"And They Shall Know No Fear"
Warhammer 40K : Secret Level (ep.5)
#siamstr
Anon : เมื่อก่อนรู้สึกยังไง?
I'm : แสงสว่างล่ะมั้ง เป็นความหวังที่อาจจะเป็นสิ่งพลิกชีวิตได้เลย
Anon : แล้วรู้สึกยังไงเมื่อความหวังพังทะลายลงต่อหน้าต่อตา?
I'm : ก็..ทบทวนตัวเอง มองโลกบนความเป็นจริง อยู่กับเหตุผล มองหาความเป็นเหตุเป็นผล แต่ในมุมหนึ่งก็ยังต้องใช้สิ่งที่เรียกว่าความหวังเป็นแรงกระตุ้น แต่มันก็ไม่ใช่ความหวังที่ไร้เหตุผลเสียทีเดียว
Anon : ไม่ไร้เหตุผลยังไง?
I'm : มนุษย์ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ความทุกข์ที่ไม่ตายทำให้มนุษย์เติบโต การผ่านมันมาได้ มนุษย์จะไม่ใช่คนคนเดิมอีกต่อไป ไม่ได้ตอบคำถามใช่มั้ย?
Anon : ก็นะ..
I'm : ในช่วงแรก ๆ ที่เรารู้จักกับมัน เราได้ให้ความหวังไปกับการมองมันว่าเป็นสิ่งที่จะพลิกชีวิตให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากขอทานให้เป็นเจ้าสัว ในตอนนี้พอนึกย้อนกลับไปมันก็ฟังดูเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อสิ้นดี ใช่ เมื่อเราได้เห็นความเป็นจริงของโลกมากขึ้น
ที่ผมบอกว่ามันไม่ใช่ความหวังที่ไร้เหตุผล จริง ๆ แล้วผมแค่สร้างเหตุผลใหม่ให้กับตัวเองในการมีความหวังเพื่อที่จะถือครองสิ่ง ๆ นี้ต่อไปได้ แม้ว่าจะต้องทุกข์ทนในทุก ๆ ครั้งที่ได้เห็นมูลค่าของมันติดลบอยู่อย่างนั้นเป็นแรมปีจากที่มันเคยกำไรแล้วผมไม่ได้ขาย
ในสมองอันขาวโพลนของผม เหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา อันที่จริงแล้วออกจะเป็นข้ออ้างมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ถูกใช้เพื่อคอยย้ำเตือนตัวเองเพื่อให้มีหลักยึด ตัวอย่างก็เช่น
ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่มีจำกัดอย่างแท้จริง และเมื่อเทียบกับอีกสิ่งที่ไร้การจำกัด ไม่นานมันก็คงจะกลับมาเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ ก็แค่ต้องรอเวลา เวลาที่มันจะกลับมากำไรเหมือนเดิมอีกครั้ง
จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นความพยายามในการให้เหตุผลที่จะมีความหวัง มันก็ไม่ได้หลุดพ้นไปจากความหวังอันเพ้อเจ้อที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านั้นมากเท่าไรนัก และมันก็แอบฟังดูตลกหน่อย ๆ คุณลองนึกภาพดูสิ คุณที่กำลังมองเห็นภาพของบิตคอยน์เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการต่อต้านเงินตราที่สร้างขึ้นจากอำนาจของรัฐ สิ่งที่มีอย่างจำกัดอย่างแท้จริงกับสิ่งที่ไร้การจำกัด พยายามย้ำเตือนตัวเองถึงแนวคิดนี้ แต่กลับยังคงต้องการผลของกำไรเมื่อแปลงมันกลับมาเป็นเงินของรัฐที่คุณเกลียด โดยเสแสร้งทำเป็นหลอกตัวเองว่า นั่นแหละ คุณกำลังมั่งคั่งขึ้นเพราะว่าตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นกำลังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของบิตคอยน์ที่คุณอดออมไว้ แต่ด้วยการเอามันไปเทียบกับเงินของรัฐ
Anon : โดยสรุปก็คือ?
I'm : โดยสรุปก็คือ มันเหมือนจะมีความเป็นเหตุเป็นผล แต่มันก็มีความย้อนแย้งในตัวของมันเอง มันไม่ได้สมบูรณ์แบบเพราะสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่เคยสมบูรณ์แบบแม้ว่าเราจะเรียกมันว่าความมีเหตุผล เราทำได้แค่สร้างเหตุผลใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ เมื่อเรายังต้องการจะมีความหวังต่อสิ่ง ๆ หนึ่ง
Anon : แล้วมันยังไงต่อ? หมายถึงว่า แล้วทุกวันนี้รู้สึกยังไงกับมัน? ก็ในเมื่อมันกลับมากำไรแล้ว ทำไมไม่ขายมันไป ก่อนหน้านี้คุณยังตั้งความหวังไว้ว่ามันจะกลับมากำไร ในตอนนี้มันก็กำไรแล้วนิ
I'm : ก็อย่างที่บอกไป มันคงจะเป็นความย้อนแย้งในตัวของผมเอง รู้มั้ย.. ผมพึ่งจะนึกอะไรออกในตอนนี้เลย
Anon : ...
I'm : ผมพึ่งจะสร้างเหตุผลใหม่ให้กับตัวเองเพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีความหวังที่จะถือครองมันต่อไปได้โดยที่ไม่ขาย แม้ว่ามันจะกำไรมากแค่ไหนแล้วก็ตาม
Anon : ยังไง?
I'm : ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์หรือเส้นกราฟที่แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของบิตคอยน์ที่เก็บออม ว่ามันกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับเงินของรัฐที่คุณและผมต่างก็รู้สึกเกลียด มันเลยไม่ใช่เหตุผลที่ดีมากพอที่จะใช้บอกกับตัวว่าให้ขายมันไปซะ
I'm : ผมก็แค่ต้องบอกตัวเองว่าตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่แสดงให้เห็นว่าเพิ่มขึ้น มันไม่ใช่ตัวเลขของความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นจริง ผมแค่ต้องไม่ลืมว่า ถ้าหากว่าบิตคอยน์ที่ผมมีอยู่นี้ที่ไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเลย ตัวเลขเปอร์เซ็นต์พวกนั้นที่เพิ่มขึ้นมา มันก็เป็นเพียงสิ่งย้ำเตือนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา บิตคอยน์ได้ปกป้องพลังงานและเวลาที่ผมเอามาเก็บรักษาไว้จากการเสื่อมค่าได้แท้จริงแค่ไหน ถ้าหากว่ามันเท่าเดิมก็เสมอตัวไม่ได้ไม่เสียอะไรไป บิตคอยน์ผมก็มีเท่าเดิม แต่ในวันที่ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ของการเปรียบเทียบมันเพิ่มขึ้นมาให้เห็นเมื่อไร นั่นก็ยิ่งตอกย้ำว่าถ้าผมไม่ได้มีบิตคอยน์อย่างที่มีในวันนี้ พลังงานและเวลาที่ผมเอาไปเก็บไว้ในเงินของรัฐ "มันจะเสื่อมค่าไป ได้มากแค่ไหน"
#Siamstr
#SiamstrOG