วิดีโอนี้เป็นการเสวนาในหัวข้อ "ทฤษฎีเกมที่บังคับให้รัฐชาติต้องขุดบิตคอยน์" (The Game Theory FORCING Nation-States to Mine Bitcoin) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมพูดคุยถึงเหตุผลเชิงกลยุทธ์ที่ทำให้รัฐชาติต่างๆ หันมาสนใจการขุดบิตคอยน์ หรือดึงดูดให้มีกำลังการขุด (hash rate) เข้ามาในประเทศของตน
สรุปประเด็นสำคัญจากการเสวนา:
1. บิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์และความขาดแคลน
* การเสวนาเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เรียกบิตคอยน์ว่าเป็น "สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับในความสำคัญของบิตคอยน์ในระดับโลกที่เพิ่มมากขึ้น
* มีการเน้นย้ำถึงความขาดแคลนอย่างยิ่งของบิตคอยน์ โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นรายใหญ่เริ่มเข้ามาถือครองเป็นทุนสำรอง ด้วยจำนวนบิตคอยน์ที่เหลือให้ขุดอีกเพียงประมาณ 1 ล้านเหรียญในอีก 100 ปีข้างหน้า กำลังการขุด (hash rate) จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการได้มาซึ่งบิตคอยน์ในปริมาณที่มากขึ้น
2. บิตคอยน์และอธิปไตยของชาติ
* บิตคอยน์สามารถเป็นเครื่องกำหนดอธิปไตยของประเทศได้ Francesca Feloni เน้นว่าพื้นที่ในบล็อก (block space) และกำลังการขุด (hash rate) เป็นทรัพยากรที่หายากเช่นเดียวกับทรัพยากรทางกายภาพ และมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์สำหรับรัฐ
* การควบคุมกำลังการขุดและพื้นที่ในบล็อกจะช่วยให้ประเทศสามารถจัดการธุรกรรมและมีส่วนร่วมในภาคเศรษฐกิจใหม่นี้ได้ แทนที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
* รัฐชาติต่างๆ กำลังลงทุนอย่างมหาศาลในภาคส่วนนี้และสร้างทุนสำรองบิตคอยน์เพื่อจัดการกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเหล่านี้
3. ปัจจัยที่ดึงดูดให้ประเทศต่างๆ สนใจการขุดบิตคอยน์
* หลักนิติธรรม: Kevin Zayn จาก Foundry Digital เน้นว่ากรอบกฎหมายที่ชัดเจนและหลักนิติธรรมมีความสำคัญสูงสุด บริษัทมหาชนขนาดใหญ่และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ลงทุนหลายร้อยล้านหรือพันล้านดอลลาร์ต้องการความมีเสถียรภาพและความแน่นอนในกฎระเบียบ ภาระภาษี และค่าไฟฟ้า
* ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน: Philip จาก NiceHash ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้ในการขุด เขาคาดการณ์ว่าจะมีการออกกฎหมายและการกีดกันทางการค้าเพิ่มขึ้นเมื่อรัฐบาลตระหนักถึงคุณค่าของการรักษาความมั่งคั่งนี้ไว้ภายในประเทศ
* ไฟฟ้าที่อุดมสมบูรณ์และราคาถูก: ประเทศที่มีไฟฟ้าส่วนเกินหรือไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการขุดบิตคอยน์ การขุดบิตคอยน์ทำหน้าที่เป็น "โหลดที่ควบคุมได้" ซึ่งสามารถปิดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างสมดุลของโครงข่ายไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโครงสร้างพื้นฐานพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ
* การพัฒนาเศรษฐกิจ: การขุดบิตคอยน์สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับมาตรฐานการครองชีพได้ ตัวอย่างเช่น ภูฏานใช้กำไรจากบิตคอยน์ในการสร้างสนามบินและเมือง และ Gridless ได้ติดตั้งระบบไฟฟ้าในชุมชนในเคนยาที่ไม่เคยมีไฟฟ้าใช้มาก่อน
* โครงสร้างพื้นฐานเดิม: สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และในอดีตคือจีน ครองตลาดการขุดบิตคอยน์เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีอยู่แล้ว (เช่น โรงงานที่ถูกดัดแปลงในสหรัฐฯ, โครงข่ายไฟฟ้าจากสมัยสหภาพโซเวียตในรัสเซีย, และการใช้พลังงานหมุนเวียนจำนวนมากในจีน)
4. ความเชื่อมโยงระหว่างการขุดบิตคอยน์และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
* ความเชื่อมโยงระหว่าง AI และการขุดบิตคอยน์ส่วนใหญ่อยู่ที่ การใช้พลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้า
* การทำงานร่วมกัน:
* การใช้พลังงานขนาดใหญ่ของการขุดบิตคอยน์สามารถนำไปสู่สัญญาการซื้อขายพลังงานที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของ AI ที่ต้องการพลังงานจำนวนมากเช่นกัน
* บริษัทต่างๆ กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้า (สถานีไฟฟ้าย่อย, สายส่งไฟฟ้าแรงสูง) สำหรับการขุด ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อการพัฒนาประเทศในวงกว้างได้
* ในภูมิภาคอย่างเท็กซัส บริษัทต่างๆ ได้ผสมผสานการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC)/AI และการขุดบิตคอยน์เข้าด้วยกัน โดยการขุดบิตคอยน์ (ซึ่งเป็นโหลดที่ยืดหยุ่น) จะเข้าร่วมในโครงการตอบสนองด้านโหลด (demand response) และการลดการใช้ไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดอัตราค่าไฟฟ้าโดยรวมของโรงงานได้อย่างมาก ในขณะที่ AI (ซึ่งต้องการความเสถียร 99.9%) ยังคงทำงานต่อไปได้
* ความท้าทายในยุโรป: ยุโรปเผชิญกับความยากลำบากเนื่องจากค่าไฟฟ้าที่แพง, นโยบายที่ผิดพลาด (เช่น การปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์), และกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อบริษัทสตาร์ทอัพทั้งในด้าน AI และคริปโต แม้ว่าจะมีการพัฒนา AI อยู่บ้างในฝรั่งเศส (เนื่องจากมีพลังงานนิวเคลียร์) หรือในพื้นที่ที่มีโครงการเศรษฐกิจหมุนเวียน แต่โดยทั่วไปแล้วการจัดตั้งธุรกิจในยุโรปทำได้ยากกว่าในสหรัฐฯ
5. อนาคตของรัฐชาติในการขุด
* ผู้ร่วมเสวนาได้พูดคุยถึงแนวทางที่ประเทศต่างๆ ควรจะทำ เช่น การเปิดพูลขุด (mining pool) ของตนเอง, การสร้างพันธมิตร, หรือการซื้อกำลังการขุด
* การควบคุมกำลังการขุด: Philip เชื่อว่าจะมีความสนใจอย่างมากในการจัดการและควบคุมกำลังการขุดที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ ซึ่งอาจทำได้ผ่านพูลขุดในท้องถิ่นหรือรีเลย์ เขายังมองว่าการเข้าซื้อกำลังการขุดจะเป็นแนวโน้มที่สำคัญ
* แนวทางแบบผสมผสาน: Francesca แนะนำให้ใช้แนวทางแบบผสมผสานระหว่างการควบคุมพูลขุด, การเข้าซื้อกำลังการขุดบางส่วน, และการสร้างฟาร์มขุดของตนเอง เพื่อสร้างความสมดุลและมุมมองเชิงกลยุทธ์
* การเข้าถึงพื้นที่ในบล็อก: Kevin ให้เหตุผลว่ามุมมองได้เปลี่ยนจากการขุดเพื่อสะสมบิตคอยน์เพียงอย่างเดียว (เนื่องจากเหลือให้ขุดอีกเพียง 1 ล้านเหรียญ และการซื้อโดยตรงมีประสิทธิภาพมากกว่า) มาเป็นการมุ่งเน้นที่ การควบคุมพื้นที่ในบล็อกและกำลังการขุด
* ความปลอดภัยของเครือข่ายและการควบคุมธุรกรรม: การควบคุมกำลังการขุดทำให้ประเทศ "มีสิทธิ์มีเสียงในเครือข่าย" และรับประกันได้ว่าประเทศจะสามารถตรวจสอบธุรกรรมของตนเองและสร้างบริการต่างๆ บนเครือข่ายบิตคอยน์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความมั่นคงของชาติและอธิปไตยทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยป้องกันสถานการณ์เช่นการถูกตัดออกจากระบบการเงินโลก (เหมือนที่รัสเซียถูกตัดออกจาก SWIFT)
* เป้าหมายกำลังการขุด: มีการอ้างถึงคำแนะนำของ Bob Bernett ที่ว่า ประเทศควรตั้งเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนกำลังการขุดทั่วโลกเทียบเท่ากับสัดส่วน GDP ของตนเองต่อ GDP โลก
การเสวนาสรุปโดยเน้นว่าการใช้พลังงาน, ความพร้อมของพลังงาน, และโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้ามีความสัมพันธ์โดยตรงกับการพัฒนาและนวัตกรรมของชาติ
#siamstr #bitcoin #mining #geopolitic
Thread
Login to reply
Replies ()
No replies yet. Be the first to leave a comment!