หนี้โลก 300ล้านล้าน USD วงจร นรก ที่ไม่มีใครหยุดได้ ถ้าเข้าใจมัน เราจะรอด - sats and sound EP19 โลกที่เราอาศัยอยู่ขับเคลื่อนด้วยระบบที่ซับซ้อนกว่าที่เราคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ "หนี้" หนี้ทั่วโลกที่สูงถึงกว่า 300 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่า 3 เท่าของมูลค่าเศรษฐกิจโลกที่ผลิตได้ในหนึ่งปี นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นวงจรนรกที่หมุนเวียนไปมาอย่างไม่สิ้นสุด และเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจที่เราทุกคนก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย วิวัฒนาการของหนี้ - หนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ว่ากันว่า ตัวอักษร ภาษาเขียน มนุษย์คิดค้นมาเพื่อ ทวงหนี้นี่แหละ - ไม่ว่าจะเป็นหนี้บุคคล หรือ ระดับภาครัฐ ก็มีมาตั้งแต่ก่อนธนาคารและเงินตราแล้ว - รัฐบาลในอดีตใช้หนี้เพื่อระดมทุนสร้างปราสาท กองทัพ และอาณาจักร เช่น อังกฤษในศตวรรษที่ 17 ที่ขายพันธบัตรให้ประชาชนเพื่อทำสงคราม - จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นหลังปี 1944 ด้วยข้อตกลง Bretton Woods ที่ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นศูนย์กลางระบบการเงินโลก - ยิ่งไปกว่านั้นคือในปี 1971 เมื่อสหรัฐฯ ยกเลิกการผูกค่าเงินกับทองคำ เข้าสู่ยุคของ "เงินกระดาษ" (Fiat Currency) ซึ่งทำให้การกู้ยืมง่ายขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรหนี้ขนาดใหญ่ที่เราเห็นในปัจจุบัน ลูปนรกเริ่มในยุคเงินเฟียต วงจรหนี้ในปัจจุบัน โลกที่ผูกพันกันด้วยหนี้ - ในปัจจุบัน ทุกประเทศต่างกู้เงินและปล่อยกู้ ทำให้ระบบหนี้เติบโตแบบทวีคูณ การกู้เงินถูกใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างโครงสร้างพื้นฐาน และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ - โลกกลายเป็นเครือข่ายหนี้ที่โยงใยกันอย่างซับซ้อน เช่น เงินออมของญี่ปุ่นกลายเป็นเงินกู้ให้เยอรมนี และไหลกลับสู่อเมริกาในรูปของการซื้อพันธบัตร - แม้แต่หนี้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีหนี้มากที่สุดในโลก 70% ของหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นหนี้ต่างชาติ แต่เป็นหนี้ของชาวอเมริกันเอง เช่น ธนาคาร กองทุนบำเหน็จบำนาญ และบริษัทประกันที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เมื่อรัฐบาลจ่ายดอกเบี้ย เงินจะไหลกลับเข้าระบบและถูกนำไปซื้อพันธบัตรอีกครั้ง เป็นวงจรหมุนเวียนที่ไม่สิ้นสุด ฟังดูวุ่นวายขนาดนี้ บางคนอาจมีคําถามว่า ทำไมถึงหยุดกู้สร้างหนี้เพิ่มไม่ได้? - ถ้าพูดตรงๆคือ มันเป็นวงจรนรก ที่มาไกลเกินกว่าจะหยุดได้แล้ว การกู้เป็นส่วนหนึ่งของวัตจักรของเศรษฐกิจที่แยกไม่ได้ เศรษฐศาสตร์แบบเคนเชี่ยนที่ใช้กันตอนนี้เชื่อว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต มีความสําคัญมาก การอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบจะช่วยแก้ปัญหาภาพรวมของเศรษฐกิจได้ ถ้ารัฐหยุดกู้ เกิดเงินฝืดทุกอย่างจบ สิ่งที่รัฐทําคือพิมเงินเข้ามาเรื่อยๆ จนทําให้เกิดเงินเฟ้อมากมาย เรื่องนี้ส่งผลเสียต่อคนที่ไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งพิมเงินที่กว่าจะรู้ตัว ข้าวของ สินค้าต่างๆก็แพงขึ้นไปแล้ว เคสที่เลวร้ายก็มีให้เห็นเช่น เวเนซุเอลา เอาเงินไปหลายกิโลเพื่อซื้อไข่ ลูกเดียว - วงจรนรกที่เกิดจากการกู้ การพิมเงิน และบริหารหนี้ ผมว่าแบ้งชาติเราเก่ง มีความสามารถในการจัดการได้ดีในระดับหนึ่งในการปรับสมดุลการเงิน แต่การที่แบงชาติเก่งแบบนี้ก็ทําให้คนไทยหลายๆคน ไม่ได้ตระหนักถึงภัยเงียบอย่างเงินเฟ้อและการพิมพ์เงินเลย ไม่ใช่คิดว่าโชคดีจังที่อยู่ไทยไม่มีปัญหา ปัญหาเงินเฟ้อเจอกันหมด อยู่ที่จะเจอมากเจอน้อย คลิปนี้ที่ออกมาพูด เพราะคิดว่าเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเข้าใจและรีบหาทางออก เพราะสิ่งนี้เป็นเรื่องสําคัญและเกี่ยวข้องกับทุกคน แล้วเราจะต้องทํายังไงหล่ะ - ลดการสร้างภาระหนี้ส่วนบุคคล ลดการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ลดสร้างหนี้โดยไม่จําเป็น หนี้บริโภค หนี้บัตรเครดิต - ในคลิปเราจะพูดถึงหนี้ในภาพระดับประเทศและระดับโลก จะเห็นว่ามันซับซ้อน พัวพัน วุ่นวาย เป็นวงจรนรกไม่จบไม่สิ้น สิ่งนี้กระทบต่อทุกคนแน่นอน -เงินที่เสื่อมค่าลงทุกวันจากการพิมเงิน มากระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ มาใช้หนี้ของรัฐ ในมือของเรา ต้องไปเก็บในที่ที่รักษามูลค่าได้ ไม่ว่าจะเป็นทองคํา หรือ บิทคอย สรุปว่า โลกไม่ได้เป็นหนี้ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหนี้ซึ่งกันและกันผ่านเครือข่ายที่ซับซ้อน โลกก็จะหมุนต่อไปด้วยวงจรนรกนี้ เงินก็จะถูกพิมเพิ่มจนเฟ้อมากขึ้นเรื่อยๆ ทางรอดของเราในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ก็ต้องใช้จ่ายเท่าที่จําเป็น ลดสร้างหนี้ฟุ่มเฟือย และ บริหารเงินที่มีโดยเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เสื่อมมูลค่า และต่อต้านเงินเฟ้อ อย่างทองคํา และบิทคอย #siamstr #เงินเฟ้อ #การเงินส่วนบุคคล #btc #bitcoin #การเงิน
ความจริงที่เจ็บปวด ถ้าไม่มีเงินมากพอ ดอกเบี้ยทบต้นก็ไม่ได้ผล - sats and sound EP18 มีคลิปและบทความ หลายคนถูกสอนมาว่า "ดอกเบี้ยทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก" และเชื่อว่าแค่เริ่มต้นลงทุนเร็วๆ ด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ก็จะสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ในระยะยาว สิ่งนี้เป็นการปลูกฝังการออม ฝึกฝนวินัยที่ดี แต่เมื่อเรา deep down หรือค่อยๆสะสมไปสักพักจะเริ่มพบความจริงที่เจ็บปวดว่า ดอกเบี้ยทบต้น จะไม่ได้ผล หรือ เห็นผลช้ามากเพราะเงินต้นคุณน้อย หรือไม่มีเงินก้อนใหญ่ ยิ่งลงทุนผิดทาง ไม่สม่ำเสมอยิ่งพัง ความจริงแรก เวลาและความอดทนอย่างเดียวไม่พอ การเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อยกับการหยดนํ้า 1 หยดลงในแทมโพลีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเวลาและความอดทนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากไม่มี "น้ำหนัก" หรือเงินทุนก้อนใหญ่พอที่จะสร้างโมเมนตัม ดอกเบี้ยทบต้นทำงานด้วยหลักฟิสิกส์ ไม่ใช่จิตวิทยา ถ้าเปลี่ยนจากหยดนํ้า 1 หยด เป็นก้อนหิน 20 กิโลกรัมดู นั่นแหละคือการสร้างโมเม้นตั้มที่เห็นผล -วอร์เรน บัฟเฟตต์ เริ่มซื้อหุ้นตั้งแต่อายุ 11 ปี แต่ความมั่งคั่ง 99% ของเขากลับเกิดขึ้นหลังอายุ 50 ปี เพราะตอนนั้นเงินต้นของเขามีขนาดใหญ่พอแล้วที่จะทำให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานได้อย่างเต็มที่ ความจริงที่สอง ผู้คนส่วนใหญ่ เริ่มต้นน้อย คาดหวังมาก คนทั่วไปมักเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อย (เช่น หลักร้อยหลักพัน บาทต่อเดือน) และคาดหวังผลตอบแทนก้อนใหญ่เกินจริงในระยะยาว ถึงมันจะเป็นวิธีคิดที่ถูกต้อง แต่ต้องยอมรับก่อนว่า มันจะต้องใช้วินัย และเวลามากจริงๆ เราเพราะเงินเราน้อย ยิ่งเวลาผ่านไป อายุเรามากขึ้น เงินเฟ้อสูงขึ้น ความเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลต่อการออม การลงทุน และการรักษาความมั่งคั่งของเราด้วย ตัดไปที่ที่คนรวยไม่ได้สร้างเงินก้อนจากการออมเพียงอย่างเดียว แต่เริ่มต้นด้วยเงินก้อนใหญ่ที่มาจากกำไรธุรกิจ โบนัส มรดก หรือเงินคืนภาษี นี่คือความแตกต่างที่สำคัญ ความจริงที่สาม ไม่มีทางลัด นอกจากต้องหาเงินมาเพิ่มทุน เพื่อทําให้ดอกเบี้ยทบต้นทํางาน คลิปนี้ต้องการแสดงความจริงให้เห็นว่า เรามีวินัยการออม ประหยัด อดทน มันสุดยอดและดีกว่าไม่มีวินัยแน่นอน แต่มันจะดีขึ้นไปอีกถ้าเราสามารถหากเงินเพิ่มได้อีก เพราะ ถ้าเราฝันถึงดอกเบี้ยทบต้นที่เห็นผล ยังไงเราก็ต้องมีทุนระดับหนึ่งก่อน ที่อยากให้ทุกคนมองมุมเดียวกับผมเพราะ คลิปสอนการเงินทุกวันนี้ เขาจะพูดระยะเวลายาวมาก เช่น 30-50 ปี กว่าจะได้เห็นผลของดอกเบี้ยทบต้นที่เราทํามา แล้วเราจะหาเงินมากๆยังไงหล่ะ?? คําตอบคงขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเลยครับว่าเราถนัดสิ่งไหน มีช่องทางไหนบ้าง ผมก็มีวิธีที่ผมใช้จริงในการหาเงินให้มากขึ้นมาให้ดูครับ ผมไม่ได้เป็นคนเก่ง top1% ดังนั้นวิธีของผม เน้นเป้าหมายให้ถูกต้องทั้งการหาเงินและการเก็บเงิน จากนั้นก็ใช้วินัย และเวลาพอสมควรเพื่อสร้างระบบมาให้เรา หลักการที่ผมใช้คือ Work Smart and Save Smart 1 Work Smart หาเงินอย่างฉลาด - การค้นหาทักษะ ความถนัดของตัวเอง - ศึกษาหาความรู้ในด้านต่างๆที่เราทําได้ดีกว่าคนอื่นหรือเป็นสิ่งที่เราทําได้นาน เพื่อสร้างเครื่องพิมพ์เงินของตัวเอง - ผมจะเน้นงาน Passive หรืองานที่ทําครั้งเดียวแล้วสร้างรายได้ให้เราตลอดโดยสิ่งนี้ต้องไม่กระทบงานหลัก หรือ ทําพร้อมๆกับงานประจําได้ เช่น การทําวิดีโอยูทูป หรือ ทํา affiliate จากประสบการณ์ตัวเอง หลักการ work smart ที่ทํามาช่วงแรกแทบจะไม่เห็นผลเลย แต่เราต้องรักษาวินัยทํามันอย่างต่อเนื่อง ถ้าเดินมาถูกทาง มันจะเริ่มสร้างรายได้ให้เราถึงจะไม่ได้มากมายแต่ได้ต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2 Save Smart เก็บเงินอย่างฉลาด - เงินที่หามาได้นั้น จะต้องเก็บรักษามันให้ถูกที่ด้วย - จากประสบการณ์ตรง ออมเงิน ลงทุนผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย ดอกเบี้ยทบต้นทํางานไม่เต็มที่ แชร์ให้ฟังแบบไม่อายเลยครับ ผมจะรวยได้ไงคิดดูนะ ซื้อหุ้นตามใจ ออมลงทุนตามอารมณ์ ปันผลไม่ reinvest พอเห็นช่องทางใหม่ก็จะขายหุ้นเก่าขาดทุนมาซื้อหุ้นใหม่ที่เขาว่าดีกว่า ผมใช้ชีวิตแบบนี้มา 10 ปีกว่าจะรู้ตัวเงินเสื่อมค่าไปเกินครึ่งแล้ว - จนผมได้มาศึกษาบิทคอย ทําให้รู้ว่าที่ตัวเองลําบาก เกิดจากนิสัยผิดของตัวเอง รวมกับ การพิมพ์เงินมหาศาล เงินเฟ้อที่น่ากลัวนี่แหละ คือหนึ่งสาเหตุที่ทุกคนต้องพยายามหา ผลตอบแทนที่มากๆจากดอกเบี้ยทบต้น ตัวผมเองเมื่อก่อนเงินก็หาไม่ได้มากไม่มีวินัย เห็นยังว่าจะรวยกี่โมง - ผมปรับตัวเองใหม่ ทำบันทึกรายรับรายจ่าย บันทึกการออม ติดตามผลสม่ำเสมอ โดยผมจะออมในบิทคอยเป็นหลักเลย จัดระบบการเงินส่วนบุคคลใหม่ - แยกการออม ออกจากการลงทุน โดยตอนนี้ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นแล้ว สินทรัพย์แย่ๆไม่มีอนาคตผมเปลี่ยนเป็นบิทคอยทั้งหมดแล้วเก็บอย่างปลอดภัยไว้ใน HW สรุป 1 ดอกเบี้ยทบต้นจะไม่เห็นผลเลย ถ้าเงินทุนหรือเงินต้นเราน้อย หรือต้องอาศัยระยะเวลาออม สร้างวินัยที่นานมาก 2 มันไม่มีวิธีลัดที่จะทําให้เรารวยเร็วจากดอกเบี้ยทบต้นที่มากเกินพอ นอกจากหาเงินต้นมาเพิ่มทุน 3 Work Smart ผมใช้วิธีหารายได้เพิ่มขึ้นหลายทางโดยการทํางานลดลง 4 Save Smart เงินที่หามาได้ก็ต้องจัดการให้มันอยู่ถูกที่ #siamstr #การเงินส่วนบุคคล #ดอกเบี้ยทบต้น #btc #bitcoin
image เปิดผลสำรวจของ SET พบคนไทย 30% ไม่มีเงินเก็บ และอีก 60% มีเงินเก็บไม่ถึง 200,000 บาท เท่ากับมีคน 10% เท่านั้น ที่จะมีกินตอนแก่.. ถ้าเป็นสมัยก่อน ผมจะพยายามบอกว่า ก็คนพวกนั้นใช้จ่ายเงินเกินตัว และไม่มีความรู้ทางการเงินที่ถูกต้อง ก่อภาระหนี้สินเอง วนเป็นลูปนรก ก็จะลืมตาอ้าปากได้ยากแบบนี้แหละ ถ้าหากเราขยัน ประหยัด ยังไงก็มีชีวิตที่ดีในอนาคตได้ ประสบการณ์จริง 10 ปีผ่านไป ผมที่คิดว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว ตั้งคำถามว่า ทำไมชีวิตเราไม่เห็นดีขึ้นเหมือนที่ฝันไว้เลย จนได้ลงหลุมกระต่าย พอคำถามเก่าๆแบบนี้กลับมา มุมมอง ความคิดและคำตอบของผมเปลี่ยนแปลงไป - บางคนมีภาระหนี้บังคับโดยตัวเองไม่ได้ก่อด้วยซ้ำ - บางคนหมดหนทางจากการผิดพลาดในอดีต - บางคนก็ใช้เงินเกินตัวจริงๆ ไม่มีวินัย ไม่มีความรู้จริงๆ และที่สำคัญที่คนที่กล่าวมา ไม่รู้ถึง 5% มั้ยที่รู้ว่า การพิมพ์เงินมหาศาลโดยเฉพาะหลังโควิด ทำให้ของทุกอย่างแพงขึ้นมาก การใช้จ่ายแบบเดิมจะต้องใช้เงินมากขึ้น นี่ยังไม่นับถึงคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว เดอะแบกของบ้าน ที่ดูแลรับผิดชอบครอบครัวหลายคน หลายๆคนต่างก้มหน้าก้มตา ทำงานหนักต่อไปเพื่อแลกกับเงินที่เสื่อมค่าลงทุกวัน ความเหนื่อย ความเครียด ภาระที่รอไม่ได้ มันอาจจะทำให้พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะศึกษาเรื่องการเงิน ที่จะทำให้ชีวิตเขาและครอบครัวดีขึ้นด้วยซ้ำ โลกแห่งการพิมเงินมันโหดร้าย ถ้าใครรู้ช้า คนนั้นจะยิ่งลำบาก เพราะกลุ่มคนมีอำนาจเขาไม่อยากให้คนทั่วไปรู้ เพราะมันจะทำให้เขาควบคุมการเงินยากขึ้น ดูหนี้สหรัฐที่เพิ่มทุกวินาที ทำให้ผมคิดว่าพวกเขาคงหยุดพิมเงินไม่ได้ และจะพิมจำนวนมากขึ้นอีก บิคคอยมาแก้ปัญหา เงินเฟ้อที่เรื้อรัง และ ปัญหาชองเงินในอดีตที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลอีกด้วย บิทคอย ที่จะทำให้เงินของคุณไม่เสื่อมค่าลง ไม่ต้องเหนื่อยๆกับคุณภาพชีวิตที่คอยกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และ อำนาจการใช้จ่ายลดลงไปเรื่อยๆ เวลามีค่า ศึกษาบิทคอย #siamstr #btc #bitcoin