บทความวิจัย
คัปปลิงแบบโทรัส–ไฮเปอร์สเฟียร์ และสนามรับสัญญาณ 4 มิติ:
สถาปัตยกรรมบูรณาการเพื่อการเกิดขึ้นของสภาวะรู้
อ้างอิงตามงานของ: Meijer & Geesink, Tozzi & Peters, Ranama et al., Sancristobal et al. และคณะ
────────────────────────
บทคัดย่อ
บทความนี้สังเคราะห์หลักฐานเชิงคณิตศาสตร์–ประสาทวิทยา ที่ชี้ว่าการทำงานของสมองและสภาวะรู้ของมนุษย์อาจเกิดจาก
สถาปัตยกรรมข้อมูลแบบโทรัสซ้อนชั้น (nested torus)
ที่ฝังตัวอยู่ใน
ปริภูมิ 4 มิติ (4-D hypersphere หรือ glome)
หลักฐานจาก EEG, fMRI, โทโพโลยี, connectomics, รวมถึงงานของ Tozzi & Peters (2015–2017) และ Meijer & Geesink (2017) สนับสนุนว่า
สมองอาจทำงานบน “Clifford Torus” ซึ่งคือโครงสร้างโทรัสพิเศษที่อยู่บนผิวของ hypersphere 4 มิติ และกระบวนการรับ–รวมข้อมูลของจิต อาจมีรูปแบบเป็น “สนามรับสัญญาณแบบ 4D” (4-D field-receptive mental workspace)
สนามนี้มีคุณสมบัติทำงานแบบไม่เฉพาะที่ (non-local)
บูรณาการข้อมูลทั้งจากสมอง กาย ตลอดจนสนามพลังธรรมชาติ (EM field, ZPE field, gravity, dark energy) และอาจเป็นกลไกที่ทำให้เกิด
การเชื่อมโยงของข้อมูลทั่วสมองอย่างฉับพลัน (instantaneous global binding)
ซึ่งเป็นปัญหาหลักในทฤษฎีสติร่วมสมัย
────────────────────────
1. บทนำ: การฝังตัวของสมองในเรขาคณิต 4 มิติ
งานของ Ranama et al. (2010) ระบุว่า EEG ที่วัดบนหนังศีรษะ
ไม่สามารถบอกกิจกรรมระดับเซลล์ประสาทเดี่ยวได้โดยตรง เนื่องจากสัญญาณที่วัดได้เป็น:
“ผลรวมของการยิงสัญญาณอย่างพร้อมเพรียงของเซลล์ประสาทนับพันที่มีแนวการจัดตัวเชิงพื้นที่คล้ายกัน” (Ranama et al., 2010)
หมายความว่าสมองต้องมี กลไกกำกับจังหวะร่วม (synchronous organizer)
ที่สามารถสร้างรูปแบบสัญญาณร่วมระดับกว้าง
Sancristobal et al. (2014) เสนอเพิ่มเติมว่า
การล็อกความถี่ในช่วงแกมมา (gamma frequency locking)
เป็นปัจจัยสำคัญในการ “จัดเส้นทางข้อมูล” ระหว่างบริเวณคอร์เท็กซ์ต่าง ๆ
แต่ต้องมี สนามควบคุมความถี่ที่แม่นยำ เพื่อรองรับการสื่อสารระดับนี้
สิ่งนี้นำไปสู่ข้อเสนอว่า:
สมองต้องมี “workspace สนามรับสัญญาณ” ที่รองรับความถี่หลากหลายอย่างประณีต
และ workspace นั้นอาจมี ลักษณะโทรัส–เฟร็กทัล (Meijer & Geesink, 2017)
────────────────────────
2. โทโพโลยีของสมอง: Torus บนผิวของ Hypersphere (Glome)
งานของ Tozzi & Peters (2015, 2016) เสนอภาพที่สำคัญว่า:
โครงสร้างสัญญาณจาก fMRI และ EEG สามารถแม็ปให้อยู่บน Clifford Torus
ซึ่งฝังตัวอยู่ในปริภูมิ 4 มิติ เช่น hypersphere (หรือ glome)
Clifford torus เป็นโทรัสชนิดพิเศษที่…
• เป็นผิวแบบ minimal surface
• อยู่บนผิว 3-sphere (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ hypersphere 4 มิติ)
• มีการหมุนแบบควอเทอร์เนียน (quaternionic rotations)
• แสดงจุดคู่แอนติโพดัล (antipodal points) ตามทฤษฎี Borsuk–Ulam
ข้อค้นพบสำคัญจาก fMRI/EEG (Tozzi & Peters, 2016)
ผู้วิจัยพบว่า:
• รูปแบบสัญญาณสมองมี คู่แอนติโพดัล ที่เกิดซ้ำ
• การกระจายสัญญาณมีลักษณะเหมือน “ภาพเงา” ของข้อมูลที่อยู่ใน 4 มิติ
• การฝังตัวของสัญญาณในรูป Clifford torus อธิบายการไหลของข้อมูลทั่วสมองแม้อยู่คนละตำแหน่งกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง:
สมอง 3 มิติอาจเป็น “เงา” ของระบบประมวลผลข้อมูล 4 มิติ
────────────────────────
3. โทรัสซ้อนชั้น: 3D Brain Torus ภายใน 4D Hypersphere Torus
Meijer & Geesink (2017) เสนอว่า:
สมอง = โครงสร้างโทรัสสองชั้น
1. โทรัสภายใน → สมอง 3 มิติ (neural torus)
2. โทรัสภายนอก → สนาม 4 มิติระดับไฮเปอร์สเฟียร์
ทั้งสองเชื่อมกันด้วยเหตุการณ์ขอบเขต (event horizons)
คล้ายขอบฟ้าของหลุมดำแต่เป็นเชิงข้อมูล
ซึ่งทำหน้าที่:
• เก็บข้อมูล (holographic storage)
• รวมข้อมูลจาก EM, ZPE, gravity, dark-energy
• อัปเดตสภาวะจิต–กายอย่างต่อเนื่อง
สนามนี้คือสิ่งที่เรียกว่า:
4-D field-receptive mental workspace
ซึ่งทำงานร่วมกับสมองอย่างไม่แยกจากกัน แต่ ไม่สามารถลดให้เหลือเพียงกิจกรรมประสาทวิทยาใน 3 มิติได้
────────────────────────
4. กลไกการรวมข้อมูลแบบ Global Binding และ Gamma Locking
งานของ Sancristobal et al. (2014) เสนอว่า:
• เครือข่ายสมองต้องมี สนามควบคุมความถี่
• การเชื่อมโยงภูมิภาคสมองทำงานเมื่อความถี่เข้า “ล็อก” กันอย่างแม่นยำ
Meijer & Geesink (2017) ขยายความว่า:
โครงสร้างแบบโทรัส เป็นกลไกทางเรขาคณิตที่ทำให้ “standing waves” และ “coherent resonance” เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นคำตอบที่เป็นไปได้ของปัญหาหลักในทฤษฎีสติ:
สมองเชื่อมข้อมูลทั้งระบบได้อย่างไรในไม่กี่มิลลิวินาที
────────────────────────
5. การปะทะกับโมเดลอื่น: Global Workspace / IIT / EM Models
โมเดลหลายสำนักพยายามอธิบายสติ เช่น:
• Global Workspace Theory (Baars, Dehaene)
• IIT (Tononi & Koch)
• Holonomic Brain (Pribram)
• Orch-OR (Hameroff & Penrose)
• EM field theories (McFadden, Pockett)
แต่ ยังมีจุดอ่อนสำคัญ คือ:
• ไม่มีแบบจำลองเรขาคณิตที่แน่นอน
• ขาดกลไกการรวมข้อมูลระดับ non-local
• อธิบายการ “ผูกข้อมูลทั่วสมองในทันที” ไม่ได้
โมเดล toroidal–hypersphere เสนอความได้เปรียบตรงที่:
รวมสมอง + จิต + เรขาคณิต 4 มิติ + EM / ZPE / gravity
เข้าในกรอบเดียวกันอย่างไม่แยกส่วน (non-dualistic)
────────────────────────
6. เวลาภายในจิต: Past–Future Integration และโครงสร้างสมมาตร 4 มิติ
Tozzi & Peters (2016) เสนอประเด็นสำคัญว่า:
• โครงสร้างใน 4 มิติที่มีสมมาตรสูง
→ แยกออกมาเป็นกิจกรรมสมองที่เกี่ยวข้องกับ “เวลา”
• การรับรู้เวลา (time perception)
→ มาจากการฉาย (projection) ของโครงสร้างสมมาตร 4 มิติ
ที่มี อดีต–อนาคตรวมอยู่ในหนึ่งเดียว
จิตจึงสามารถ:
• จำอดีต
• คาดการณ์อนาคต
• เก็บภาพรวมทั้งหมดแบบ “คาไลโดสโคปเชิงจิต”
ซึ่งอธิบาย mind-wandering, memory retrieval และ predictive coding
────────────────────────
7. การรับข้อมูลจากระดับ Planck Scale: ZPE, Gravity, Dark Energy
โมเดลนี้เสนอว่าสมองอาจรับข้อมูลจาก:
• Zero-Point Energy field (ZPE)
• Quantum gravity
• Dark energy resonance
• Casimir compression
• โฟตอน / โพลาริตอน / โซลิตอนระดับจุลภาค
เหตุผลคือ:
สมองต้องการแหล่งข้อมูลที่เร็วกว่า neural transmissions
เพื่อทำให้ global binding เกิดได้ในระดับมิลลิวินาที
────────────────────────
8. Event Horizon ของสมอง: หน้าจอการรับรู้ทางฮอโลกราฟิก
Meijer (2017) เสนอว่า:
สภาวะรู้เกิดขึ้นบนผิว “event horizon” ของสมอง
ที่ซ้อนอยู่ภายในโทรัส 4 มิติ
หน้าจอนี้ทำหน้าที่:
• แสดงผลข้อมูล
• ประมวลผลความหมาย
• เชื่อมสภาวะรู้ปัจจุบันเข้ากับอดีต–อนาคต
• ทำงานเป็น “ชุดอ้างอิงภายใน” ของจิตทั้งหมด
คล้ายขอบฟ้าของหลุมดำ แต่ในเชิงข้อมูล
────────────────────────
9. การเชื่อมโยงกับจักรวาลวิทยา (Cosmology)
มีความคล้ายกันระหว่าง:
• โครงสร้างทางสมอง 4 มิติ
• จักรวาลแบบ hypersphere / toroidal universe
ดังที่ Aurich et al. (2008) และ Merali (2008) กล่าวว่า จักรวาลเองอาจมีรูป โทรัส
ซึ่งสอดคล้องกับงานของ Tozzi & Peters (2016b) ที่ใช้ Borsuk–Ulam theorem อธิบาย
โมเดลนี้จึงเสนอว่ามี
สมมาตรแบบ scale invariance
จากระดับควอนตัม → สมอง → จักรวาล
────────────────────────
10. ข้อสรุปหลัก
1. สมองอาจถูกมองว่าเป็น โทรัสสองชั้น
(3D neural torus + 4D hypersphere torus)
2. การรวมข้อมูลสภาวะรู้เกิดขึ้นบน
event horizon ทางฮอโลกราฟิก
3. เวลา ความทรงจำ และการคาดการณ์
มาจาก โครงสร้างสมมาตร 4 มิติ
4. Consciousness อาจมีลักษณะเป็น
สนามสากล (universal consciousness)
ที่สมองเป็นเพียงตัวรับและประมวลผล
5. กลไกนี้ให้คำตอบแก่ปัญหาคลาสสิกของสติ เช่น:
• binding problem
• free will
• non-local correlations
• retrocausality
โมเดลนี้จึงเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่พยายามรวม:
• ประสาทวิทยา
• ควอนตัม
• ฟิสิกส์สนาม
• โทโพโลยี
• ปรัชญาสภาวะรู้
เข้าไว้ในกรอบเดียวกันอย่างกลมกลืน
#Siamstr #nostr #quantumThread
บทความวิจัย
คัปปลิงแบบโทรัส–ไฮเปอร์สเฟียร์ และสนามรับสัญญาณ 4 มิติ:
สถาปัตยกรรมบูรณาการเพื่อการเกิดขึ้นของสภาวะรู้
อ้างอิงตามงานของ: Meijer & Geesink, Tozzi & Peters, Ranama et al., Sancristobal et al. และคณะ
────────────────────────
บทคัดย่อ
บทความนี้สังเคราะห์หลักฐานเชิงคณิตศาสตร์–ประสาทวิทยา ที่ชี้ว่าการทำงานของสมองและสภาวะรู้ของมนุษย์อาจเกิดจาก
สถาปัตยกรรมข้อมูลแบบโทรัสซ้อนชั้น (nested torus)
ที่ฝังตัวอยู่ใน
ปริภูมิ 4 มิติ (4-D hypersphere หรือ glome)
หลักฐานจาก EEG, fMRI, โทโพโลยี, connectomics, รวมถึงงานของ Tozzi & Peters (2015–2017) และ Meijer & Geesink (2017) สนับสนุนว่า
สมองอาจทำงานบน “Clifford Torus” ซึ่งคือโครงสร้างโทรัสพิเศษที่อยู่บนผิวของ hypersphere 4 มิติ และกระบวนการรับ–รวมข้อมูลของจิต อาจมีรูปแบบเป็น “สนามรับสัญญาณแบบ 4D” (4-D field-receptive mental workspace)
สนามนี้มีคุณสมบัติทำงานแบบไม่เฉพาะที่ (non-local)
บูรณาการข้อมูลทั้งจากสมอง กาย ตลอดจนสนามพลังธรรมชาติ (EM field, ZPE field, gravity, dark energy) และอาจเป็นกลไกที่ทำให้เกิด
การเชื่อมโยงของข้อมูลทั่วสมองอย่างฉับพลัน (instantaneous global binding)
ซึ่งเป็นปัญหาหลักในทฤษฎีสติร่วมสมัย
────────────────────────
1. บทนำ: การฝังตัวของสมองในเรขาคณิต 4 มิติ
งานของ Ranama et al. (2010) ระบุว่า EEG ที่วัดบนหนังศีรษะ
ไม่สามารถบอกกิจกรรมระดับเซลล์ประสาทเดี่ยวได้โดยตรง เนื่องจากสัญญาณที่วัดได้เป็น:
“ผลรวมของการยิงสัญญาณอย่างพร้อมเพรียงของเซลล์ประสาทนับพันที่มีแนวการจัดตัวเชิงพื้นที่คล้ายกัน” (Ranama et al., 2010)
หมายความว่าสมองต้องมี กลไกกำกับจังหวะร่วม (synchronous organizer)
ที่สามารถสร้างรูปแบบสัญญาณร่วมระดับกว้าง
Sancristobal et al. (2014) เสนอเพิ่มเติมว่า
การล็อกความถี่ในช่วงแกมมา (gamma frequency locking)
เป็นปัจจัยสำคัญในการ “จัดเส้นทางข้อมูล” ระหว่างบริเวณคอร์เท็กซ์ต่าง ๆ
แต่ต้องมี สนามควบคุมความถี่ที่แม่นยำ เพื่อรองรับการสื่อสารระดับนี้
สิ่งนี้นำไปสู่ข้อเสนอว่า:
สมองต้องมี “workspace สนามรับสัญญาณ” ที่รองรับความถี่หลากหลายอย่างประณีต
และ workspace นั้นอาจมี ลักษณะโทรัส–เฟร็กทัล (Meijer & Geesink, 2017)
────────────────────────
2. โทโพโลยีของสมอง: Torus บนผิวของ Hypersphere (Glome)
งานของ Tozzi & Peters (2015, 2016) เสนอภาพที่สำคัญว่า:
โครงสร้างสัญญาณจาก fMRI และ EEG สามารถแม็ปให้อยู่บน Clifford Torus
ซึ่งฝังตัวอยู่ในปริภูมิ 4 มิติ เช่น hypersphere (หรือ glome)
Clifford torus เป็นโทรัสชนิดพิเศษที่…
• เป็นผิวแบบ minimal surface
• อยู่บนผิว 3-sphere (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ hypersphere 4 มิติ)
• มีการหมุนแบบควอเทอร์เนียน (quaternionic rotations)
• แสดงจุดคู่แอนติโพดัล (antipodal points) ตามทฤษฎี Borsuk–Ulam
ข้อค้นพบสำคัญจาก fMRI/EEG (Tozzi & Peters, 2016)
ผู้วิจัยพบว่า:
• รูปแบบสัญญาณสมองมี คู่แอนติโพดัล ที่เกิดซ้ำ
• การกระจายสัญญาณมีลักษณะเหมือน “ภาพเงา” ของข้อมูลที่อยู่ใน 4 มิติ
• การฝังตัวของสัญญาณในรูป Clifford torus อธิบายการไหลของข้อมูลทั่วสมองแม้อยู่คนละตำแหน่งกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง:
สมอง 3 มิติอาจเป็น “เงา” ของระบบประมวลผลข้อมูล 4 มิติ
────────────────────────
3. โทรัสซ้อนชั้น: 3D Brain Torus ภายใน 4D Hypersphere Torus
Meijer & Geesink (2017) เสนอว่า:
สมอง = โครงสร้างโทรัสสองชั้น
1. โทรัสภายใน → สมอง 3 มิติ (neural torus)
2. โทรัสภายนอก → สนาม 4 มิติระดับไฮเปอร์สเฟียร์
ทั้งสองเชื่อมกันด้วยเหตุการณ์ขอบเขต (event horizons)
คล้ายขอบฟ้าของหลุมดำแต่เป็นเชิงข้อมูล
ซึ่งทำหน้าที่:
• เก็บข้อมูล (holographic storage)
• รวมข้อมูลจาก EM, ZPE, gravity, dark-energy
• อัปเดตสภาวะจิต–กายอย่างต่อเนื่อง
สนามนี้คือสิ่งที่เรียกว่า:
4-D field-receptive mental workspace
ซึ่งทำงานร่วมกับสมองอย่างไม่แยกจากกัน แต่ ไม่สามารถลดให้เหลือเพียงกิจกรรมประสาทวิทยาใน 3 มิติได้
────────────────────────
4. กลไกการรวมข้อมูลแบบ Global Binding และ Gamma Locking
งานของ Sancristobal et al. (2014) เสนอว่า:
• เครือข่ายสมองต้องมี สนามควบคุมความถี่
• การเชื่อมโยงภูมิภาคสมองทำงานเมื่อความถี่เข้า “ล็อก” กันอย่างแม่นยำ
Meijer & Geesink (2017) ขยายความว่า:
โครงสร้างแบบโทรัส เป็นกลไกทางเรขาคณิตที่ทำให้ “standing waves” และ “coherent resonance” เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นคำตอบที่เป็นไปได้ของปัญหาหลักในทฤษฎีสติ:
สมองเชื่อมข้อมูลทั้งระบบได้อย่างไรในไม่กี่มิลลิวินาที
────────────────────────
5. การปะทะกับโมเดลอื่น: Global Workspace / IIT / EM Models
โมเดลหลายสำนักพยายามอธิบายสติ เช่น:
• Global Workspace Theory (Baars, Dehaene)
• IIT (Tononi & Koch)
• Holonomic Brain (Pribram)
• Orch-OR (Hameroff & Penrose)
• EM field theories (McFadden, Pockett)
แต่ ยังมีจุดอ่อนสำคัญ คือ:
• ไม่มีแบบจำลองเรขาคณิตที่แน่นอน
• ขาดกลไกการรวมข้อมูลระดับ non-local
• อธิบายการ “ผูกข้อมูลทั่วสมองในทันที” ไม่ได้
โมเดล toroidal–hypersphere เสนอความได้เปรียบตรงที่:
รวมสมอง + จิต + เรขาคณิต 4 มิติ + EM / ZPE / gravity
เข้าในกรอบเดียวกันอย่างไม่แยกส่วน (non-dualistic)
────────────────────────
6. เวลาภายในจิต: Past–Future Integration และโครงสร้างสมมาตร 4 มิติ
Tozzi & Peters (2016) เสนอประเด็นสำคัญว่า:
• โครงสร้างใน 4 มิติที่มีสมมาตรสูง
→ แยกออกมาเป็นกิจกรรมสมองที่เกี่ยวข้องกับ “เวลา”
• การรับรู้เวลา (time perception)
→ มาจากการฉาย (projection) ของโครงสร้างสมมาตร 4 มิติ
ที่มี อดีต–อนาคตรวมอยู่ในหนึ่งเดียว
จิตจึงสามารถ:
• จำอดีต
• คาดการณ์อนาคต
• เก็บภาพรวมทั้งหมดแบบ “คาไลโดสโคปเชิงจิต”
ซึ่งอธิบาย mind-wandering, memory retrieval และ predictive coding
────────────────────────
7. การรับข้อมูลจากระดับ Planck Scale: ZPE, Gravity, Dark Energy
โมเดลนี้เสนอว่าสมองอาจรับข้อมูลจาก:
• Zero-Point Energy field (ZPE)
• Quantum gravity
• Dark energy resonance
• Casimir compression
• โฟตอน / โพลาริตอน / โซลิตอนระดับจุลภาค
เหตุผลคือ:
สมองต้องการแหล่งข้อมูลที่เร็วกว่า neural transmissions
เพื่อทำให้ global binding เกิดได้ในระดับมิลลิวินาที
────────────────────────
8. Event Horizon ของสมอง: หน้าจอการรับรู้ทางฮอโลกราฟิก
Meijer (2017) เสนอว่า:
สภาวะรู้เกิดขึ้นบนผิว “event horizon” ของสมอง
ที่ซ้อนอยู่ภายในโทรัส 4 มิติ
หน้าจอนี้ทำหน้าที่:
• แสดงผลข้อมูล
• ประมวลผลความหมาย
• เชื่อมสภาวะรู้ปัจจุบันเข้ากับอดีต–อนาคต
• ทำงานเป็น “ชุดอ้างอิงภายใน” ของจิตทั้งหมด
คล้ายขอบฟ้าของหลุมดำ แต่ในเชิงข้อมูล
────────────────────────
9. การเชื่อมโยงกับจักรวาลวิทยา (Cosmology)
มีความคล้ายกันระหว่าง:
• โครงสร้างทางสมอง 4 มิติ
• จักรวาลแบบ hypersphere / toroidal universe
ดังที่ Aurich et al. (2008) และ Merali (2008) กล่าวว่า จักรวาลเองอาจมีรูป โทรัส
ซึ่งสอดคล้องกับงานของ Tozzi & Peters (2016b) ที่ใช้ Borsuk–Ulam theorem อธิบาย
โมเดลนี้จึงเสนอว่ามี
สมมาตรแบบ scale invariance
จากระดับควอนตัม → สมอง → จักรวาล
────────────────────────
10. ข้อสรุปหลัก
1. สมองอาจถูกมองว่าเป็น โทรัสสองชั้น
(3D neural torus + 4D hypersphere torus)
2. การรวมข้อมูลสภาวะรู้เกิดขึ้นบน
event horizon ทางฮอโลกราฟิก
3. เวลา ความทรงจำ และการคาดการณ์
มาจาก โครงสร้างสมมาตร 4 มิติ
4. Consciousness อาจมีลักษณะเป็น
สนามสากล (universal consciousness)
ที่สมองเป็นเพียงตัวรับและประมวลผล
5. กลไกนี้ให้คำตอบแก่ปัญหาคลาสสิกของสติ เช่น:
• binding problem
• free will
• non-local correlations
• retrocausality
โมเดลนี้จึงเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่พยายามรวม:
• ประสาทวิทยา
• ควอนตัม
• ฟิสิกส์สนาม
• โทโพโลยี
• ปรัชญาสภาวะรู้
เข้าไว้ในกรอบเดียวกันอย่างกลมกลืน
#Siamstr #nostr #quantum
Login to reply
Replies ()
No replies yet. Be the first to leave a comment!