1 ล้าน Sats รวยกว่า 1 ล้านบาท จริงเหรอ? - Sats And Sound Ep.50 คลิปนี้ไม่ได้เรียกทัวร์ แต่คิดว่าคงมีคนเห็นต่างแน่นอนครับ บ้าหรือเปล่า 1 ล้าน sats มูลค่าแค่ 3-4 หมื่นบาทไทย จะรวยกว่า 1ล้านบาทไทยได้ยังไง ใครคิดแบบนี้อยากให้ดูคลิปให้จบก่อนครับ ผมอยากให้ทุกคนเห็นภาพความจริงของเงินที่ดีเมื่อเทียบกับเงินที่เสื่อมค่า ย้อนกลับไปเมื่อ 10-15 ปีก่อน การวางแผนเกษียณมีสัก 5ล้านบาทก็เกษียณได้แล้ว แต่ตอนนี้ปี 2025 ลองไปถามคนที่วางแผนเกษียณได้เลยทุกคนอาจจะตอบคล้ายๆกันคือ มีแค่ 5 ล้านบาทคงไม่พอแล้ว สาเหตุเพราะเงินเฟียตในมือของเรามันเสื่อมค่า จากการพิมพ์เงินและเงินเฟ้อนั่นเอง ผมจะมาบอกว่าทําไม การมี 1 ล้าน Sats ถึงรวยกว่า 1 ล้านบาท เงินเฟ้อที่ประกาศประมาณ 2-3% ต่อปี ใครยังเชื่อตัวเลขนี้อยู่ อยากให้มาดูความจริงกันครับ เราไปดูปริมาณ M2 ซึ่งคือปริมาณเงินที่อยู่ระบบในไทยก็ได้ M2 คือ ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ จะครอบคลุมปริมาณเงินที่อยู่ในมือประชาชนและภาคธุรกิจทั้งหมด ง่ายๆคือใช้ดูเงินเฟ้อนั่นเอง แต่ละปีเงินเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ข้อมูลจาก treding view ปริมาณ M2 ของประเทศไทย กรกฏาคม 2025 M2 = 23.43T กรกฏาคม 2024 M2 = 22.68T กรกฏาคม 2020 M2 = 20.14T กรกฏาคม 2015 M2 = 14.57T กรกฏาคม 2009 M2 = 9.07T การคำนวณการเพิ่มขึ้นของ M2 จากปี 2024 ถึง 2025 (1 ปี) ปริมาณที่เพิ่มขึ้น: 23.43T - 22.68T = 0.75T (3.31%) อันนี้ดูไม่แย่นะ ไม่ถึง 4% แต่ยังไม่จบครับ จากปี 2020 ถึง 2025 (5 ปี) ปริมาณที่เพิ่มขึ้น: 23.43T - 20.14T = 3.29T (16.34%) จากปี 2015 ถึง 2025 (10 ปี) ปริมาณที่เพิ่มขึ้น: 23.43T - 14.57T = 8.86T (60.81%) จากปี 2009 ถึง 2025 (16 ปี) ปีแรกที่บิทคอยเกิดขึ้น หลังจาก Hamburger crisis 2008 ปริมาณที่เพิ่มขึ้น: 23.43T - 9.07T = 14.36T (158.32%) จากตัวเลข 16 ปีที่ผ่านปริมาณเงินในไทยเพิ่มขึ้น 158% นี่ไงครับใจความสําคัญของคลิปนี้ สาเหตุที่ว่ามีเงินเก็บเท่าไหร่ ก็ไม่เคยพอ ค่าใช้จ่ายมากขึ้นทุกอย่าง มีตัวอย่าง ข้าวกะเพราะ 10 ปีก่อนยังได้เห็น 30-40 บาทต่อจาน ตอนนี้ 60-100 บาทต่อจานไปแล้ว การถือเงินเฟียตที่อํานาจการจับจ่ายลดลงตลอดเวลา มันทําให้เราไม่สามารถหาเงินได้ทันอัตราเร่งของเงินเฟ้อ เพราะรัฐบาลพิมพ์เงินเข้ามาในระบบเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่แก้ผิดจุดตลอดเวลา รวมถึงอเมริกาที่พิมพ์เงินและขยายเพดานหนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ เงินเฟ้อมันแย่ แต่เราไม่มีทางหลีกหนีมันได้เลย มีคําพูดบอกว่า มี 2 สิ่งที่คนเราไม่มีทางหนีได้นั่นคือ ความตาย และ ภาษี ผมขอเพิ่มไปอีก 1 อย่างนั่นก็คือเงินเฟ้อ ครับ เก็บเงินเฟียตเดือนละแสนยังแพ้เงินเฟ้อในระยะยาวเลย น่ากลัวนะครับ ไหนๆจะขยี้มันยังไม่จบครับ ผมก็ได้ไปคํานวณต่อว่า 16 ปีที่ผ่านมานั้น 158.32% ถ้าคิด อัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีของ M2 จากข้อมูลนี้คือประมาณ 6.01% มันจะตรงกับที่เราคาดการณ์กันเงินเฟ้อที่แท้จริง 6-8% ต่อปี เห็นยังครับ มันไม่ใช่ 2-3% ตามค่า CPI นะครับ จากคลิปอาจารย์พิริยะ ล่าสุดผมชอบมาก แกบอกว่า ถ้าใครอยากดูเงินเฟ้อคร่าวๆ ให้ไปดูอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของแบ้งค์ จากรูปขอบคุณข้อมูลจาก เวิร์คพ้อยทูเดย์นะครับ ดู MRR 6.5-8% นี่แหละคือคําตอบว่า แบงค์เขารู้ตัวเลขเงินเฟ้อที่แท้จริงนะ ถ้าเงินเฟ้อจริงมัน 2-3% ทําไมแบงค์ไม่สามารถลดอัตราเงินกู้ให้ถูกลงกว่านี้ได้ ถ้าใครดูมาถึงตรงนี้ น่าจะเริ่มเข้าใจและได้คําตอบแล้วครับว่า การถือ 1ล้าน sats หรือ 0.01 BTC นั้นรวยกว่า การมีเงิน 1 ล้านไทยบาทในระยะยาว ผมมีคลิป เป้าขั้นต่ำที่อยากให้ทุกคนมีบิทคอยไว้ 0.01 BTC เข้าไปดูกันได้นะครับ ถ้าถามว่าบิทคอยมันมาแก้อะไร มันก็มาแก้เงินเฟ้อไง ตรงตัวเลย แก้แค่เรื่องนี้ ชีวิตเราจะง่ายขึ้นเยอะเลย สมมติมี 1ล้าน sats มูลค่า 35,000 บาท ในวันนี้ ในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณก็ยังมี 1ล้าน sats หรือ 0.01 BTC เท่าเดิม แต่การพิมพ์เงิน เงินเฟ้อ ตลอดเวลา จะทําให้มูลค่า 1 ล้าน sats เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะบิทคอยไม่เฟ้อ มันถูกโปรแกรมมาให้ไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้อีก ตัดไปที่คุณถือเงินเฟียต 1 ล้านบาท เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี ด้วยอัตรเงินเฟ้อ 6-7% อํานาจการจับจ่าย ของคุณจะเหลือเพียง 5แสนบาทเท่านั้น และมันจะลดลงไปเรื่อยๆ เพราะเงินเฟียตถูกพิมพ์ออกมาได้เรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด เท่ากับว่า ใครยิ่งถือบิทคอยช้า เราจะยิ่งโดนเงินเฟ้อกัดกินอํานาจการใช้จ่ายไปเรื่อยๆ ถ้าใครยังคิดว่า บิทคอยแพงขนาดนี้มันจะโตไปได้อีกเท่าไหร่ ผมมีรูปนี้มาอธิบายให้ฟัง นี่คือรูปของ total global assets value สินทรัพย์แต่ละอย่างมีมูลค่าเท่าไหร่บ้าง ข้อมูลจาก onceinaspecies.com - อสังหาฯ กับ พันธบัตร มีอยู่ประมาณ 300T - เงินและหุ้น 130T - ทองคํา 22T - บิทคอยมีแค่ 2T เท่านั้น ตอนนี้น่าจะ 2.4T ซึ่งเราจะเห็นว่า ยังมีช่องการเติบโตอีกมากเลย มีคนกาวว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า มูลค่าของบิทคอยจะแซงทองคําได้ คิดเร็วๆ ตอนนี้ราคา 3.5 ล้าน มูลค่าเพิ่มขึ้น 10 เท่า ล้านsats หลักหมื่นในวันนี้ จะกลายเป็นหลักแสนในวันนั้น อาจจะมีคําถามว่า ตอนนี้การเงินพังแล้ว อยากถือบิทคอยต้องทํายังไง 1 ทํารายรับรายจ่ายและเช็คสุขภาพการเงินของคุณก่อน ข้อนี้จะทําให้เรารู้ว่า เรามีเงินเท่าไหร่ มีรายได้ รายจ่ายเท่าไหร่ ทําให้เราวางแผนการออมบิทคอยได้ในระยะยาว ต้องออมบิทคอยอย่างสมํ่าเสมอทุกเดือน ทุกอย่างจะไม่มีประโยชน์ถ้าคุณออมได้เยอะๆมากแค่ 2-3 เดือนแรกแล้วเลิก ถ้ายิ่งใครมีสินทรัพย์ที่โตแย่กว่า เงินเฟ้อ หรือเงินเก็บที่ยังไม่ได้จัดสรร รีบเปลี่ยนเป็นบิทคอยได้เลย ถ้าปัญหาคือการหาเงินได้ไม่เยอะ - ดูสินทรัพย์ที่มีก่อน เผื่อมีบางอย่างที่ยังไม่ได้จัดสรร หรือ อยู่ในสินทรัพย์ที่โตช้ากว่าเงินเฟ้อก็เปลี่ยนมาเป็นบิทคอย - หาเงินให้มากขึ้น เพื่อออมบิทคอยมากขึ้น - กําหนดแผนและเป้าหมายที่ทําได้จริงอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน - ศึกษาเรื่องการเก็บบิทคอยใน HW อย่างปลอดภัย 2 ในระหว่างจัดการการเงินตัวเอง ต้องศึกษาบิทคอยไปด้วย ว่ากันว่า เราจะมีบิทคอยเท่ากับความรู้ที่มี เรื่องนี้เป็นเรื่องปัจเจคบุคคล เอาเป็นว่าศึกษาเยอะๆครับ แล้วคุณจะรู้จุดของตัวเองว่าเราโอเค หรือ ต้องการออม หรือ ต้องการมีบิทคอยแค่ไหน ผมเคยทำคลิปเกี่ยวกับบิทคอยเพื่อเกษียณลองไปดูกันได้ 3 ทั้งสองข้อที่ผมบอกไปด้านบน ต้องทําเลยนะครับ ถ้าผลัดวันประกันพรุ่งอยู่ คนก็จะไม่ได้เริ่มสักที ใครยังไม่มีไอเดียลองดูคลิป ออมด้วยหลักการสิบเท่าของผม ดูได้ครับ บอกไอเดีย รวมถึงวิธีบันทึกการออมที่ทำง่ายๆ ทำได้ทุกคน สรุป 1 บิทคอยคือเงินที่ดี ถือไปมันไม่เสื่อมค่าลง กลับกันเฟียตคือเงินที่ไม่ดี มูลค่าจะลดลงตามการพิมพ์เงินและเงินเฟ้อ ดังนั้น ในระยะยาว 1 ล้าน sats ยังไงก็รวยกว่า มี 1 ล้านบาท 2 เงินเฟ้อมันเฮีย แต่เราก็หลีกหนีไม่พ้น ไม่อยากจนลงวิธีแก้คือ เปลี่ยนเงินเสื่อมค่าในมือให้กลายเป็นเงินไม่เสื่อมค่า 3 เงินเฟ้อที่ค่อยกัดกินเราไปเรื่อยๆ จะทําร้ายทุกคนที่รู้ไม่ทัน ดังนั้นถ้าคุณเข้ามาดูคลิปนี้ คุณรอดแล้วครับ 4 ทุกอย่างที่พูดเอามาจากข้อมูลจริงๆในอดีต ที่ถ้าเราเข้าใจความสําคัญของมัน จะทําให้เราเลือกทางเดินที่ถูกต้อง การออมเงินผิดที่เสียเวลามากครับ กว่าจะรู้อีกทีเราอาจจะเสียโอกาสมหาศาลแล้ว 5 มองทุกอย่างให้เป็นภาพกว้าง และ ระยะยาว มันจะทําให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกังวลกับราคาบิทคอยระยะสั้นครับ แค่ออมง่ายๆโง่ๆ อย่างสม่ำเสมอ และเก็บไว้อย่างปลอดภัยใน HW แค่นี้พอแล้ว 6 บิทคอยยิ่งถือช้ายิ่งซื้อแพง ใครสนใจอยากเริ่มออมระยะยาว ต้องศึกษาบิทคอยและเช็คสุขภาพการเงินของตัวเองก่อน แล้วเริ่มเลย ทุกอย่างที่พูดในคลิป ถ้าใครไม่เชื่อไม่เป็นไรครับ คุณลองทดสอบด้วยตัวเองได้ บิทคอยเป็นทางเลือกที่ใครจะถือหรือไม่ถือก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง #siamstr #bitcoin #btc #satsandsound #ออมbtc #stacksats
ของไม่จําเป็น ไม่ซื้อในทันทีทําแค่นี้ ประหยัดได้มหาศาล - sats and sound EP28 ตอนนี้พวกเราอยู่ในยุคการซื้อของออนไลน์ ที่ง่ายดายไปหมดไม่ว่าจะเป็น การหาของที่ต้องการ คลิปป้ายยาแปะพิกัด การจ่ายเงิน กดสั่งง่ายๆหน้าจอมือถือที่บ้าน อีก 2-3 วันของก็มาส่งแล้ว สะดวกสบายมาก เทียบกับ 10 ปีก่อน พฤติกรรมของผมเปลี่ยนไปเลย ตอนนี้ผมซื้อ ออนไลน์ 95% แล้ว ผมว่าคนไทยส่วนมากก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พอซื้อง่าย จ่ายง่าย แถมมีเทรน ของมันต้องมี อยู่ตลอด ทําให้บางครั้งเราอาจจะไปซื้อสินค้าที่ไม่ได้จําเป็นต่อเราขนาดนั้น เบื้องหน้าการช้อปปิ้งบําบัดเพื่อความสุขแบบนี้ มันคือ การใช้ชีวิตแบบ High Time Preference ที่ตัวผมเองก็เป็น แต่ผมเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากมัน โดยที่รู้เท่าทันตัวเอง สินค้าที่เราต้องซื้อผมจะแบ่งออกเป็น 4 แบบ ตามความจําเป็นและความเร่งด่วนของสินค้านั้นๆ 1 สินค้าจําเป็นและเร่งด่วน 2 สินค้าไม่จําเป็นแต่เร่งด่วน 3 สินค้าจําเป็นแต่ไม่เร่งด่วน *** 4 สินค้าไม่จําเป็นและไม่เร่งด่วน 1 สินค้าจําเป็นและเร่งด่วน สินค้ากลุ่มนี้คือสิ่งที่คุณต้องมีทันที และขาดไม่ได้ เพราะมีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวัน สุขภาพ ความปลอดภัย หรือการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ - ป่วยต้องไปซื้อยามากิน - ฝักบัวที่บ้านเสีย ต้องซื้อใหม่เลย - มือถือ ถ้าเสีย หรือ ทําหาย สมัยก่อนผมใช้ ไอโฟน 5s ซึ่งพังคามือเลย ข้อมูลหายหมด ทําให้ผมต้องไปยืมมือถือสํารองเพื่อนใช้ระหว่าง รอเครื่องใหม่ ใช้ชีวิตลําบากมาก แต่ตอนนั้น ยังไม่ได้ใช้แอฟธนาคารจ่ายเงิน ถ้าเป็นตอนนี้ ไม่มีมือถือไม่ได้เลย - คอมพิวเตอร์ที่ทํางาน หาเงิน เสียกระทันหัน ชีวิตวุ่นวาย - รถเสีย/อุบัติเหตุ ต้องซ่อมทันที เพราะไม่งั้นเราเดินทางไม่ได้ แนะนํา - พวกนี้ยังไงก็ต้องซื้อใช้เลย ถ้าไม่มีลำบาก จัดการเงินไว้ก่อนชีวิตจะไม่ได้สะดุด - ในกรณีที่สินค้านั้นราคาไม่แพงมากเช่น ไม่เกิน 1000 บาท ผมใช้เงินรายเดือนได้เลยเพราะผมได้กันเงินไว้เผื่อซื้อของพวกนี้ไว้อยู่แล้ว เคสจริงจากด้านบน ซื้อยา หรือฝักบัวในบ้านพัง ใช้เงินรายเดือนนี่แหละ สรุปรายเดือนเหลือเท่าไหร่ก็ค่อยเก็บออม - ถ้าสินค้านั้นราคาแพงมาก อาจจะสัก 2-3พันบาท หรือ แพงกว่านั้น ผมจะใช้เงินสํารองฉุกเฉินมาใช้ (ประมาณ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน) โดยหลังจากนั้นก็ค่อยๆเก็บสะสมให้เท่าเดิม มือถือพัง คอมพัง และรถเสียใช้เงินสํารองฉุกเฉินที่เก็บไว้มาใช้ 2 สินค้าไม่จําเป็นแต่เร่งด่วน กลุ่มสินค้าที่ไม่ต้องมีก็ได้ แต่ตอนนั้นมีโอกาสที่ซื้อในราคาถูกมาก หรือเป็นสิ่งที่ทําให้เรามีความสุข - ตั๋วคอนเสิร์ต/ตั๋วเครื่องบินราคาโปรโมชันแบบ Flash Sale - ของขวัญให้คนสําคัญในวันพิเศษ หรือ hang out กับเพื่อนๆ - งานภาษีสังคมต่างๆ เช่น งานแต่ง งานศพ งานบวช แนะนํา - กลุ่มนี้ก็ใช้การบริหารเงินเหมือนกับกลุ่มแรกได้เลย ผมกันเงินไว้ส่วนหนึ่งรายเดือนเผื่อใช้อยู่แล้ว - เราสามารถลดหรือตัดได้ เช่น ไม่จําเป็นต้องไป hang out คอนเสิร์ตทุกครั้งที่เพื่อนชวน - งานภาษีสังคมต่างๆ ผมก็จะเลือกไปบางงาน งานไหนไม่ได้ไปก็ส่งเงินไปแทน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่ต้องลางานด้วย กลุ่มสินค้าที่ต้องใช้ด่วน หลักคิดสําคัญคือการบริหารเงินและดูความจําเป็น ชีวิตจะได้ไม่สะดุด 3 สินค้าจําเป็นแต่ไม่เร่งด่วน เป็นกลุ่มที่เราต้องใช้ความสําคัญมากที่สุด มันคือของจำเป็นแต่ไม่ต้องใช้ตอนนี้เดี๋ยวนี้ กลุ่มนี้แหละที่ผมจะใช้ทริคไม่ซื้อเลยในทันที จะมีการวางแผน คิดนานขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า เราต้องซื้อสินค้านี้จริงๆ เป็นกลุ่มที่ผมโฟกัสที่สุด เพราะเป็นของส่วนใหญ่ในชีวิตที่ผมซื้อ ถ้าเราจัดการกลุ่มนี้ดี แล้วเราจะประหยัดได้มหาศาล - เสื้อผ้า - ของใช้ทั่วไป เช่น สบู่ ยาสีฟัน สกินแคร์ ทิชชู่ - ของใช้ในบ้านที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้เรา ซึ่งความจําเป็นต้องขึ้นอยู่กับบุคคลอีกทีครับ เช่น โครงเตียงเหล็ก เครื่องเติมอากาศ - มือถือส่วนตัวที่ใกล้พัง แนะนํา - ผมจะ list ของใช้ที่จําเป็น แล้ว กดใส่ตระกร้าไว้ก่อน เพื่อจะได้ไม่ลืม แต่จะไม่กดซื้อทันที สิ่งที่ผมทําคือ คิดนานๆ หาข้อมูลเยอะๆ สัก 2-3 วัน แล้วกลับมาคิดอีกทีว่า สินค้านั้นยังจําเป็นมั้ย ทําให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้น สะดวกขึ้น หรือแค่อยากได้ - ถ้าเป็นเสื้อผ้า แน่นอนครับ ซื้อของลดราคา และเลือกทุกอย่างสีพื้นๆ ลายน้อยๆ เนื้อผ้าสมราคา เพื่อใส่ได้หลายๆงาน ด้วยหลักการนี้ทําให้ 5 ปีที่ผ่านมา ผมซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดไม่ถึง 10 ตัว ถ้าใครซื้อออนไลน์ ถ้าชอบร้านไหนลองซื้อมาลองสัก 1 ตัวก่อน ถ้าโอเคค่อย list เป็นร้านที่ซื้อได้ - ถ้าเป็นของทั่วไป ราคาไม่เกิน 1,000 บาท เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผมจะดูโปรโมชั่นแล้วซื้อครั้งละเยอะๆใช้ได้ 3-6 เดือน ถ้าเราซื้อตัวไหนบ่อยๆเราจะรู้ว่า ราคาสินค้ามันประมาณไหน ตัวไหนมีโปรโมชั่น 1 แถม 1 ก็ค่อยกดตอนโปร ต้องรู้และรอเป็น - ถ้าเป็นสินค้าราคาสูง เช่นหลายพันบาท ผมจะหาข้อมูล ใช้เวลาพิจารณาหลายๆวันว่าสิ่งนี้มันจำเป็นจริงๆมั้ย เอาความอยากได้กับเหตุผลสู้กันก่อน แนะนําเขียนข้อดีข้อเสีย ออกมาเลย ว่าเราจําเป็นต้องใช้ไหม -- ตัวอย่างเคสจริง เตียงโครงเหล็ก ผมเพิ่งย้ายที่อยู่มาใหม่ ห้องไม่มีอะไรเลย ที่นอนเราซื้ออยู่แล้ว แต่โครงเตียงอ่ะ ผมชั่งใจอยู่นานมาก ตอนแรกอยากได้มากๆ กดใส่ตระกร้าไว้ก่อน แล้วหาข้อมูลหลายๆร้าน หาข้อมูลไปเรื่อยๆอยู่ 3 วัน จนรู้ว่ามันมี 2 เกรด เกรดแรกราคา ประมาณ 1200 แต่มันก็อาจจะโยกแยก อ่านรีวิวแล้วต้องวัดดวงว่าของที่ได้จะพังมั้ย เกรดที่สอง ดีขึ้นมาหน่อย คงทน ไม่โยกเยก ราคา 3000 ผมอยากได้อันนี้ แต่ด้วยราคามันสูงผมเลือกที่จะรอ แล้วลองทดลองนอนบนฟูกติดพื้นดูก่อน ผมทดลองอยู่ 3 เดือนพบว่า การนอนแบบไม่มีโครงเตียงก็ไม่ได้แย่ การซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ในห้องเช่า ตอนย้ายก็ลำบากอีก สรุปเคสนี้คือ ผมไม่ซื้อโครงเตียงเหล็ก ประหยัดไป 3000 บาท -- เครื่องเติมอากาศ ห้องที่ผมอยู่มีฝุ่นเยอะมาก ขนาดทําความสะอาดและไม่ได้เปิดหน้าต่างประตูเยอะ ผมก็ไปหาข้อมูลจนเจอเครื่องเติมอากาศ หลักการของมันคือ ทําห้องเป็นแรงดันบวก ดันฝุ่นในห้องออก ป้องกันฝุ่นด้านนอกเข้ามา ถ้ามีเครื่องนี้เท่ากับว่า ฝุ่นในห้องจะลดลงมาก ผมทั้งอ่านรีวิว ศึกษา 4-5 วัน สนใจมาก ราคาเครื่องก็ 4000 บาท ทําให้ผมต้องไปศึกษา ดูรีวิวหนักกว่าเดิมว่า ซื้อมาแล้วคุ้มมั้ย ดูถึงขั้นเราจะติดตั้งตรงไหน เปิดใช้ตอนไหน ผมเขียนข้อดีข้อเสียออกมา ชั่งน้ำหนัก จนสรุปว่า ผมซื้อ เพราะมันทําให้ฝุ่นในห้องเราลดลงโดยภาพรวม ทําความสะอาดห้องน้อยลง คุณภาพชีวิตดีขึ้น -- มือถือใกล้พัง อันนี้ ต่างจากเคส มือถือไอโฟน 5sพังไปแล้วที่ต้องซื้อเลยนะครับ ตอนนี้ผมใช้ ไอโฟน 11 ที่ซื้อมาตั้ง ตุลาคม 2562 ตอนนี้ปี 2568 ผ่านมาเกือบ 6 ปี ไอโฟน 11 ผมยังใช้งานได้ดี ผมรักมาก ทนมาก แต่แบตเริ่มเสื่อม และ iOS ไม่รู้จะซับพอร์ตไปอีกกี่ปี ดังนั้นสิ่งที่ผมทําคือ การสะสมเงินไว้ก่อนเดือนละ 2000 บาท เพื่อรอซื้อไอโฟนใหม่ ตอนนี้มือถือคือชีวิตถูกมั้ยใช้ทําทุกอย่าง จากบทเรียน ไอโฟน 5s พังคามือ ข้อมูลในมือถือหายหมด ดังนั้น เราได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว เงินพร้อม ประมาณ 35000 บาท ถ้า ไอโฟน 11 เริ่มส่งสัญญาณไม่ไหว ผมมีเวลาไปซื้อเครื่องใหม่ พร้อมกับ ย้ายข้อมูลมือถือได้ทัน ชีวิตก็ไม่สะดุดแล้ว ไอโฟนแพงขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ซื้อตัวท็อปนะ ซื้อตัวธรรมดาพอครับ 4 สินค้าไม่จําเป็นและไม่เร่งด่วน กลุ่มนี้คือแสดงถึงความเป็น ของต้องมี ของโดนป้ายยา แสดงถึง High Time Preference เข้ากับ ระบบเงินเฟียตสุดๆ ตัดได้ตัด ที่เขาต้องการให้เราซื้อได้เร็ว ก็เพราะแบบนี้แหละ - ของตกแต่งบ้านที่ไม่จำเป็น - ของเล่น/เกมใหม่ล่าสุด - อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ล่าสุด - เสื้อผ้าแฟชั่นที่ยังไม่ถึงฤดู - ของตามกระแสต่างๆ แนะนํา - ตัดได้ตัด - ก่อนซื้ออะไรคิดเยอะๆ นานๆ ว่าเราแค่อยากได้ หรือ มันจำเป็นจริงๆ - ตั้งเป้าหมายออมเงิน เช่นผมต้องออมในบิทคอย อย่างน้อยเดือนละ 1000 บาท ห้ามน้อยกว่านี้ เราก็จะคิดเยอะและประหยัดขึ้นมาอัตโนมัติ สรุป 1 ท้ายที่สุดการซื้อสินค้าทุกอย่างต้องดูที่ความจําเป็นเป็นหลัก 2 การบริหารการซื้อสินค้าที่จําเป็นแต่ไม่เร่งด่วน เป็นคีย์สําคัญในการบริหารการเงิน และจัดการชีวิตให้ราบรื่น 3 คิดเยอะๆและชะลอการจ่ายเงินซื้อสินค้าออกไป แค่ 2-3 วัน อาจจะทําให้คุณประหยัดเงินขึ้นมหาศาล 4 ผมทําแบบนี้มาสักพักแล้ว ข้อดีที่สุดคือ ของที่ซื้อมาทุกอย่าง ได้ใช้งานจริงๆและคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป #siamstr #btc #ประหยัด #ประหยัดเงิน #bitcoin
Fiat Food / Ultra-Procesed Food มันแย่กว่าที่เราคิดนะ ลดได้ลด - sats and sound EP23 Fiat Food / Ultra-Procesed Food มันแย่กว่าที่เราคิดนะ ลดได้ลด Fiat Food เป็นคําเปรียบเปรยถึงอาหารที่ผ่านการแปรรูปและผลิตจำนวนมาก แสดงถึงความ high time preference โดยไม่คํานึงถึงผลเสียต่อร่างกายระยะยาว Ultra-Procesed Food คือ อาหารแปรรูป ผลผลิตจากระบบอุตสาหกรรม ที่เต็มไปด้วย สารเคมี สารกันบูด สารแต่งรสแต่งกลิ่นสังเคราะห์ Fiat Food / Ultra Process Food 2 สิ่งนี้มันเป็นซับเซ็ทกันอยู่ ที่บอกว่ามันแย่กว่าที่คิด ลดได้ลดเพราะว่าอาหารเหล่านี้ มันถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อ ทํากําไรให้แก่นายทุน คิดง่ายๆนะ อาหารที่ต้องผลิตจํานวนมาก ต้องหาต้นทุนการผลิตที่น้อยที่สุด ต้องเก็บได้นานๆ และรสชาติเข้มข้น ในตอนนี้อาหารแปรรูปราคาถูกและหาซื้อง่ายกว่า อาหารทั่วไปไปแล้ว แต่ภาพลวงตาของความง่ายและสะดวกนี้เต็มไปด้วยผลเสียต่อสุขภาพระยะยาวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเรื้อรัง ความดัน เบาหวาน ไขมัน หรือแม้แต่มะเร็ง ย้อนไปในอดีต มนุษย์อยู่ได้มาตั้งนาน จนมาถึงยุคการมาถึงของเงินเฟียต ที่ทุกอย่างต้องเร็ว รวมไปถึงการสร้างกําไรของภาคธุรกิจ ในภาคเกษตรกรรม ต้องปลูกพืชที่โตเร็วเท่านั้น เพื่อสร้างผลผลิตได้เร็ว เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง เมื่อดินฟื้นฟูตัวเองไม่ทัน ก็เผาป่าสิ แล้วปลูกใหม่ pm มลพิษฉ่ำ แล้วผลผลิตที่มากแบบนี้มันต้องแปรรูปทุกอย่างให้คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็น - แป้ง ทําขนมปังได้ง่าย - มาการีน ทําได้เร็ว ถูกกว่าเนยแท้ - นํ้ามันพืช ปรับแต่งโครงสร้างไม่ให้เหม็นหืนเร็ว - High Fructose Corn Syrup ลดการใช้นํ้าตาลจริงๆ น่ากลัวมาก อยู่ในขนม ซอส แยมต่างๆ แล้วมันก็ไปอยู่ในพวกอาหารแปรรูปต่างๆที่เรากินกันจนถึงทุกวันนี้เพราะมีผลิตง่าย ผลิตได้เยอะๆ สิ่งที่เลวร้ายต่อมาคือ การแทรกแซงโดยรัฐบาล การให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและการกำหนดนโยบาย อำนาจนี้สามารถถูกใช้โดยกลุ่มผลประโยชน์พิเศษและนักการเมืองเพื่อกำหนดบรรทัดฐานทางสังคม รวมถึงแนวทางการบริโภคอาหาร งานวิจัยพวกนี้มีผลสนับสนุนว่าการใช้สารเคมีในอาหารอุตสาหกรรมนั้นปลอดภัย สปอนเซอร์เงินทุนงานวิจัยก็พวกบริษัทผลิตอาหารพวกนี้นั่นแหละที่ให้มา ลองผลไม่ดีสิ ได้ถอนสปอนเซอร์ เริ่มเห็นความเน่ายัง ใครเคยเห็น ปิรมิดอาหารบ้าง แบบนี้ เป็นสิ่งที่ทางภาครัฐแนะนําสัดส่วนในการกินเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน เรียนในโรงเรียนด้วยถูกมั้ย ดูดิ เขาให้เรากินแป้ง และ ผักผลไม้ที่ปลูกได้ง่าย ขายเร็ว สัดส่วนรวมกันถึง 75% แล้วให้กินโปรตีนที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต หรือซ่อมแซมร่างกายแค่ 20% มันแปลกมั้ย เพราะโปรตีนจากสัตว์นั้น ผลิตยากและแพงกว่า และกลุ่มนายทุนได้กําไรน้อยกว่า ส่งผลให้เขาพยายามรณรงค์ให้กินของที่ถูก ผลิตง่ายแทน เริ่มเห็นภาพแล้วยัง นี่ยังไม่รวมงานวิจัยที่แนะนําให้ลดการกินเนื้อสัตว์เพราะเสี่ยงมะเร็งอีก ทุกคนก็ใช้ชีวิตในการกินแป้ง น้ำตาล อาหารแปรรูป แบบนี้กันมา 30-40ปี อเมกาที่ดังคือพวก fast food ที่ทุกอย่างคืออาหารแปรรูป ที่เอามาทอดอีก มันโคตรอร่อย แต่มันน่ากลัวมาก จากสถิติคนอเมริกัน อ้วนขึ้นจํานวนมาก และมาพร้อมกับโรคหลอดเลือดหัวใจ ไม่ว่าจะเป็น ความดัน เบาหวาน ไขมัน ซึ่งโรคพวกนี้มันเกิดจากพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิตเป็นหลักเลย พันธุกรรมก็มีส่วน แต่พฤติกรรมมีผลมากกว่า พอเราเป็นโรค ก็ต้องใช้ยา บริษัทผลิตยา ก็เข้ามาเกี่ยวข้องอีก อยากให้ไปคิดต่อกันเอง สงสัยมั้ยว่าพอเราเป็นโรค NCD มีคนบอกเราตรงๆว่า กินแค่ยารักษาโรคไปตลอดชีวิต แต่กลับ ไม่มีใครมาบอกเราตรงๆว่า อาหารที่เรากินมันแย่ และเป็นสาเหตุของโรคเหล่านั้น? วิธีที่ผมใช้จริงในการ ลด ละ เลิก Fiat Food / Ultra-Processed Food สิ่งสําคัญที่สุดคือต้องเลือกการกินมากขึ้น you are what you eat - ลดการกิน fiat food หรือ Ultra Process Food อาหารแปรรูปให้มากที่สุด พวกขนมปัง ขนมขบเคี้ยว น้ำหวาน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก หมูยอ อาหารกระป๋อง พวกนี้เต็มไปด้วยสารเคมี สารกันบูดและ สารแต่งรสสังเคราะห์ ตระกูล high fructose corn syrup - กินอาหารสด ปรุงสุกใหม่ เท่านั้น - กินอาหารให้หมดเป็นมื้อๆ - ไม่กินอาหารค้างคืน หรือของเหลือในตู้เย็น อาหารพวกนี้จะเกิดแบคทีเรียสะสมได้ ผมเคยกินแล้วปวดท้อง เคยมีปัญหา IBS ปวดท้องแก้ไม่หาย หาหมอก็ไม่หาย สรุปคือ ผมกินแต่อาหารย่อยยาก และน้ำเต้าหู้แช่เย็นที่เก็บไว้เป็นสัปดาห์ พอเปลี่ยนการกิน อาการก็ค่อยๆดีขึ้น - ไม่กินน้ำหวาน หรือ ของหวาน ของกินจุกจิก ถ้าอยากกินของกินเล่นก็กินหลังมื้ออาหาร น้อยครั้ง ไม่ใช่กินทุกวัน ไม่ได้นะ - เลิกความเชื่อผิดๆว่า ถ้าอยากอิ่มท้องให้กินข้าวเยอะๆ เปลี่ยนเป็นกินโปรตีนเยอะ โปรตีนจากสัตว์ จากไข่ นมนะ ไม่เอาพวกโปรตีนผง - เน้นการกินโปรตีนมากขึ้น ไม่กลัวการกินไขมันจากสัตว์ ผมไม่ใช่สายกินเนื้อล้วน แต่มีการ balance สิ่งที่กินต่อวัน - ลดแป้ง คาร์โบไฮเดรตลง กินผัก ไฟเบอร์ มากขึ้น - กินนํ้าเปล่าวันละ 1.5 - 2 ลิตร - ผลไม้กินเป็นลูกๆ ไม่กินน้ำปั่น เพราะจะทําให้การดูดซึมนํ้าตาลเร็วเกินไป - วิธีที่ดีที่สุดคือทำอาหารกินเอง แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นก็จะพยายามเลือกกิน แต่สิ่งที่มีประโยชน์ และ สดใหม่ปรุงสุก - เรื่องน้ำมันพืช เราสั่งข้าวกิน ลดยากมาก ผมก็พยายามสั่งร้านว่าใส่น้ำมันน้อยๆ - ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ - บางครั้งก็มีกินสิ่งที่อยากกินบ้าง อัตราส่วนไม่เกิน 5-10% ของทั้งหมด - การกินคลีน สำหรับผมไม่ใช่คำตอบ เพราะทำให้สัดส่วนโปรตีนที่เราได้รับไม่สมดุล แถมถ้าเป็นคลีนที่ไม่อร่อย เราจะทำได้ไม่นาน พอหลุด cheat day ก็กินยับเลย แนะนํากินแบบมีความสุขบ้าง จะได้ทําได้นานๆ อาหารที่ดี ไร้ Fiat Food / UPF 90% ของอร่อย 10 % สรุป Fiat Food / Ultra-Procesed Food เป็นอาหารที่เราควรหลีกเลี่ยง สิ่งที่น่ากลัวคือ มีคนมากมายยังไม่รู้ว่ามันส่งผลต่อเราในระยะยาวมากแค่ไหน ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ไม่ใช่มันไม่มีใครรู้ แต่มันมีกลุ่มนายทุนที่ได้ประโยชน์อยู่เบื้องหลัง หน้าที่ของเราคือการรู้เท่าทัน และดูแลอาหาร สุขภาพของเราให้ดีในระยะยาว ถ้าคุณลดการกินอาหารแย่ๆพวกนี้ได้ ชีวิตคุณจะดีขึ้น You Are What You Eat #siamstr #fiatfood #upf #อาหาร #อาหารแปรรูป