อีก 10 ปีเกษียณมี 1 BTC พอไหม? คำนวณเคสจริงให้ดู - Sats and Sound มีคลิปและบทความเลยครับ
อีก 10 ปีเกษียณมี 1 BTC พอไหม?
บิทคอยกับการเกษียณเป็นหนึ่งในหัวข้อยอดฮิตที่มีผู้คนสนใจ
คำถามที่สะท้อนความคาดหวังและความกังวลของนักลงทุนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
คำถามนี้ผมเอามาจากกลุ่ม Bitcoin Thai Community และได้เอาคำตอบที่น่าสนใจมา
มาวิเคราะห์และสรุปประเด็นสำคัญ เพื่อให้ทุกคนได้ฉุกคิดและเป็นหนึ่งในไอเดียการวางแผนอนาคตทางการเงินของตัวเอง
ภาพรวมคำตอบ คือไม่มีคำตอบตายตัว และมีหลากหลายมุมมอง สรุปคือเน้นที่ "จะเกษียณได้มั้ยอยู่ที่ตัวคุณ"
มันก็ตอบยากนะว่า "พอ" หรือ "ไม่พอ" ถึงจะมีข้อมูลให้มา แต่แต่ละคนก็มีความแตกต่างกัน
- บางคนมองโลกในแง่ดีว่าอีก 10 ปี Bitcoin น่าจะราคาสูงพอ น่าจะทัน
- บางคนก็มองว่าเกษียณได้ แต่ลำบากหน่อย อย่างน้อยวันนี้ต้องมีสัก 5 BTC
- แต่บางคนเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางแผนการเงินรอบด้าน และการไม่ยึดติดกับสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป
เก็บในหลายๆอย่างรวมกันไป เพื่อความคล่องตัว
ประเด็นหลักที่ จะตอบได้ว่าเกษียณได้มั้ยมี 3 ข้อคือ
1. เรื่องปัจเจกบุคคล การใช้เงินหลังเกษียณ ไลฟ์สไตล์
2. ศักยภาพของ Bitcoin ในอนาคต ราคาจะโตไปเท่าไหร่
3. วิธีการใช้ Bitcoin ในการเกษียณ
1. เรื่องปัจเจกบุคคล การใช้เงินหลังเกษียณ ไลฟ์สไตล์
- Lifestyle และค่าใช้จ่าย: คุณต้องการใช้เงินเท่าไหร่ต่อเดือนหลังเกษียณ? ไลฟ์สไตล์เรียบง่าย หรือฟุ้งเฟ้อ?
อยู่จังหวัดไหน บางคน 10ล้านพอ บางคน 50ก็ไม่พอ
- อายุขัยที่คาดการณ์: อย่าลืมว่าคนยุคนี้อายุยืนขึ้น การวางแผนแค่ 10 ปีอาจไม่พอ ต้องเผื่อถึง 85 ปีหรือมากกว่านั้น
อันนี้จริงมากเพราะคนอายุยืนขึ้นจากการพัฒนาการทางการแพทย์และดูแลสุขภาพกันมากขึ้น
ความน่ากลัวกว่าคือเงินหมดก่อนตาย
- Cashflow : BTC มันดูมั่นคงในระยะยาว แต่มันไม่มียีล คุณต้องมีแผนการสร้างกระแสเงินสด (Cashflow) ในรูปเงิน Fiat (เงินกระดาษ) เพราะปัจจุบัน BTC ยังไม่ได้ใช้จ่ายสะดวกขนาดนั้น
2. ศักยภาพของ Bitcoin ในอนาคต
หลายคนมองโลกในแง่ดีต่อราคา Bitcoin ที่จะพุ่งสูงขึ้น
- เป็นสินทรัพย์ต้านเงินเฟ้อ : BTC ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์แห่งการออมและต้านทานเงินเฟ้อที่ดีกว่าทองคำหรือหุ้นในปัจจุบัน ออมในบิทคอยน่าจะเกษียณได้ง่ายที่สุด
- บางคนเชื่อว่าในอีก 8 ปี ราคา BTC อาจไปถึง 10 ล้านดอลลาร์ หรือ 33 ล้านบาทไทย
- จากสถิติ 10 กว่าปีที่ผ่านมาที่ขึ้นมา 500 กว่าเท่า (เฉลี่ยปีละ 47 เท่า) หากหลังจากนี้โตเฉลี่ยแค่ปีละ 4-5 เท่า ก็ยังดีกว่าสินทรัพย์อื่นที่ลดค่าจากเงินเฟ้อ
- บางคนมองว่า 1 BTC เทียบเท่ากับการทำงาน 30 ปี ซึ่งสะท้อนมูลค่าที่สูง
3. การใช้ Bitcoin ในการเกษียณ คำนวณจริงให้ดู
เครื่องมือที่ผมใช้คือ Bitcoin retirement calculator ค้นหาทำตามได้เองเลย
- คำนวณก่อนว่าตอนเกษียณเราจะต้องใช้เงินต่อปีเท่าไหร่ และ มีเงินทั้งหมดเท่าไหร่ ใครจะคำนวณเป็นเฟียต หรือ คำนวณเป็นบิทคอยก็ได้
- ผมใส่ค่าของพี่ที่ถามเลย อายุ 50 ปี จะใช้ชีวิตไปถึง 86 ปี ตอนนี้มีอยู่ 1 บิทคอย จะไม่ซื้อบิทคอยเพิ่มอีกหลังเกษียณ
อัตราเติบโตทบต้นของบิทคอยคือ 30 เปอร์เซน เงินเฟ้อโตปีละ 8 เปอร์เซน ต่อปีต้องการใช้เงิน 50,000เหรียญ เท่ากับประมาณ 1.6 ล้านบาทไทย เดือนนึง 130,000 บาทไทย ก็น่าจะโอเค
- พอคำนวณออกมา ในเรทนี้ เขาเกษียณได้ทันนะ 1 BTC เพียงพอ ตอนอายุ 56
- นี้เป็นเพียงหนึ่งเครื่องมือใช้คาดการณ์อนาคตเป็นไอเดียนะ อาจจะถูกหรือผิดก็ได้
- สมมติรู้แล้วว่าพอ แล้วยังไงต่อ เราก็แค่ทยอยขายบิทคอย รายปีตามแผนครับ เอาเงินมาใช้จ่าย
- เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าของบิทคอยจะมากขึ้นเท่ากับว่า เราจะใช้บิทคอยหรือsat น้อยลงทุกๆปีในการใช้จ่ายเท่าเดิม
- ถ้าคำนวณดีๆ ตอนเราเสียชีวิตก็จะเหลือบิทคอยน้อยมากๆ ประมาณนี้เลยครับ
ข้อดีคือง่าย จัดการได้เอง ไม่เสี่ยง
ข้อเสียคือบิทคอยเราจะลดลงไปเรื่อยๆเพราะต้องขายออก และในช่วงบิทคอยราคาตกก็ต้องระวังให้มากด้วย
- นอกจากนั้นยังมีอีกวิธี เพราะบางคนไม่ได้อยากขายบิทคอยออกไป ต้องการเก็บไว้ให้ลูกหลาน ดังนั้น วิธีที่จะได้แคชโฟวก็คือ การใช้ BTC เป็นหลักค้ำประกันเพื่อกู้เงิน Fiat มาใช้จ่าย โดยพยายามรักษา LTV (Loan-to-Value) ไม่ให้สูงเกินไป
- ไอเดียคร่าวๆคือการเอาบิทคอยเช่น 10%-20%ของที่มี ไปปล่อยกู้ เอาเงินเฟียตนั้นออกมาใช้จ่าย และจ่ายดอกเบี้ยรายปี
แล้วกู้วนไปเรื่อยๆทุกปี
ข้อดีของวิธีนี้คือ ถ้าเราจ่ายดอกเบี้ยและบริหารเงินได้ดี เราจะไม่ต้องขายบิทคอยเลย สามารถเก็บไว้เป็นมรดกได้
ข้อเสีย ซับซ้อนและเสี่ยงกว่าวิธีแรกเราต้องมีความรู้ความเข้าใจ รวมถึงหาแหล่งค้ำประกันบิทคอยที่น่าเชื่อถือในปัจจุบันยังมีน้อยมาก ไม่งั้นเอาไปฝากเขา บริษัทเจ๊งบิทคอยหาย ซวยอีก
ถ้าให้ผมสรุปเคสพี่คนนี้ สามารถเกษียณได้ด้วย 1 BTC ครับ แต่ด้วยระยะเวลาแค่ 10 ปี ถ้าพี่เขาไม่มีกระแสเงินสดจากทางอื่นเลย การขายบิทคอยรายปีมาใช้ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องราคาเหมือนกัน อาจจะเกษียณแบบไม่ได้สบายมากนัก
และถ้าจะใช้วิธีค้ำประกันบิทคอยเอาเฟียตมาใช้ ถ้าไม่มีความรู้ ไม่แนะนำให้ทำครับเสี่ยงกว่าวิธีแรกมากๆ จ่ายดอกไม่หมด หมุนเงินไม่ทัน เขายืดบิทคอยไปนะ
ข้อควรระวัง
- Bitcoin เป็นเพียงหนึ่งในทางเลือกเท่านั้น : ควรมีแผนสำรอง (แผน 2, 3, 4) เพราะไม่มีอะไรรับประกันว่า Bitcoin จะรักษามูลค่าไว้ได้เสมอไป
- ย้ำว่าไม่มีใครสามารถคาดการณ์อนาคตได้ 100%
- ควรใช้ความคิดของตัวเอง หาข้อมูล และพิสูจน์ด้วยตนเอง เพราะไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้หากเกิดข้อผิดพลาด
บทสรุป: กุญแจสำคัญคือ "แผนของคุณ"
คำตอบ ผม ชี้ให้เห็นว่า 1 BTC เคสนี้ อาจเพียงพอต่อการเกษียณได้ หากมี "แผนการที่ชัดเจน" และ "ความเข้าใจที่ถ่องแท้" ไม่ใช่แค่การคาดหวังราคาที่พุ่งสูงลิ่วเพียงอย่างเดียว มันต้องมีการจัดการหลังเกษียณที่ถูกต้องด้วย
คนที่ดูสามารถใช้ข้อมูลในคลิป ไปหาคำตอบของตัวเองได้ ว่า สำหรับคุณ 1 BTC พอสำหรับเกษียณมั้ย?
#siamstr #btc #bitcoin
มีทั้งบทความและเป็นคลิป ฝากด้วยนะครับ
เงินน้อย ค้าขายเงียบ เศรษฐกิจแย่ ไม่มีทางออก
นี่คือวิธีแก้ที่ผมคิดเอง
ปี 2025 เป็นอีกหนึ่งปีที่เศรษฐกิจไทยแย่อย่างชัดเจนในทุกด้าน การเมืองในระดับประเทศ ระดับโลกก็แย่ไม่แพ้กัน
พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการตัวเล็กๆ สายป่านสั้น บ่นกันระนาวว่า ยอดขายตกเป็นเท่าตัว และที่สำคัญแย่กว่าตอนโควิดเสียอีก
ส่วนตัวผมก็ประสบปัญหานี้อยู่ไม่ต่างจากทุกคน ค่าเช่าแสนแพง รายได้ลดลง
วันนี้ผมมีวิธีแก้ไขเรื่องพวกนี้ ไอเดียนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับทุกคน แต่ผู้อ่านน่าจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย
1 ยอมรับความจริง
ผมมองว่า ยังไงเศรษฐกิจก็จะแย่ลงไปเรื่อยๆ เคยได้ยินคำว่าปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง มั้ยครับ ประโยคนี้ผมได้ยินมาสักพัก
และเห็นว่าสรุปทุกอย่างมันแย่ลงเรื่อยๆทุกปีเลย ดังนั้น การที่จะทำงานเหมือนเดิมแล้วคิดว่า สักพักมันก็จะดีขึ้นเอง และทุกอย่างจะผ่านไปเอง ยอมรับความจริงก่อนว่า วิธีนี้ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เชื่อมั้ยมนุษย์เราเก่งอยู่อย่างนึงนั่นก็คือการปรับตัวเพื่ออยู่รอด เราต้องอยู่ในสภาวะที่แย่ให้ได้
2 ในเมื่อเงินใหม่หายาก แล้วเงินเก่าที่สะสมอยู่ ที่มีอยู่ จัดการมันถูกที่หรือไม่?
เมื่อรู้ว่า เศรษฐกิจมันยังคงแย่ลงไปเรื่อยๆ หาเงินได้น้อย ต้องประหยัด ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือจัดระบบชีวิต บริหารเงินใหม่
ทำรายรับรายจ่าย บันทึกการลงทุน ในส่วนเงินใหม่หาได้น้อย ก็ต้องจัดสรรให้มันประหยัดที่สุด แล้วมาโฟกัส เงินออม เงินลงทุน
ที่เราเคยสะสมมา จัดการให้มันอยู่ถูกที่ ผมว่าสิ่งนี้สำคัญไม่แพ้หาเงินใหม่เลย
- กองทุน ltf หรือหุ้นไทยที่ขาดทุนยับๆ
- เงินในบัญชีออมทรัพย์ ที่ทิ้งไว้เฉยๆ เกินความจำเป็น
- เหรียญ shit coin ที่ขาดทุน หรือ ไม่มีอนาคต
- ของเก่า ของใช้ ของสะสมในบ้าน
ของพวกนี้เราเอามาขายเปลี่ยนเป็นเงินได้มั้ย สิ่งที่ไม่ได้จัดการพวกนี้นี่คือสาเหตุของผมที่ ทำงานเก็บเงินมา 10 ปี ก็ไม่รวยเพราะเก็บผิดที่ไงหล่ะ
นอกจากนั้นหารายได้เพิ่ม แบบ passive เพราะเหนื่อยทีเดียว สร้างรายได้ยาวๆได้ (มองเกมยาวนะ ช่วงแรกๆรายได้ passive อาจจะน้อยหรือไม่มีเลย)
3 ต้นตอความเลวร้ายทุกอย่าง เกิดจากเงินเฟ้อ และมูลค่าเงิน fiat ที่เราถือเสื่อมลงทุกวัน สิ่งนี้แหละที่ทำให้ชีวิตคุณแย่ลง จนลงและจะเป็นแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการพิมเงินจะไม่มีทางหยุด
- บิทคอยคือสิ่งเดียวที่จะมาแก้ไขเรื่องนี้ เงินเก่าในข้อ 2 เอามาออมในบิทคอยแทน แต่ก่อนหน้านี้ เราต้องศึกษาให้เข้าใจ รวมถึงเก็บบิทคอยให้ปลอดภัยก่อน เท่านี้เงิน fiat ที่มูลค่าลดลงจากการพิมเงินก็จะกลายเป็น sound money ที่มูลค่าไม่ลดและเพิ่มขึ้นในอนาคต
- ศึกษาบิทคอยสำคัญมาก ออมในนี้เท่าที่คุณมั่นใจก่อนก็ได้ ไม่ต้องออมหมดตั้งแต่แรก
- เงินในออมในบิทคอยจะต้องเป็นเงินที่ในชาตินี้คุณจะต้องไปขายเด็ดขาด ถือไว้เฉยๆใน HW
- มีการตั้งเป้าหมายว่า ภายในสิ้นปี จะออมให้ได้เท่าไหร่ เช่น 0.01 - 0.1 btc ยิ่งคุณศึกษาคุณจะยิ่งออมใน btc มากขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
- ส่วนรายได้ใหม่ทีน้อยลง จัดสรรมา DCA บิทคอยทุกเดือนอย่างเคร่งครัด ผมยอมลดคุณภาพชีวิตตัวเองเพื่อจะออมได้มากขึ้น
สรุป
1 ชั่งหัวเศรษฐกิจ ยังไงมันก็จะแย่ลงเรื่อยๆ เงินก็เฟ้อจากการพิมเงิน เราคนตัวเล็กแก้อะไรแทบไม่ได้เลย
2 ปรับที่ตัวเอง เริ่มจากการศึกษาบิทคอย ประหยัด ทำรายรับรายจ่าย บันทึกการลงทุน เงินได้ใหม่ที่น้อยลงพยายามปรับให้ใช้ให้พอ หารายได้หลายทาง ถ้าให้ดีหาแบบ passive
3 สินทรัพย์ การลงทุนที่มีอยู่เดิม อะไรแย่ หรือไม่มีอนาคตเปลี่ยนเป็นบิทคอย โดยจะต้องห้ามขายบิทคอยนั้นเป็นอันขาด
4 เงินที่ได้ใหม่ที่น้อยลง ต้องจัดสรรมาออมใน บิทคอย ทุกเดือนอย่างเคร่งครัด
5 ตั้งเป้าหมายชัดเจนว่าเราจะมีบิทคอยเท่าไหร่ แล้วต้องทำให้ได้
การที่ผมเชื่อมั่นใจบิทคอย ว่าในระยะยาวชีวิตผมจะดีขึ้น คิดว่าการอดทน ประหยัด ลำบากในวันนี้ เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคต
ใช้ชีวิตแบบ low time preference ดูแลสุขภาพ รักตัวเอง ถ้าเราเชื่อว่าเดินมาถูกทาง จิตใจเราจะสงบและมั่นคงถึงแม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวเรามันจะแย่มากๆ บิทคอยกลายเป็นสิ่งยืดเหนี่ยวในจิตใจของผมไปแล้ว
#siamstr #btc #bitcoin #satsandsound
บิทคอยรอบนี้มันจะไม่เหมือนเดิม
จริงเหรอ?
4-Year Cycle เป็นสิ่งที่คนที่ศึกษาบิทคอยรู้ดีว่า เป็นวัฏจักรซ้ำๆที่เกิดขึ้น เราสามารถเรียนรู้ผ่านกราฟของราคาในภาพระยะยาว ตลอดเวลา 12 ปี หรือ 3 รอบที่ผ่านมา
มันดูเป็นแบบนั้น แต่ทำไมครั้งนี้บางคนถึงอาจจะคิดว่ามันไม่เหมือนเดิมเนื่องจาก บิทคอยเป็นที่รู้จักและมีคนเห็นความสำคัญ และการเติบโตของราคาที่โดดเด่นกว่าสินทรัพย์อื่นๆ
คนที่สนใจไม่ได้มีแค่รายย่อยอีกต่อไป ในเมื่อมีการปลดล็อค spot bitcoin etf ในปี 2024
จากนั้นกลุ่มทุนใหญ่ทั้งบริษัทเอกชน สถาบัน รัฐชาติต่างมีท่าทีสนใจและบางที่ก็ซื้อบิทคอยไปจำนวนมากแล้ว
การเข้ามาของเงินทุนใหญ่นี่แหละที่ทำให้หลายๆคนถึงมีความคิดว่า บิทคอยรอบนี้อาจจะไม่เหมือนเดิม
วันนี้ผมมี 3 สถานการณ์ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นกับ บิทคอยในปี 2025-2026
1 สถานการณ์ปกติ เกิด 4-Year Cycle อย่างที่เคยเป็นมา
ผมคิดว่าหลายคนคิดว่า น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด กล่าวคือ
- การเพิ่มขึ้นของราคาหลัง Halving : ราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการ Halving ในปี 2024
- จุดสูงสุดของภาวะ Euphoria : ราคาอาจพุ่งทะยานไปถึง 120,000 ถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- Crypto Winter : หลังจากพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ราคาจะตกลงเข้าสู่ภาวะตลาดหมีที่รุนแรงอีกครั้ง
แม้ Bitcoin จะมีการเติบโตและถูกนำไปใช้ในสถาบันมากขึ้น แต่พื้นฐานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ความโลภจะเข้ามาครอบงำและนำไปสู่การปรับฐานของราคาในที่สุด
ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมก็ยังคง dca เหมือนเดิม ยิ่งช่วงหมี ยิ่งเพิ่มเงินเพราะ เราได้บิทคอยมากขึ้นมีเงินก้อนก็ค่อยล่ำซำ ตอนตลาดหมี
2 สถานการณ์กาวสุดปอด บิทคอยโตอย่างก้าวกระโดด เกิดเหตุการณ์ FOMO ทั่วโลกจาก game theory ที่รุนแรง
ด้วยปัจจัยหนุนจากเงินทุนก้อนใหญ่มาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัท สถาบัน รัฐชาติ เข้ามา ความ Hype นี้ทำให้บิทคอยโตแบบก้าวกระโดด จากแรงหนุนหลายๆปัจจัย ยิ่งไฮฟ์ยิ่ง FOMO ทุกคนต่างเข้ามาถือบิตคอยอารมณ์เหมือน พวก NFT DAO เกม defi ช่วงโควิด ทุกคนหลับหูหลับตาเอาเงินยัดเข้ามาเต็มที่ สูดกาวเต็มปอด
- ปัจจัยกระตุ้น คือ อาจจะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ไม่คาดคิด สงคราม ความไม่เชื่อมั่นในสกุลเงิน Fiat ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก หรือเกิดบิทคอย adoption จากอเมริกา ให้เป็นทุนสำรองของประเทศ
- สิ่งนี้คือ game theory ที่จะทำให้บิทคอย โดมหาศาล มันคือการรักษาผลประโยชน์ ถ้าคุณถือแล้วดี ฉันต้องถือด้วย
ไม่มีไม่ได้
- คาดการณ์ราคา 500,000-1,000,000 ดอลล่า เหมือนกับที่หลายคนได้กาวไว้
- แต่การขึ้นเร็วขนาดนั้น จะเกิดการปรับฐานอย่างรวดเร็วแน่นอน การปรับฐานนี้จะเป็นการรีเซ็ตที่จำเป็น ก่อนที่ Bitcoin จะกลับมาเติบโตในระยะยาวอีกครั้ง
ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ผมผ่านมาแล้วตอน defi แต่ด้วยความรู้ว่า บิทคอยในระยะยาวนั้น ไม่พังเหมือน ชิทคอย พวกนั้น สิ่งที่ผมจะทำคือ ใจต้องนิ่ง และอาจจะ dca ไปเพื่อสะสม ผมไม่ได้มองมูลค่าเป็น fiat แค่ดูว่าตอนนี้เราสะสมเพิ่มได้
กี่ sats แล้วเท่านั้น เหตุการณ์แบบนี้สำคัญที่สุดคือความรู้และสติ เดินทางสายกลาง อย่าโลภเพราะมันจะอาจจะทำให้ทุนของคุณหายไปในพริบตา
3 สถานการณ์ที่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย
ปัจจัยต่างๆไม่ได้ส่งผลต่อราคาของบิทคอยมากนัก แต่เหตุการณ์นี้น่าจะถูกใจสำหรับคนที่ออมบิทคอยระยะยาว
- มีการเติบโตที่มั่นคง 4-Year Cycle อาจจะส่งผลต่อราคาน้อยลงกว่าแต่ก่อน
- เข้าสู่ช่วงของการเติบโตที่มั่นคง ค่อยเป็นค่อยไป และยั่งยืน การเคลื่อนไหวของราคาจะมีความผันผวนน้อยลง การปรับฐานจะไม่รุนแรง และมีแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว
- พฤติกรรมนี้จะทำให้บิทคอยคล้ายกับทองคำ มีโอกาสเป็นไปได้นะ เพราะ ท่าทีของอเมกา ก็ยังอยากใช้ USD อยู่
- อาจจะฟังดูน่าเบื่อะถือแล้วสบายใจ และรู้สึกมั่นคง ไม่มีความผันผวนรุนแรง และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
ถ้าผมเจอสถาการณ์แบบนี้ ก็ยังคง dca บิทคอยเหมือนเดิมครับ สิ่งนี้แหละที่วัดวินัยทางการออมได้เลย
ใครมี time preference ต่ำๆ คิดถึงอนาคต อดทนรอได้มากกว่า ก็จะได้ผลตอบแทนมากกว่า
กล่าวโดยสรุป
ไม่ว่า สถาการณ์ของบิทคอยในปี 2025-2026 จะออกมาแบบไหน หรือ ไม่เป็นแบบไหนเลย
ผมก็ยังคง dca เหมือนคำว่า stay humble and stack sats เพราะเรารู้แล้วว่านี่คือหนทางแห่งอนาคต ความมั่นใจ ความมั่นคงจะทำให้เราจิตใจสงบ และ ไม่หวั่นไหวกับสิ่งเร้า สิ่งยั่วยุชั่วคราวที่อยู่ตรงหน้า ถ้าใครจะกลัวบิทคอย ผมว่าควรจะกลัวเงินเฟ้อที่ไม่มีใครคุมได้มากกว่า
เวลามีค่า ศึกษาบิทคอย
#siamstr #btc #bitcoin
เปิดผลสำรวจของ SET
พบคนไทย 30% ไม่มีเงินเก็บ และอีก 60% มีเงินเก็บไม่ถึง 200,000 บาท
เท่ากับมีคน 10% เท่านั้น ที่จะมีกินตอนแก่..
ถ้าเป็นสมัยก่อน ผมจะพยายามบอกว่า ก็คนพวกนั้นใช้จ่ายเงินเกินตัว และไม่มีความรู้ทางการเงินที่ถูกต้อง
ก่อภาระหนี้สินเอง วนเป็นลูปนรก ก็จะลืมตาอ้าปากได้ยากแบบนี้แหละ
ถ้าหากเราขยัน ประหยัด ยังไงก็มีชีวิตที่ดีในอนาคตได้ ประสบการณ์จริง 10 ปีผ่านไป ผมที่คิดว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว
ตั้งคำถามว่า ทำไมชีวิตเราไม่เห็นดีขึ้นเหมือนที่ฝันไว้เลย
จนได้ลงหลุมกระต่าย พอคำถามเก่าๆแบบนี้กลับมา มุมมอง ความคิดและคำตอบของผมเปลี่ยนแปลงไป
- บางคนมีภาระหนี้บังคับโดยตัวเองไม่ได้ก่อด้วยซ้ำ
- บางคนหมดหนทางจากการผิดพลาดในอดีต
- บางคนก็ใช้เงินเกินตัวจริงๆ ไม่มีวินัย ไม่มีความรู้จริงๆ
และที่สำคัญที่คนที่กล่าวมา ไม่รู้ถึง 5% มั้ยที่รู้ว่า การพิมพ์เงินมหาศาลโดยเฉพาะหลังโควิด
ทำให้ของทุกอย่างแพงขึ้นมาก การใช้จ่ายแบบเดิมจะต้องใช้เงินมากขึ้น นี่ยังไม่นับถึงคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว
เดอะแบกของบ้าน ที่ดูแลรับผิดชอบครอบครัวหลายคน
หลายๆคนต่างก้มหน้าก้มตา ทำงานหนักต่อไปเพื่อแลกกับเงินที่เสื่อมค่าลงทุกวัน
ความเหนื่อย ความเครียด ภาระที่รอไม่ได้ มันอาจจะทำให้พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะศึกษาเรื่องการเงิน
ที่จะทำให้ชีวิตเขาและครอบครัวดีขึ้นด้วยซ้ำ โลกแห่งการพิมเงินมันโหดร้าย ถ้าใครรู้ช้า คนนั้นจะยิ่งลำบาก
เพราะกลุ่มคนมีอำนาจเขาไม่อยากให้คนทั่วไปรู้ เพราะมันจะทำให้เขาควบคุมการเงินยากขึ้น
ดูหนี้สหรัฐที่เพิ่มทุกวินาที ทำให้ผมคิดว่าพวกเขาคงหยุดพิมเงินไม่ได้ และจะพิมจำนวนมากขึ้นอีก
บิคคอยมาแก้ปัญหา เงินเฟ้อที่เรื้อรัง และ ปัญหาชองเงินในอดีตที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลอีกด้วย
บิทคอย ที่จะทำให้เงินของคุณไม่เสื่อมค่าลง
ไม่ต้องเหนื่อยๆกับคุณภาพชีวิตที่คอยกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และ อำนาจการใช้จ่ายลดลงไปเรื่อยๆ
เวลามีค่า ศึกษาบิทคอย
#siamstr #btc #bitcoin