Thread

image ภาคที่ 16 : ครอบครองความเป็นสุญญตาไว้ (守虛、抱一 – รักษาความว่างไว้และโอบหนึ่งไว้ในใจ) 「致虛極,守靜篤。萬物並作,吾以觀復。夫物芸芸,各復歸其根。歸根曰靜,靜曰復命。」 — เต้าเต๋อจิง หมวดที่ 16 ⸻ ๑. สุญญตา — รากเดิมของเต๋า “สุญญตา” (空, ซวี, xu) หาใช่ความว่างเปล่าแบบนิ่งตายไม่ แต่คือ ความโปร่งใสอันไร้ขอบเขตของสภาวธรรมทั้งหมด — คือสภาพที่ทุกสิ่งยังมิได้ถูกแยกออกเป็น “มี” และ “ไม่มี” เป็นดั่ง บ่อเกิดแห่งเต๋า ที่ เหล่าจื้อ เรียกว่า 「天下有始,以為天下母。」— โลกมีจุดเริ่ม คือมารดาแห่งโลก ความว่างนี้มิใช่ “ความไม่มี” หากคือ ความพร้อมของการมีอยู่ทั้งปวง คือศักยภาพอันบริบูรณ์ที่ยังไม่ปรากฏเป็นรูปหรือเสียงใด ผู้ที่เข้าใจสุญญตาจึงไม่เห็น “ว่าง” เป็นสิ่งว่างเปล่า แต่เห็นมันเป็น ความเต็มบริบูรณ์แห่งความว่าง (空而不空) เมื่อใจสงบจนว่างจากความยึดมั่น รูปย่อมสลาย เมื่อว่างจากรูป นามก็สลาย เมื่อรูปและนามสิ้น — โลกทั้งสิ้นย่อมคืนสู่ความไร้ขอบเขตแห่งสุญญตา นี่คือ “ต้นกำเนิดเดิม” (本原) ของเต๋า ⸻ ๒. ความว่างคือการกลับคืน (復歸) — สภาวะแห่งการดำรงในธรรมชาติ “จากความว่างเปล่าเกิดสรรพชีวิต ดำรงอยู่ แล้วดับสลายคืนสู่ความว่างเปล่า” นี่คือหลักแห่ง “กลับคืนสู่ราก” (歸根) ใน เต้าเต๋อจิง ว่า “歸根曰靜” — การกลับคืนสู่ราก เรียกว่า “ความสงบ” เพราะทุกสรรพสิ่งล้วนโคจรตามวัฏฏะของธรรมชาติ ดังฤดูกาลที่ผลัดเปลี่ยน — หนาวย่อมก่อให้เกิดร้อน ร้อนย่อมกลับไปสู่หนาว ไม่มีสิ่งใดตั้งอยู่ถาวร ใน โจวอี้ กล่าวไว้ว่า 「天行健,君子以自強不息;地勢坤,君子以厚德載物。」 — ฟ้าย่อมเคลื่อนไหวไม่หยุด ดินย่อมรองรับโดยไม่ขัด ผู้รู้จึงรู้จักความหมุนเวียนและการกลับคืน “สุญญตา” จึงมิใช่การดับสูญ แต่คือ การหมุนกลับสู่ความเป็นต้นกำเนิด เมื่อทุกสิ่งคืนสู่รากแห่งตน ความสงบอันแท้จริงจึงปรากฏ ⸻ ๓. สุญญตาและอารมณ์ทั้งเจ็ด “จุดเริ่มต้นของจิตใจมนุษย์ล้วนเกิดจากอารมณ์ทั้ง 7…” อารมณ์ทั้ง 7 เปรียบเหมือน คลื่นในมหาสมุทรแห่งจิต เมื่อคลื่นปั่นป่วน น้ำย่อมกระเพื่อม แต่เมื่อรู้เท่าทันคลื่น ความนิ่งสงบย่อมเผยให้เห็น “มหาสมุทรเดิม” อารมณ์จึงไม่ต้องดับ แต่ต้อง คืนสู่รากแห่งความว่าง คือเห็นทุกความรู้สึกเป็นเพียงการโคจรของพลัง ชี่ (氣) ไม่ต้องหนี ไม่ต้องยึด เพียงแต่ “รู้” แล้วปล่อยให้มันคืนสู่ “ความนิ่ง” ดังที่กล่าวว่า 「復命曰常,知常曰明。」 — เมื่อรู้จักความปกติ ย่อมแจ่มชัด ความนิ่งที่แท้จึงไม่ใช่การหยุด แต่คือ การกลืนรวมกับการเคลื่อนไหว คือความสงบที่ซึมซับอยู่กลางการเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด ⸻ ๔. ความรู้กฎเต๋า — การอยู่ร่วมกับการเปลี่ยนแปลง “ไม่รู้กฎ ทำเหลวไหลนำภัยมา” ผู้ไม่เข้าใจกฎธรรมชาติย่อมหลงอยู่ในมายาแห่งชื่อเสียงและผลประโยชน์ ใจที่มืดบอดย่อมพยายามฝืนกระแสของเต๋า ราวกับต้นไม้ที่ดิ้นรนต้านลม จึงหักง่าย ในขณะที่ไม้ไผ่ที่ยอมเอนตามลมกลับไม่หัก นี่คือหลักแห่ง “柔勝剛” — ความอ่อนชนะความแข็ง เต๋ามิได้สอนให้หนีโลก แต่สอนให้ อยู่กับโลกโดยไม่ขัดแย้งกับมัน รู้จังหวะของธรรมชาติ แล้วดำเนินไปอย่างกลมกลืน ดังคำของ เหล่าจื้อ ว่า 「知人者智,自知者明。勝人者有力,自勝者強。」 — ผู้เข้าใจผู้อื่นคือผู้รู้ ผู้เข้าใจตนคือผู้สว่าง ผู้ชนะผู้อื่นคือผู้มีกำลัง แต่ผู้ชนะตนคือผู้ยิ่งใหญ่ “รองรับได้” จึงหมายถึงใจที่ไม่ต้าน ไม่ฝืน ใจที่รู้ว่าทุกสิ่งล้วนเป็นเช่นนั้นเอง (自然 zìrán) คือปล่อยให้ธรรมชาติเป็นธรรมชาติ ⸻ ๕. สุญญตาในฐานะสมดุลของจักรวาล ความว่างคือแก่นแท้ของจักรวาล ฟ้าดินเกิดจาก “เต๋า” เต๋าเกิดจาก “สุญญตา” เมื่อว่างย่อมมี เมื่อมีย่อมกลับสู่ว่าง นี่คือการหายใจของเอกภพ — การขยายและหดตัวแห่งเต๋า “สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นและดับสลายไปตามกาลเวลา มีความสลับซับซ้อนหลากหลายและไม่เที่ยง สรรพสิ่งล้วนกลับสู่ต้นกำเนิดเดิมคือความว่างเปล่า” ดังนั้น ผู้ที่เข้าใจ “สุญญตา” อย่างแท้จริง ย่อมไม่แสวงหาความเที่ยงแท้ในสิ่งไม่เที่ยง ย่อมไม่หลงในมายาแห่งรูปและนาม แต่ดำรงอยู่ใน “สภาวะแห่งการกลับคืน” (復命) คือ การอยู่โดยรู้ว่าสรรพสิ่งล้วนกลับสู่ตนเองเสมอ ⸻ ๖. ครอบครองความเป็นสุญญตาไว้ — วิถีแห่งนิรันดร์ 「道常無名,樸雖小,天下莫能臣也。」 — เต๋าไม่มีชื่อ แม้เป็นเพียงก้อนหยาบ แต่ไม่มีสิ่งใดครอบงำได้ “ครอบครองสุญญตาไว้” มิได้หมายถึงยึดมั่นในความว่าง แต่คือ ดำรงอยู่ในความไม่ยึดมั่น คือการปล่อยใจให้คืนสู่สภาพที่ไม่ปรุงแต่ง เมื่อใจไม่สร้างปัญหา ปัญหาย่อมไม่มี เมื่อใจไม่ขัดธรรมชาติ ย่อมอยู่ร่วมกับทุกสิ่งโดยไม่แตกต่าง ผู้ที่ครอบครองสุญญตาไว้ จึงคือผู้ที่ “มีแต่ไม่ถือ มีรูปแต่ไม่ยึดรูป มีใจแต่ไม่ยึดใจ” เพราะเห็นแล้วว่าทั้งหมดนั้นว่างเปล่า แต่ในความว่างเปล่านั้นเอง คือความสมบูรณ์อันเป็นนิรันดร์ ⸻ บทสรุป สุญญตา (空) ในคัมภีร์เต๋า คือ “สภาพที่เต๋าดำรงอยู่ในความนิ่ง แต่ความนิ่งนั้นมิใช่ความตาย หากเป็นพลังแห่งการก่อเกิดไม่สิ้นสุด” เมื่อใจสงบว่างจากความยึดมั่น เมื่อรู้ว่าการเกิดดับเป็นธรรมดา เมื่อวางทุกสิ่งคืนสู่รากเดิมแห่งตน — จึงชื่อว่า ครอบครองความเป็นสุญญตาไว้ 「復命曰常,知常曰明。」 — การกลับคืนสู่รากเดิมคือความปกติ รู้ความปกติ ย่อมแจ่มชัดในเต๋า ⸻ ภาคที่ 17 : ผู้คืนสู่ความนิ่ง ย่อมครอบครองแสงแห่งเต๋า (歸靜守光 — กลับคืนสู่ความสงบ และรักษาแสงเดิมไว้ในตน) 「致虛守靜,萬物並作而不辯,復歸於無極。」 — เต้าเต๋อจิง หมวดที่ 37 ⸻ ๑. แสงแห่งเต๋า — 光之本源 (กวงจือเปิ่นหยวน) “แสงแห่งเต๋า” (道之光) มิใช่แสงที่ปรากฏแก่ตา แต่คือ พลังแห่งสติรู้บริสุทธิ์ ที่แผ่ทั่วสรรพสิ่งโดยไม่ปรากฏรูปลักษณ์ใด ในภาวะสุญญตา — เมื่อทุกสิ่งดับลง เหลือเพียงความนิ่งสนิท ในความนิ่งนั้นเอง ปรากฏ “แสงเดิม” (元光, Yuán Guāng) ซึ่งคือ ธาตุรู้เดิมแท้แห่งเต๋า 「玄牝之門,是謂天地根。綿綿若存,用之不勤。」 — เต้าเต๋อจิง หมวดที่ 6 “ประตูแห่งความลึกล้ำและกำเนิด คือรากแห่งฟ้าดิน มีอยู่ละเอียดลึกและต่อเนื่อง ใช้เท่าไรก็ไม่สิ้นสุด” แสงนี้คือพลังของ “玄牝” — มารดาแห่งฟ้าและดิน เป็นพลังแห่งการก่อเกิดที่ไม่เคยดับสูญ แต่เมื่อจิตคนถูกรบกวนด้วยอารมณ์ ความคิด และอุปาทาน แสงนี้ย่อมถูกปิดบังไว้ดุจเมฆบดบังพระจันทร์ ผู้รู้เต๋าจึงมิได้สร้างแสง แต่ เปิดทางให้แสงปรากฏ โดยการ “คืนสู่ความนิ่ง” ⸻ ๒. การคืนสู่ความนิ่ง (歸靜) 「靜為躁君,寒為熱母。」 — คัมภีร์โจวอี้ หมวด “คังกวง” “ความนิ่งคือเจ้าแห่งความเคลื่อนไหว ความเย็นคือมารดาแห่งความร้อน” ความนิ่งจึงไม่ใช่ภาวะตรงข้ามของการเคลื่อนไหว แต่เป็น รากที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวทั้งปวง จิตที่นิ่ง มิใช่จิตที่หยุด แต่คือจิตที่ กลับสู่สมดุลแห่งธรรมชาติ — ไม่ต้าน ไม่ฝืน ไม่เร่ง ไม่หน่วง ในสภาวะแห่งความนิ่งนี้ “สุญญตา” กลายเป็น “พลังสร้างสรรค์” คล้ายผิวน้ำสงบที่สะท้อนแสงจันทร์โดยไม่บิดเบือน เมื่อจิตว่างและนิ่งเช่นนั้น “แสงแห่งเต๋า” จึงปรากฏชัด — เพราะเต๋าไม่เคยหายไป เพียงแต่จิตผู้มองคลาดเคลื่อน ⸻ ๓. การรักษาแสงไว้ในใจ (守光) 「見素抱樸,少私寡欲。」 — เต้าเต๋อจิง หมวดที่ 19 “เห็นความบริสุทธิ์ โอบความเรียบง่ายไว้ มีความอยากให้น้อย มีความเห็นแก่ตัวให้น้อย” “การรักษาแสง” หมายถึงการ ไม่ปล่อยให้จิตหลงออกสู่ภายนอก เพราะทุกครั้งที่จิตยึดในสิ่งใด มันย่อมถูกกลืนโดยสิ่งนั้น เมื่อความอยากเกิด แสงย่อมมัว เมื่อความโกรธเกิด แสงย่อมสั่น เมื่อความหลงเกิด แสงย่อมหาย ผู้รักษาแสงจึงมิใช่ผู้ปิดโลก แต่คือผู้รู้ว่าทุกสิ่งในโลกคือ “เงาแห่งแสงเดิม” เขาจึงอยู่กับโลกโดยไม่ดับแสงในใจ — เหมือนตะเกียงที่ส่องสว่างแม้อยู่กลางพายุ ในคัมภีร์เต๋าสายใน (內丹經) ว่าไว้ว่า 「守一不移,萬靈自歸。」 — “เมื่อรักษาหนึ่งไว้ไม่หวั่นไหว สรรพชีวิตย่อมคืนสู่ตนเอง” “หนึ่ง” (一) นี้คือแก่นของเต๋า คือจุดที่ฟ้าและดินรวมเป็นหนึ่งเดียว คือแสงที่ไม่เกิดไม่ดับในใจ ⸻ ๔. แสงแห่งเต๋ากับสุญญตา — 二而一 (สองแต่หนึ่ง) สุญญตาและแสงมิใช่ของตรงข้าม สุญญตาคือ ภาวะไร้รูปลักษณ์ของเต๋า แสงคือ การปรากฏของเต๋าในสภาวะรู้ สุญญตาเป็นดั่ง “ฟ้าอันไร้เมฆ” แสงเป็น “ดวงอาทิตย์ที่ฉายอยู่ในฟ้านั้น” ดังนั้นผู้ที่ “ครอบครองสุญญตาไว้” แต่ไม่ “รักษาแสงไว้ในใจ” ย่อมตกสู่ความว่างเปล่าอันเย็นชา ส่วนผู้ที่ “รักษาแสงไว้” โดยไม่รู้สุญญตา ย่อมหลงในพลังและการแสวงหา หนทางแห่งเต๋าคือ การรวมทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว (合二為一) คือ “ว่างแต่สว่าง นิ่งแต่รู้” (空而明,靜而覺) ⸻ ๕. วิถีแห่งแสงเดิม (元光之道) ใน เต๋าสายใน กล่าวถึง “元光” ว่าเป็น ธาตุแห่งชีวิตนิรันดร์ เป็นพลังที่ก่อเกิดและค้ำจุนจักรวาล ในแง่ของจิตภายใน มันคือ พลังแห่งการรู้โดยไม่ต้องคิด คือ “จิตที่รู้ตัวเอง” โดยไม่ต้องมีผู้รู้หรือสิ่งถูกรู้ เมื่อจิตคืนสู่ภาวะเช่นนั้น “รูป” และ “นาม” ย่อมกลายเป็นเพียงการสั่นสะเทือนของแสง “โลก” และ “เรา” ย่อมเป็นภาพเงาที่สะท้อนบนพื้นน้ำแห่งเต๋า แสงแห่งเต๋าไม่เกิด ไม่ดับ เพียงแต่เปลี่ยนรูปตามการปรุงแต่งของสรรพสิ่ง ผู้คืนสู่ความนิ่งย่อมเห็นว่า ทุกการเกิดดับในโลก เป็นเพียง การเต้นของแสงเดียวกันในรูปแบบต่าง ๆ ดังนั้นผู้รู้เต๋าจึงไม่แสวงหาความไม่เกิดดับในโลกภายนอก แต่หันกลับเข้าภายใน เพื่อ “รักษาแสงแห่งเต๋าไว้ในใจ” ⸻ ๖. ผู้คืนสู่ความนิ่ง จึงครอบครองแสงแห่งเต๋า 「人法地,地法天,天法道,道法自然。」 — เต้าเต๋อจิง หมวดที่ 25 มนุษย์ผู้เดินตามธรรมชาติจึงไม่ฝืนฟ้า ฟ้าไม่ฝืนเต๋า เต๋าไม่ฝืนธรรมชาติ เพราะธรรมชาตินั้นเอง คือเต๋าที่ปรากฏในสรรพสิ่ง เมื่อใจสงบจนสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของเต๋า เมื่อรู้ว่าทุกสิ่งล้วนเป็น “การแสดงออกของแสงเดียวกัน” ผู้นั้นย่อม รวมแสงแห่งตนกับแสงแห่งฟ้าเป็นหนึ่งเดียว เขาไม่ต้องค้นหา “นิพพาน” หรือ “สวรรค์” เพราะในขณะจิตที่นิ่งและรู้ — นั่นคือการอยู่ในเต๋าแล้ว ⸻ บทสรุป : สุญญตากลับกลายเป็นแสง ภาคที่ 16 ว่าด้วยการ ครอบครองสุญญตา — การรู้แจ้งในความว่าง ภาคที่ 17 ว่าด้วยการ คืนสู่ความนิ่งและรักษาแสง — การรู้แจ้งในความสว่าง สุญญตา คือ “ความไม่” แสง คือ “ความมี” สองสิ่งนี้หมุนรอบกันอย่างนิรันดร์ ดุจกลางวันและกลางคืนของจักรวาล “เมื่อว่างจึงสว่าง เมื่อสว่างจึงว่าง” 「空即光,光即空」 ผู้ที่คืนสู่ความนิ่ง ย่อมครอบครองแสงแห่งเต๋า ผู้ที่เห็นแสงแห่งเต๋า ย่อมกลับสู่สุญญตา เมื่อว่างและสว่างรวมเป็นหนึ่ง — นั่นคือการอยู่ในเต๋าโดยสมบูรณ์ (得道). #Siamstr #nostr #taoism

Replies (2)

🛡️
เคยเจอมากับตัวค่ะ แต่ในภายหลังดิฉันเรียกมันว่า 'Nihilism' มีครั้งหนึ่งที่ตัวเองก็เคยดิ่งลงไปยืนตรงจุดระหว่างความเป็นและความตาย ตอนนั้นความหมายทุกอย่างในชีวิตสูญสลาย เหลือเพียงสองทางเลือก ตนเอง ณ ขณะนั้นไร้อารมณ์เจือปน โลกมันดูไร้ความหมาย ไม่เว้นแม้แต่ตัวเอง หากเลือกที่จะตาย ความกลัวอันมหาศาลจะถ่าโถมทำให้อึดอัดอกและใจ แม้ว่าการตัดสินใจเลือกก่อนหน้านั้นจะปราศจากอารมณ์แต่แรก ตัวเองเลยสรุปว่าเพราะมนุษย์เป็นแค่ 'สัตว์' ประเภทหนึ่งเท่านั้น และพอความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น - เศษเสี้ยวความรู้สึกของความตาย ตนเองจึงได้สรุปว่า 'มนุษย์คือสัตว์ เพียงแค่มีจิตสำนึกจึงรับรู้ถึงความตาย 'ได้ทุกเวลา' ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีชีวิตอย่างไม่มีเงื่อนไข' ทุกความหมายจึงถูกสร้างขึ้นใหม่ ดิฉันจึงจัดระเบียบทุกสิ่งใหม่ทั้งหมด อะไรหนักไม่จำเป็น 'ตัดทิ้ง' อะไรเป็นสิ่งจำเป็น 'รักษามันไว้' ความตายจะมาหาเราตอนไหนก็ได้ ตนเองจึงพยายามทำทุกสิ่งให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งใจใช้ชีวิตให้ดีและเต็มที่ที่สุด แล้วก็... "ชีวิตเบาหวิวขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ" #MK100100 's literature on #siamstr