คนเดียวมันจะหลุดร่วงออกไป”
นั่นคือเหตุผลที่ช่วงวันหยุดคนส่วนใหญ่กลับทุกข์
เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อไม่มีสิ่งให้เกาะเกี่ยว
──────────────────────────
แล้วเราจะทำอย่างไรจึงจะเจอ “ตัวจริง” ?
Osho ให้คำตอบที่เรียบง่ายแต่เปลี่ยนชีวิต:
“ไม่มีใครตอบแทนท่านได้ว่า ‘ท่านคือใคร’
มีแต่ท่านเท่านั้นที่ต้องค้นพบเอง”
สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่หาสิ่งใหม่
แต่ค่อย ๆ เอาสิ่งปลอมออกไป
ซึ่งต้องใช้ การภาวนา (Meditation)
การอยู่กับตัวเองอย่างกล้าหาญ
การไม่หนีจากความเงียบ
การไม่หนีจากความกลัว
และการสังเกตตัวตนในทุกขณะ
เมื่อท่านทำเช่นนี้
สิ่งใหม่จะค่อย ๆ เกิดขึ้นจากภายในเอง ไม่สามารถยืมใครได้
──────────────────────────
ความรัก + ความภาวนา = ชีวิตที่สมบูรณ์
Osho กล่าวว่า ชีวิตมีสองขั้วพื้นฐาน:
1. ความรัก — เปิดออกสู่โลก
2. การภาวนา — พาคืนกลับสู่ตนเอง
ผู้ที่อยู่แต่ในความสัมพันธ์อย่างเดียว
จะตื้นเขิน เพราะติดกรอบของผู้อื่น
ผู้ที่อยู่แต่อย่างโดดเดี่ยวอย่างเดียว
จะไร้สีสัน เพราะไม่มีการสะท้อนตอบ
มนุษย์ที่สมบูรณ์ ต้องเคลื่อนอย่างอิสระระหว่างทั้งสองขั้ว
“ชีวิตควรมีทั้งความซับซ้อนและความเรียบง่าย
ควรอยู่ได้ทั้งในตลาดที่จอแจ และในวัดที่สงบ” —Osho
นี่คือสิ่งที่ Osho เรียกว่า “สันยาสีที่แท้จริง” (True Sannyas)
คือผู้ที่มีอิสระในการเคลื่อนไหวระหว่างโลกภายใน และโลกภายนอก
ไม่ติดที่ใด ไม่ยึดใคร ไม่ยึดตัวเองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
──────────────────────────
บทสรุป
• ความรักเจริญได้เมื่อมีอิสรภาพ
• ความกลัวเกิดเมื่อเราไม่รู้ว่าเราเป็นใคร
• ความโดดเดี่ยวทำให้ตัวปลอมหลุดออก
• การภาวนาทำให้ตัวจริงปรากฏ
• ความรักกับการภาวนา คือสองปีกของชีวิต
• ผู้ที่บินได้ ต้องใช้ทั้งสองปีกเสมอ
และ Osho ปิดท้ายปรัชญานี้ไว้ว่า:
“อย่าติดที่ใด อย่ายึดคนใด อย่าแม้แต่ยึดตัวเองในรูปเก่า
จงไหลไปเหมือนการเต้นรำของชีวิต
แล้วความจริงจะเผยตัวแก่ผู้ที่กล้าอยู่ตามลำพัง”
#Siamstr #nostr #philosophy
Login to reply
Replies ()
No replies yet. Be the first to leave a comment!