Thread

#การสื่อสารที่เชื่อมใจ (4) ขอในสิ่งที่ทำได้ ไม่ใช่เรียกร้องสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้น หลายครั้งที่เราผิดหวัง… ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายไม่รักหรือไม่สนใจเรา แต่มันเป็นเพราะ สิ่งที่เราขอมันใหญ่เกินกว่าที่เขาจะทำได้จริง ผมเคยพูดกับใครสักคนว่า “นายต้องเปลี่ยนตัวเอง” พูดจบแล้วผมก็รู้สึกเหมือนโยนก้อนหินก้อนใหญ่ลงไปกลางอกเขา เพราะเอาจริง ๆ ใครมันจะเปลี่ยนทั้งตัวเองได้ในทันที? ประโยคแบบนั้นมันไม่ใช่คำขอ มันคือ “คำตัดสินปลอม ๆ” และมันสร้างกำแพงที่สูงมากขึ้นมาทันที แต่ถ้าเราลองทำให้คำขอเล็กลง จับต้องได้ขึ้นจริง ๆ มันจะกลายเป็นสะพานที่อีกฝ่ายสามารถก้าวข้ามมาได้ อย่างเช่น… แทนที่จะบอกว่า “นายต้องใส่ใจเรามากกว่านี้” เราลองบอกว่า “ถ้าพรุ่งนี้นายโทรหาเราสัก 5 นาที ฉันจะดีใจมาก” แทนที่จะบอกว่า “เธอควรเป็นคนใหม่” เราลองพูดว่า “ถ้าเธอช่วยบอกฉันก่อนว่าจะกลับดึก ฉันจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะ” ครั้งหนึ่ง ผมเคยขอให้น้อง “ทำงานให้ดีกว่านี้” ฟังดูเหมือนเป็นคำให้กำลังใจนะ แต่จริง ๆ แล้วมันกว้างเกินไป ไม่มีใครรู้หรอกว่าดีกว่าของเรา หมายถึงอะไร แต่พอเปลี่ยนเป็น “ช่วยเช็กงานตรงนี้ก่อนส่งได้ไหม” ทุกอย่างมันง่ายขึ้นมาก เพราะเขารู้ว่าต้องทำอะไร และทำได้จริง การขอในสิ่งที่ทำได้ ไม่ใช่การลดมาตรฐานของเรา มันคือการเคลียร์เส้นทางให้คนตรงหน้ามองเห็นสิ่งที่ควรก้าวไปทีละก้าว เราก็ยังได้ในสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ อีกฝ่ายก็ไม่รู้สึกเหมือนถูกบีบให้เปลี่ยนทั้งชีวิต ผมว่าความสัมพันธ์ส่วนใหญ่พัง เพราะเราเผลอเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้น แต่ถ้าเราขอในสิ่งที่ทำได้ มันไม่ใช่แค่เพิ่มโอกาสสำเร็จ แต่มันยังทำให้เราทั้งคู่ยังอยากเดินไปด้วยกันต่อ สุดท้ายแล้ว… ความรัก ความผูกพัน หรือแม้แต่การทำงานด้วยกัน มันไม่ต้องการ “การเปลี่ยนตัวเองทั้งหมด” แต่มันแค่ต้องการ “การก้าวเล็ก ๆ ที่ทำได้จริง” ซึ่งบางครั้ง… ก็มีค่ามากกว่าคำสัญญาใหญ่ ๆ เสียอีก Speak Human, Stay Kind #Siamstr

Replies (4)