หมออรรถพล

หมออรรถพล's avatar
หมออรรถพล
npub1y2ma...rwaz
จบลงแล้ว ซีรีย์วิธี "ล้างพิษ" วัคซีนโควิด อ่านให้ "จบ" จะพบ "คำตอบ" ซีรีย์วิธีล้างพิษวัคซีนโควิด 5 ตอน ตอน (1) ตอน (2) ตอน (3) ตอน (4) ตอน (5)
## โครงการ MKUltra, ทฤษฎีสมคบคิด และผลกระทบต่อสังคมในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โครงการ MKUltra ของหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ถือเป็นบทมืดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการทดลองมนุษย์อย่างผิดกฎหมายและการแสวงหาเทคนิคการควบคุมจิตใจ ซึ่งก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด และมีผลกระทบต่อสังคมอย่างลึกซึ้งในหลายมิติ [1, 2] ### โครงการ MKUltra: ต้นกำเนิด วิธีการ และการมีส่วนร่วมของสถาบันต่างๆ โครงการ MKUltra ดำเนินการโดย CIA ตั้งแต่ปี 1953 ถึง 1973 โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการพัฒนากลวิธีและระบุยาสำหรับการควบคุมจิตใจ การรวบรวมข้อมูล และการทรมานทางจิตวิทยา [1, 2] โครงการนี้เกิดขึ้นจากความกังวลในช่วงสงครามเย็นว่าโซเวียต จีน และเกาหลีเหนือ อาจใช้เทคนิคการควบคุมจิตใจกับเชลยศึกชาวอเมริกัน [2] เป้าหมายคือการหา "เซรุ่มแห่งความจริง" และสร้างบุคคลแบบ "แมนจูเรียน แคนดิเดต" ที่สามารถถูกควบคุมให้กระทำการโดยไม่สมัครใจ [2] วิธีการที่ใช้มีความหลากหลายและมักจะรุนแรง โดยรวมถึง: * การให้ยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในปริมาณสูงโดยไม่ได้รับความยินยอม เช่น **LSD, MDMA, เมสคาลีน, เฮโรอีน, บาร์บิทูเรต, เมทแอมเฟตามีน, ไซโลไซบิน, มอร์ฟีน และคูเรเร** [2-4] * การใช้ไฟฟ้าช็อต, การสะกดจิต, การจำกัดการรับรู้, การแยกตัว และการล่วงละเมิดทางวาจาและทางเพศ [2] การดำเนินงานของ MKUltra มีการละเมิดจริยธรรมและกฎหมายอย่างร้ายแรง รวมถึงการใช้พลเมืองสหรัฐฯ และแคนาดาเป็นเหยื่อโดยไม่ได้รับความยินยอม ซึ่งเป็นการละเมิดหลักจริยธรรมสากล **ประมวลกฎหมายนูเรมเบิร์ก** [2, 5, 6] ความลับสุดยอดของโครงการนี้ถูกปกปิดโดยผู้อำนวยการ CIA ริชาร์ด เฮล์มส์ ซึ่งสั่งทำลายบันทึกส่วนใหญ่ในปี 1973 ทำให้การสอบสวนของรัฐสภาในภายหลังเป็นไปอย่างยากลำบาก [5-8] **สถาบันที่เกี่ยวข้อง**มีอย่างกว้างขวางถึงกว่า 80 แห่ง นอกเหนือจากหน่วยงานทางทหาร ได้แก่: * **บริษัทยา:** **Eli Lilly & Company** ถูกระบุว่าเป็นผู้จัดหายา LSD หลักให้แก่ CIA [9] นอกจากนี้ยังมีการใช้ยาอื่นๆ อีกหลากหลาย แต่ชื่อบริษัทอื่นๆ ไม่ได้ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน เนื่องจากการทำลายบันทึกและความลับของโครงการ [10, 11] * **สถาบันการศึกษา:** มหาวิทยาลัยหลายแห่งถูกใช้เป็นฉากบังหน้าสำหรับการทดลอง รวมถึง **McGill University (Allan Memorial Institute)** ที่ ดร. โดนัลด์ อีเวน คาเมรอน ดำเนินการทดลอง "psychic driving" และ "depatterning" ที่ทำให้เกิดความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรง [12, 13] **Stanford University** และ **Columbia University** ก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก CIA เพื่อศึกษาผลกระทบของ LSD [14, 15] **มหาวิทยาลัยแมริแลนด์** ได้ทำการทดลองฝังขั้วไฟฟ้าในสมองสุนัข โดยมีเป้าหมายจะขยายผลไปสู่มนุษย์ [15] * **สถานพยาบาล:** โรงพยาบาลและ "เซฟเฮาส์" ลับถูกใช้เป็นสถานที่ทดลอง [16] **Georgetown University Hospital** ถูกใช้เป็น "cut-out" เพื่อปกปิดการมีส่วนร่วมโดยตรงของ CIA [17] **"เซฟเฮาส์" ของ CIA ในปฏิบัติการ Midnight Climax** ในซานฟรานซิสโกและนิวยอร์กซิตี้ ใช้โสเภณีล่อลวงลูกค้ามาให้ยา LSD และสารอื่นๆ โดยไม่ได้รับความยินยอม และเฝ้าติดตามพฤติกรรม [18] นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลอื่นๆ อีกกว่า 130 แห่งทั่วสหรัฐฯ ที่มีส่วนร่วม โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มประชากรที่เปราะบาง เช่น เด็กชายที่มีความบกพร่องทางจิต และผู้ป่วยจิตเวช [19] * **เรือนจำ:** เรือนจำถูกใช้เป็นสถานที่ทดลองอย่างเป็นระบบ โดยใช้ผู้ต้องขังที่เปราะบาง เช่น **Atlanta Penitentiary** ซึ่งนักโทษได้รับยา LSD-25 ในปริมาณมาก [20, 21] การใช้ผู้ต้องขังในการวิจัยคล้ายคลึงกับการทดลองของนาซีในค่ายกักกัน และหน่วย 731 ของญี่ปุ่น [22] * **หน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ:** โครงการนี้เกี่ยวข้องกับ **U.S. Army Chemical Corps, U.S. Army Biological Warfare Laboratories** และ **Federal Bureau of Narcotics** [23-25] MKUltra ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรุ่นก่อนหน้า เช่น **Project CHATTER, Project Bluebird และ Project Artichoke** ซึ่งมุ่งเน้นเทคนิคการซักถามและการควบคุมจิตใจ [25] ### "ทฤษฎีสมคบคิด" และผลกระทบต่อสังคมในอดีต คำว่า **"ทฤษฎีสมคบคิด" (Conspiracy Theory)** ถูกสร้างขึ้นโดย CIA เพื่อ **ปิดกั้นขบวนการแสวงหาความจริง** (Truth Movement) และ **ปิดปากการถกเถียงสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา** [26, 27] การประทับตรานี้ถูกใช้มานานหลายทศวรรษเพื่อขัดขวางผู้แสวงหาความจริง และทำให้ความคิดเชิงวิพากษ์ถูกมองข้ามและเย้ยหยัน [27] ในอดีต การที่สื่อกระแสหลัก (MSM) เผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดปลอมจำนวนมาก มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้นำชาวอเมริกันให้เข้าใจผิด [28] เช่น รายงานทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 และการลอบสังหาร JFK ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมา [28, 29] ตัวอย่างการลอบสังหาร JFK ซึ่งหน่วยงานต่างๆ เช่น CIA, FBI, Secret Service, ตำรวจ และสำนักงานชันสูตรศพ อาจเกี่ยวข้องกับการปกปิดความไร้ประสิทธิภาพหรือการสมรู้ร่วมคิดขนาดใหญ่ [30] แคธี่ โอไบรอัน ผู้เปิดโปงโครงการ MKUltra กล่าวว่าเธอถูกทรมานและควบคุมจิตใจตั้งแต่เด็กภายใต้โครงการนี้ [31] การเป็นพยานของเธอในปี 1995 ถูก **เซ็นเซอร์ภายใต้ "ความมั่นคงของชาติ"** (National Security) เนื่องจากข้อมูลของเธอถูกตรวจสอบและยืนยันแล้ว [32] เธอเน้นย้ำว่า **ความรู้คือการป้องกันการควบคุมจิตใจ** และเหตุผลที่พวกเขาเรียกใช้ความมั่นคงของชาติก็คือไม่ต้องการให้ประชาชนมีข้อมูล [33] เธอเชื่อมโยงสูตรการควบคุมจิตใจที่เข้ามาในสหรัฐฯ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่าน **"โครงการ Paperclip"** ซึ่งนำนักวิทยาศาสตร์นาซีมาพร้อมกับงานวิจัยของฮิตเลอร์-ฮิมม์เลอร์เกี่ยวกับการควบคุมจิตใจโดยอาศัยบาดแผล (trauma-based mind control) [34, 35] ผลกระทบในอดีตคือ **การกัดกร่อนความไว้วางใจของสาธารณะ** ในสถาบันภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานข่าวกรอง และสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ [6, 15] การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงใน MKUltra และการปกปิดข้อมูลในโครงการ Paperclip (ซึ่งมีการ "ล้างประวัติ" นักวิทยาศาสตร์นาซี) ได้สร้าง **รากฐานทางจริยธรรมที่เป็นปัญหา** สำหรับการปฏิบัติการข่าวกรองในอนาคต [36-38] โอไบรอันยังได้เปิดเผยว่านักการเมืองที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น **เจอรัลด์ ฟอร์ด, ปิแอร์ ทรูโด, โรเบิร์ต ซี. เบิร์ด, ดิ๊ก เชนีย์, โรนัลด์ เรแกน และมาเดลีน อัลไบรท์** มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เธอในเรื่องเพศ และกิจกรรมการค้ามนุษย์ เพื่อควบคุมและปั่นป่วนระบบการเมือง [39-47] เธอยังกล่าวถึงความพยายามของบุคคลอย่าง **บิล เบนเน็ตต์** เลขาธิการการศึกษาของเรแกน ในการนำเสนอ **"โครงการการศึกษาระดับโลก" (global education program)** ที่อิงจากแนวคิดการปลูกฝังอุดมการณ์เยาวชนของฮิตเลอร์ โดยถอดการเขียนด้วยมือออกจากการเรียนการสอน ซึ่งเชื่อว่าเป็นการปิดกั้นการคิดเชิงวิพากษ์ [48, 49] ### ผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน ในยุคปัจจุบัน ความสงสัยในข้อมูลอย่างเป็นทางการยังคงมีอยู่ [6, 15] อย่างไรก็ตาม **การแพร่หลายของอินเทอร์เน็ต** ทำให้ผู้ที่ถูกเรียกว่า "นักทฤษฎีสมคบคิด" หรือ "ผู้ยึดมั่นในความเป็นจริงของการสมคบคิด" (conspiracy realists) สามารถทำงานร่วมกันและแบ่งปันข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การท้าทายเรื่องเล่าอย่างเป็นทางการ [29] แคธี่ โอไบรอัน เชื่อว่า **การควบคุมจิตใจยังคงถูกใช้เพื่อนำไปสู่วาระ "สังคมทาสนิยมโลกาภิวัตน์" (globalist slave society agenda)** ที่เรากำลังประสบอยู่ทุกวันนี้ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากการค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ [33, 34] เธอเห็นว่าเหตุการณ์ต่างๆ เช่น **การระบาดของ COVID-19 เป็น "การควบคุมจิตใจที่ถูกอำพรางเป็นไวรัส"** ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมประชากรโลก และเชื่อมโยงกับการลดจำนวนประชากรและการเคลื่อนไหวของกลุ่มข้ามเพศเพื่อหยุดการสืบพันธุ์ของมนุษย์ [50-52] การควบคุมโดยการแบล็กเมล์ยังคงเป็นกลไกสำคัญ ดังที่เห็นได้จากกรณีของ **เจฟฟรีย์ เอปสไตน์** ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลนี้อาจทำให้การควบคุมของรัฐบาลพังทลาย [40, 53] นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงการที่ **อาหารของเราถูกดัดแปลงพันธุกรรมและปนเปื้อนด้วยฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม** ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "สูตรทางวิทยาศาสตร์สำหรับการควบคุมจิตใจแบบ MKUltra" เพื่อ "ทำให้สมองอดอยาก" และหยุดความสามารถในการคิดอย่างถูกต้อง [54] ในที่สุด โอไบรอันมองว่าการควบคุมจิตใจเป็น **"สงครามทางจิตวิญญาณ"** (spiritual warfare) ที่พยายามจะทำลายความคิดอิสระ เจตจำนงเสรี และการแสดงออกของจิตวิญญาณ เพื่อทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง [54, 55] ### ผลกระทบต่อสังคมในอนาคต สำหรับอนาคต แคธี่ โอไบรอันเน้นย้ำว่า **การรับรู้ของสาธารณะและการกระทำของแต่ละบุคคลเป็นกุญแจสำคัญ** ในการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและทวงคืนอำนาจจากผู้กระทำผิด [32, 55-58] การทำความเข้าใจและ **การเยียวยาจากบาดแผล** ซึ่งเป็นพื้นฐานของการควบคุมจิตใจ จะช่วยให้บุคคลสามารถเอาชนะผลกระทบและหลีกเลี่ยงการถูกกระตุ้นได้ [34, 59-64] มรดกของโครงการ MKUltra และ Paperclip จะยังคงเป็นประเด็นถกเถียงและวิเคราะห์ต่อไป ซึ่งเน้นย้ำถึง **ความตึงเครียดที่ยั่งยืนระหว่างความจำเป็นทางยุทธศาสตร์กับความรับผิดชอบทางจริยธรรม** [6, 65] โอไบรอันมองว่า หากผู้คนตระหนักถึงการควบคุมจิตใจอย่างกว้างขวางและทวงคืน "ความเข้มแข็งของจิตวิญญาณมนุษย์" นั่นหมายถึง **"เกมจบ" สำหรับผู้กระทำผิด** [55] อนาคตขึ้นอยู่กับว่าผู้คนจะตื่นตัว เปิดใจ และเริ่มรับผิดชอบชีวิตของตนเอง ไม่ให้อำนาจแก่รัฐบาล บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือศาสนาที่คลั่งไคล้ [56, 58, 66]
คนมากมาย บอกว่า โดน "บังคับฉีดวัคซีน💉☠️" จำกันได้ไหมว่า เขาบอกว่า ฉีดเพื่ออะไร? กันติดเชื้อ? กันแพร่เชื้อ? เขา "โกหก" บริษัทยา โกหก สธ โกหก รัฐบาล โกหก ผู้เชี่ยวชาญ โกหก ถ้าพวกคุณรู้ ว่า พวกเขา โกหก จะยอมให้เขา "บังคับ" ไหม? และ ถ้า ตอนนี้ คุณ ป่วย ญาติ คุณ เสียชีวิต เพราะคำโกหก เหล่านั้น คุณจะโทษ ว่า เพราะคุณโง่เองถึงโดนเขาหลอก หรือ คุณจะเรียกร้องความเป็นธรรม ให้ตัวคุณเอง เอาคนโกหกมารับโทษ!!
สื่อในอเมริกา ออกข่าวชัดเจน พร้อมโชว์หลักฐาน ไทม์ไลน์ ขบวนการโกหก ที่มีหัวโจกชื่อ Anthony Fauci หรือชื่อไทยๆ ว่า นาย "เฝ้าขรี้" ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด เกือบทุกวัน จะเห็นนาย เฝ้าขรี้ Fauci ให้ข่าวตามสื่อกระแสหลัก ต้อนให้คนไปฉีดวัคซีน บอกให้ใส่หน้ากาก บอกให้แยกตัว เก็บตัว ให้ห้างร้านปิดขาย จนเจ๊ง เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจไปทั่ว ตอนนี้ มีคนขุดว่า Fauci มั่ว และตั้งใจ 💥โกหก💥 โดยเรื่องสำคัญที่สุด คือ เรื่องที่เชื้อโควิด เป็นฝีมือมนุษย์ ในช่วงเริ่มต้นการระบาดใหม่ มีนักวิทยาศาสตร์หลายราย รวมทั้งนักไวรัสวิทยาที่ได้รางวัลโนเบล อย่าง Prof Luc Montagneir, ออกมาบอกโลกว่า เชื้อไวรัสโควิด เป็นฝีมือมนุษย์สร้าง Anthony Fauci ซึ่งขณะนั้นเป็น ผอ NIAID รีบจัดประชุมลับกับเจ้านาย Francis Collins ผอ NIH ให้หาวิธี *กลบข่าว* นี้ แถมยังบอกให้ Anderson นักวิจัยในกำกับ เขียนงานวิจัยเพื่อ "หลอกสังคม" ว่า เชื้อโควิด มาจากธรรมชาติ เสร็จแล้ว Fauci เฝ้าขรี้ ก็เอางานวิจัยดังกล่าวมาแถลงข่าว อ้างว่า เชื้อมาจากธรรมชาติ ทั้งที่จริงๆ Fauci เป็นคนสั่ง/ให้เงินสนับสนุนการเขียนรายงานนั้นเอง คำถาม คือ ทำไม Fauci ต้อง ปกปิด ความจริง? คำตอบ คือ เพราะว่า Fauci เป็นคนให้ทุน วิจัยเพื่อ สร้างเชื้อโควิด เอง งานวิจัยที่เรียกว่า gain of function research, GOF โดยเป็นการให้ทุนผ่าน Ecohealth Alliance ที่มี Peter Daszak เป็นหัวหน้า Peter Daszak คนเดียวกันที่ นำทีมจาก WHO ไปตรวจสอบห้องปฏิบัติการใน อู่ฮั่น แล้วทำรายงานหลอกชาวโลกว่า เชื้อโควิด ระบาดมาจากตลาด ไม่ได้มาจากห้องปฏิบัติการอู่ฮั่น ที่เขาเองเป็นคนให้ทุนวิจัย Peter Daszak แห่ง Ecohealth Alliance มาให้ทุน ห้องปฏิบัติการในไทยด้วย ให้ทุนทำอะไร เกี่ยวกับการทำวิจัยเพื่อสร้าง เชื้อโรค สร้างอาวุธชีวภาพหรือไม่ ต้องไปตามอ่านบทความของอาจารย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา โดยเฉพาะคำอธิบายของท่านว่า ทำไมท่านจึงต้องลาออกจากการเป็นหัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ ฝากนักข่าวไทย ที่ยังพอมี จรรยาบรรณวิชาชีพ ยังสนใจรายงาน "ความจริง" อยู่ช่วยกรุณาทำข่าวนี้ด้วยครับ