ฮี่ ๆๆ ห่างหายไปนานเพราะต้องป้ำกับ Broken Money ช่วงนี้เห็นคนแนะนำเรื่องโหนดกันเยอะ เลยจะมาชวนดูกันว่าก่อนที่เราจะรันบิตคอยน์โหนดได้เนี่ย เราต้องเตรียมยังไงบ้าง (linux)
มาคอมไพล์ Bitcoin core จากซอร์สโค้ดกันเถอะ !!
ซอร์สโค้ดทั้งหมดของ BItcoin Core นั้นสามารถดาวน์โหลดได้ในรูปแบบไฟล์อาร์ไคฟ์หรือโดยการโคลนที่เก็บซอร์สโค้ดจาก GitHub โดยตรง บนหน้าดาวน์โหลดของ Bitcoin Core ให้เลือกเวอร์ชันล่าสุดและดาวน์โหลดไฟล์อัดบีบของซอร์สโค้ด หรือใช้คำสั่ง Git เพื่อสร้างสำเนาซอร์สโค้ดบนเครื่องของคุณจากหน้า GitHub ของ Bitcoin
TIP: ในตัวอย่างหลาย ๆ ส่วนของบทนี้ เราจะใช้ อินเทอร์เฟซบรรทัดคำสั่ง (Command-Line Interface - CLI) ของระบบปฏิบัติการ หรือที่เรียกว่า "shell" ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชัน terminal โดย shell จะแสดง พรอมต์ (prompt) เพื่อรอรับคำสั่งที่คุณพิมพ์ จากนั้นจะแสดงผลลัพธ์ออกมาแล้วรอรับคำสั่งถัดไป
TIP จากหลาม: แบบง่าย ๆ ก็คือไม่ต้องพิมพ์ $ และถ้าพิมพ์จบหนึ่งคำสั่งก็กด enter ซ่ะด้วย
ขั้นตอนในการลง bitcoin core มีดังนี้:
1. สั่ง git clone เพื่อทำการสร้างสำเนาของซอร์สโค้ดลงในเครื่องของเรา
```
$ git clone h ttps://github.com/bitcoin/bitcoin.git
หลังสั่งบนจอจะขึ้นประมาณนี้
Cloning into 'bitcoin'...
remote: Enumerating objects: 245912, done.
remote: Counting objects: 100% (3/3), done.
remote: Compressing objects: 100% (2/2), done.
remote: Total 245912 (delta 1), reused 2 (delta 1), pack-reused 245909
Receiving objects: 100% (245912/245912), 217.74 MiB | 13.05 MiB/s, done.
Resolving deltas: 100% (175649/175649), done.
```
TIP: Git เป็นระบบควบคุมเวอร์ชันแบบกระจายที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นส่วนสำคัญในเครื่องมือของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ คุณอาจจำเป็นต้องติดตั้งคำสั่ง git หรือส่วนต่อประสานกราฟิก (GUI) สำหรับ Git บนระบบปฏิบัติการของคุณ หากยังไม่มี
TIP จากหลาม: ผมตั้งใจแยก h ออกมาเพราะยากิฮองมันมองเป็น link ถ้า copy ไปก็ทำให้มันติดกันด้วยนะ
2. เมื่อการโคลน Git เสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณจะมีสำเนาท้องถิ่นครบถ้วนของที่เก็บซอร์สโค้ดในไดเรกทอรี bitcoin ให้เปลี่ยนไปยังไดเรกทอรีนี้โดยใช้คำสั่ง cd:
```
$ cd bitcoin
```
3. เลือก version ของ bitcoin core: โดยค่าเริ่มต้น สำเนาจองเราจะซิงโครไนซ์กับโค้ดล่าสุด ซึ่งอาจเป็นเวอร์ชันที่ไม่เสถียรหรือเบต้าของ Bitcoin ก่อนที่จะคอมไพล์โค้ด ให้เลือกเวอร์ชันเฉพาะโดยการตรวจสอบ (checkout) แท็กของการปล่อย (release tag) ซึ่งจะซิงโครไนซ์สำเนาท้องถิ่นกับสแนปช็อตของที่เก็บซอร์สโค้ดที่ระบุด้วยแท็ก แท็กเหล่านี้ถูกใช้งานโดยนักพัฒนาเพื่อระบุเวอร์ชันของโค้ดตามหมายเลขเวอร์ชัน ซึ่งทำได้โดยใช้คำสั่ง git tag:
```
$ git tag
v0.1.5
v0.1.6test1
v0.10.0
...
v0.11.2
v0.11.2rc1
v0.12.0rc1
v0.12.0rc2
...
```
รายการแท็กจะแสดงทุกเวอร์ชันที่ปล่อยออกมา โดยทั่วไป release candidates (เวอร์ชันทดสอบ) จะมีต่อท้ายว่า "rc" ส่วนเวอร์ชันเสถียรที่ใช้งานในระบบ production จะไม่มีต่อท้ายอะไรเลย จากรายการด้านบน ให้เลือกเวอร์ชันที่สูงสุด ซึ่งในขณะที่เขียนบทความนี้คือ v24.0.1 เพื่อซิงโครไนซ์โค้ดท้องถิ่นกับเวอร์ชันนี้ ให้ใช้คำสั่ง:
```
$ git checkout v24.0.1
Note: switching to 'v24.0.1'.
```
จากนั้นสั่ง git status เพื่อเช็คเวอร์ขั่น
เพียงแค่นี้เราก็ได้ซอร์สโค้ดของบิตคอยน์คอร์มาแล้วววว แปลว่าเรามีโหนดบิตคอยน์แล้วสินะ -- ก็ต้องบอกว่ายังจ้าาา อย่ารีบ ๆ
หลังจากที่เราได้ซอร์สโค้ดของบิตคอยน์คอร์มาแล้วต่อมาเราต้องมาตั้งค่าต่ออีกนิดหน่อยเพื่อให้ติดตั้งโหนดได้สำเร็จ
ในโค้ดของบิตคอยน์ที่เราได้ดาวน์โหลดมาในหัวข้อก่อนหน้านั้น มีเอกสารประกอบอยู่หลายไฟล์ โดยคุณสามารถดูเอกสารหลักได้จากไฟล์ README.md ในไดเรกทอรี bitcoin ในบทนี้ เราจะสร้าง daemon (เซิร์ฟเวอร์) ของ Bitcoin Core ซึ่งรู้จักกันในชื่อ bitcoind บน Linux (หรือระบบที่คล้ายกับ Unix) โดยให้ตรวจสอบคำแนะนำสำหรับการคอมไพล์ bitcoind แบบบรรทัดคำสั่งบนแพลตฟอร์มของคุณโดยอ่านไฟล์ doc/build-unix.md นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำสำหรับระบบอื่น ๆ ในไดเรกทอรี doc เช่น build-windows.md สำหรับ Windows จนถึงขณะนี้ คำแนะนำมีให้สำหรับ Android, FreeBSD, NetBSD, OpenBSD, macOS (OSX), Unix
หลังจากนั้นคุณควรตรวจสอบความต้องการเบื้องต้นในการสร้าง (build pre-requisites) ซึ่งระบุไว้ในส่วนแรกของเอกสารการสร้าง สิ่งเหล่านี้คือไลบรารีที่ต้องมีอยู่ในระบบของคุณก่อนที่คุณจะเริ่มคอมไพล์ Bitcoin หากมีไลบรารีที่จำเป็นหายไป กระบวนการสร้างจะล้มเหลวและแสดงข้อผิดพลาด หากเกิดปัญหานี้เพราะคุณพลาด pre-requisite คุณสามารถติดตั้งไลบรารีที่ขาดหายไปแล้วดำเนินการสร้างต่อจากจุดที่ค้างไว้
สมมุติว่า pre-requisite ถูกติดตั้งแล้ว ให้เริ่มกระบวนการสร้างโดยการสร้างชุดสคริปต์สำหรับการสร้างด้วยการรันสคริปต์ autogen.sh:
```
$ ./autogen.sh
libtoolize: putting auxiliary files in AC_CONFIG_AUX_DIR, 'build-aux'.
libtoolize: copying file 'build-aux/ltmain.sh'
libtoolize: putting macros in AC_CONFIG_MACRO_DIRS, 'build-aux/m4'.
...
configure.ac:58: installing 'build-aux/missing'
src/Makefile.am: installing 'build-aux/depcomp'
parallel-tests: installing 'build-aux/test-driver'
```
สคริปต์ autogen.sh นี้จะสร้างชุดสคริปต์ที่กำหนดค่าอัตโนมัติที่จะตรวจสอบระบบของคุณเพื่อค้นหาการตั้งค่าที่ถูกต้องและตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีไลบรารีที่จำเป็นสำหรับการคอมไพล์โค้ด โดยสคริปต์ที่สำคัญที่สุดในสคริปต์เหล่านี้คือสคริปต์ configure ซึ่งมีตัวเลือกต่าง ๆ สำหรับการปรับแต่งกระบวนการสร้าง
ใช้ flag --help เพื่อดูตัวเลือกทั้งหมด:
```
$ ./configure --help
`configure' configures Bitcoin Core 24.0.1 to adapt to many kinds of systems.
Usage: ./configure [OPTION]... [VAR=VALUE]...
...
Optional Features:
--disable-option-checking ignore unrecognized --enable/--with options
--disable-FEATURE do not include FEATURE (same as --enable-FEATURE=no)
--enable-FEATURE[=ARG] include FEATURE [ARG=yes]
--enable-silent-rules less verbose build output (undo: "make V=1")
--disable-silent-rules verbose build output (undo: "make V=0")
...
```
สคริปต์ configure ช่วยให้คุณสามารถเปิดหรือปิดคุณสมบัติบางอย่างของ bitcoind ผ่านการใช้ flag --enable-FEATURE และ --disable-FEATURE โดยที่ FEATURE แทนชื่อคุณสมบัติที่ระบุในข้อความช่วยเหลือ ในบทนี้ เราจะสร้าง bitcoind ด้วยคุณสมบัติตั้งต้นทั้งหมด โดยไม่ใช้ flag การกำหนดค่าเพิ่มเติม แต่คุณควรตรวจสอบตัวเลือกเหล่านี้เพื่อเข้าใจว่ามีคุณสมบัติเพิ่มเติมอะไรบ้าง หากคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมทางการศึกษา ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ หรือมีข้อจำกัดในการติดตั้งโปรแกรม คุณอาจต้องติดตั้งแอปพลิเคชันไว้ในไดเรกทอรี home (เช่นโดยใช้ flag --prefix=$HOME)
ตัวเลือกที่มีประโยชน์สำหรับการกำหนดค่า
--prefix=$HOME: เปลี่ยนตำแหน่งการติดตั้งเริ่มต้น (ซึ่งโดยปกติคือ /usr/local/) ให้เป็นไดเรกทอรี home ของคุณ หรือเส้นทางที่คุณต้องการ
- --disable-wallet: ใช้เพื่อปิดการใช้งานฟังก์ชัน wallet แบบอ้างอิง
- --with-incompatible-bdb: หากคุณกำลังสร้าง wallet ให้ยอมรับการใช้ไลบรารี Berkeley DB เวอร์ชันที่ไม่เข้ากันได้
- --with-gui=no: ไม่สร้างส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิก (GUI) ซึ่งต้องใช้ไลบรารี Qt โดยตัวเลือกนี้จะสร้างเฉพาะเซิร์ฟเวอร์และ Bitcoin Core แบบ commandline เท่านั้น
ต่อไป ให้รันสคริปต์ configure เพื่อให้ระบบตรวจสอบไลบรารีที่จำเป็นทั้งหมดและสร้างสคริปต์สำหรับการสร้างที่ปรับแต่งให้ตรงกับระบบของคุณ:
```
$ ./configure
checking for pkg-config... /usr/bin/pkg-config
checking pkg-config is at least version 0.9.0... yes
checking build system type... x86_64-pc-linux-gnu
checking host system type... x86_64-pc-linux-gnu
checking for a BSD-compatible install... /usr/bin/install -c
...
[many pages of configuration tests follow]
...
```
หากทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี คำสั่ง configure จะสิ้นสุดด้วยการสร้างสคริปต์การสร้างที่ปรับแต่งให้กับระบบของคุณ แต่หากมีไลบรารีที่หายไปหรือเกิดข้อผิดพลาด คำสั่ง configure จะหยุดและแสดงข้อผิดพลาดแทนที่จะสร้างสคริปต์ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น สาเหตุที่พบบ่อยคือการขาดหายหรือความไม่เข้ากันของไลบรารี ให้ตรวจสอบเอกสารการสร้างอีกครั้งและติดตั้ง pre-requisite ที่ขาดไป จากนั้นรัน configure อีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหานั้นได้รับการแก้ไขแล้วหรือไม่
ตั้งค่าเสร็จแล้วได้โหนดแล้วยัง -- ยัง !!!
จากนี้เราต้องทำให้ file มัน Executable ได้ก่อน เพราะการจะคอมไพล์ซอร์สโค้ด กระบวนการนี้อาจใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความเร็วของ CPU และหน่วยความจำที่มีอยู่ หากเกิดข้อผิดพลาด หรือการคอมไพล์ถูกขัดจังหวะ คุณสามารถดำเนินการต่อได้โดยการพิมพ์คำสั่ง make อีกครั้ง
พิมพ์ make เพื่อเริ่มคอมไพล์แอปพลิเคชันที่สามารถรันได้:
```
$ make
Making all in src
CXX bitcoind-bitcoind.o
CXX libbitcoin_node_a-addrdb.o
CXX libbitcoin_node_a-addrman.o
CXX libbitcoin_node_a-banman.o
CXX libbitcoin_node_a-blockencodings.o
CXX libbitcoin_node_a-blockfilter.o
[... many more compilation messages follow ...]
```
บนระบบที่มีความเร็วและมี CPU หลายคอร์ คุณอาจต้องการตั้งค่าจำนวนงานคอมไพล์แบบขนาน (parallel compile jobs) เช่น การใช้คำสั่ง make -j 2 จะใช้สองคอร์หากมีอยู่ หากทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี Bitcoin Core จะถูกคอมไพล์เรียบร้อยแล้ว คุณควรรันชุดการทดสอบหน่วย (unit test suite) ด้วยคำสั่ง make check เพื่อให้แน่ใจว่าไลบรารีที่ลิงค์เข้าด้วยกันไม่มีข้อผิดพลาดอย่าง ขั้นตอนสุดท้ายคือการติดตั้ง executable ต่าง ๆ ลงในระบบของคุณโดยใช้คำสั่ง make install ซึ่งอาจมีการร้องขอรหัสผ่านของผู้ใช้เนื่องจากขั้นตอนนี้ต้องการสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ:
```
$ make check && sudo make install
Password:
Making install in src
../build-aux/install-sh -c -d '/usr/local/lib'
libtool: install: /usr/bin/install -c bitcoind /usr/local/bin/bitcoind
libtool: install: /usr/bin/install -c bitcoin-cli /usr/local/bin/bitcoin-cli
libtool: install: /usr/bin/install -c bitcoin-tx /usr/local/bin/bitcoin-tx
...
```
การติดตั้งเริ่มต้นของ bitcoind จะอยู่ในไดเรกทอรี /usr/local/bin โดยคุณสามารถตรวจสอบว่า Bitcoin Core ถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้วโดยใช้คำสั่งเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของ executable ดังนี้:
```
$ which bitcoind
/usr/local/bin/bitcoind
$ which bitcoin-cli
/usr/local/bin/bitcoin-cli
```
เย่ ทีนี้เราก็มีโหนดแล้วใช่มั้ยยย ก็ต้องตอบว่า ยังงง!!!!!
หลังทำตามนี้ทั้งหมดเราจะได้อุปกรณ์ทั้งหมดที่พร้อมในการติดตั้งโหนดแล้ว ในโพสต์ต่อไป เดี๋ยวจะเป็นการรันโหนดจริง ๆ แล้วครับ
อยากแชร์ไปให้คนที่ไม่ได้อยู่บน Nostr อ่านอย่างงั้นเหรอ !?!?!?!? งั้นทางเราขอแนะนำ:
#siamstr

Learning BTC&NOSTR
Learning BTC&NOSTR
สร้างมาเพื่อแชร์เรื่องราวที่ได้ศึกษาจากการเรียนรู...
#siamstr
=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=
อยากแชร์ไปให้คนที่ไม่ได้อยู่บน Nostr อ่านอย่างงั้นเหรอ !?!?!?!? งั้นทางเราขอแนะนำ: