Thread

ถือบิทคอยไว้เฉยๆ วิธีเรียบง่าย แต่ทําจริง โคตรยาก - Sats And Sound Ep.49 ในกลุ่ม Bitcoin Thai Community มีสมาชิกท่านหนึ่ง ได้แชร์รูปพร้อม แคปชั่น "ถ่ายไว้เมื่อปี 2016 ใช้การ์ดจอขุดใน pool สมัยก่อน #รู้งี้ #bitcoin" วันนี้ผมจะรวบรวมความคิดเห็นของคนในคอมมูนิตี้ว่าคิดเห็นยังไงกับภาพนี้กันบ้าง และผมได้บทเรียนอะไรบ้าง อีกอย่างผมอยากให้คอนเท้นนี้เก็บความทรงจําของบิทคอยในช่วงที่คนยังไม่ค่อยรู้จักอย่างปี 2016 ด้วยครับ ในรูปเราก็จะเห็นเป็นหน้าเว็บไซต์ bx.in.th ซึ่งใช้ซื้อขายบิทคอย ในตอนนั้นยังไม่มี exchange ด้วยความที่บิทคอยเพิ่งเกิดไม่นาน และสนใจโดยคนกลุ่มที่เล็กกว่าในปัจจุบันมาก ทําให้ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ขาย เก็บบิทคอย ยุ่งยากมากๆครับ อาจจะด้วยเทคโนโลยี ด้วยความเร็วอินเทอร์เน็ต ด้วยความรู้หลายๆอย่าง ต่างจากในตอนนี้ที่เราสามารถซื้อบิทคอยได้สะดวกมากทําเสร็จภายใน 1 นาที ผมเคยทําคลิปจับมือทํา มี 40 บาทก็ออมบิทคอยได้แล้ว ใครสนใจเข้าไปดูกันได้ กลับมาที่รูปนี้กันต่อ นอกจากประเด็นเว็บซื้อขายบิทคอยที่ปิดไปแล้ว อยากให้ดูราคาบิทคอยในตอนนั้นครับ ในปี 2016 ถ้าอิงเรทซื้อขายบิทคอยเว็บไซต์ bx.in.th เรทการซื้อบิทคอย 1 BTC = 23,664 THB เรทการขายบิทคอย 1 BTC = 22,668 THB หลายคนตกใจว่าทําไมเรทซื้อขายต่างกันเยอะ อยากบอกว่าเป็นเรื่องปกติครับ เขาไม่มีทางซื้อขายเท่ากันอยู่แล้ว ยกตัวอย่าง ถ้าคุณลองเอาเงิน ดอลล่าไปแลกแบงค์ดู เรทซื้อ เรทขายก็ไม่เท่ากันเหมือนกัน แล้วในรูป ถ้าหากคุณขาย 0.8 BTC จะได้รับเงิน 18,110 บาท แล้วตัดกลับมาที่ราคาบิทคอยในปัจจุบัน อยู่ที่ 3,597,865.67 บาทต่อ 1 BTC เท่ากับว่า 0.8 BTC ในวันนี้มีมูลค่าถึง 2,878,292.53 มูลค่าเพิ่มขึ้น 159 เท่า หลังจากเวลาผ่านไป 9 ปี จริงๆข้อมูลตรงนี้ ดูกราฟทุกคนรู้หมด แต่ภาพนี้มันมายํ้าความรู้สึกเสียดาย ความรู้สึกรู้งี้ ให้ชัดเจนขึ้นไปอีก เกริ่นมาพอสมควรคราวนี้ เราไปดูความคิดเห็นของคนในคอมมูกัน บ้างครับ ผมจะแบ่งประเภทคอมเม้นได้ 3 กลุ่มหลักๆก็คือ 1. กลุ่มผู้ที่มีประสบการณ์ตรง (Early Adopters) 2. กลุ่มผู้ที่รู้จักบิทคอยแต่ไม่ได้ซื้อขาย 3. กลุ่มที่แสดงความคิดเห็นทั่วไป 1. กลุ่มผู้ที่มีประสบการณ์ตรง (Early Adopters) คอมเมนต์ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนที่รู้จักและเข้ามาในวงการบิทคอยน์ตั้งแต่ช่วงแรกๆ โดยเฉพาะยุคที่ BX.in.th และ Coins.co.th ยังเป็นที่นิยมอย่างมาก คอมเมนต์ในกลุ่มนี้จะมีการกล่าวหัวข้อย่อยๆอีกเช่น 1.1 ประสบการณ์การซื้อขาย การซื้อบิทคอยน์ในราคาหลักร้อยหลักพันบาท (มีเม้นบอกว่า 100 บาท ได้ 30 เหรียญ) การซื้อขายผ่านเว็บ BX และ Coins.co.th พูดถึงลุงโฉลก เป็นต้น 1.2 การขุด (Mining) การใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวขุดบิทคอยหรือเหรียญอื่นๆ เช่น NiceHash หรือ Minergate รวมถึงปัญหาเรื่องค่าไฟ มีคอมเม้นบอกว่าเหรียญที่ขุดหายไปเพราะ HDD คอมเก่าเสีย ทิ้งไปแล้ว ซึ่งมีมูลค่าเยอะเสียดายมาก 1.3 ความทรงจำและอารมณ์ ความคิดถึงบรรยากาศในแชทของ BX ที่สนุกสนาน และการพูดถึง "สมศักดิ์" ซึ่งเป็นตัวละครที่สร้างสีสันในห้องแชท มีคอมเม้นบอกว่า ปั่นกันทั้งวันทั้งคืน ไม่นอน สนุกมาก 1.4 ประสบการณ์การสูญเสีย ทําบิทคอย หรือ ขายหมู การสูญเสียเหรียญเนื่องจากเว็บปิดตัว, wallet เงินหาย ,ไฟล์ seedphrase.dat หายไปพร้อม HDD หรือ ล้างเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือการขายทิ้งในราคาที่ต่ำกว่าปัจจุบันมาก เช่น ขายหมดตอนราคาหลักแสนบาท 2. กลุ่มผู้ที่รู้จักบิทคอยแต่ไม่ได้ซื้อขาย กลุ่มนี้จะรู้จักบิทคอยน์จากข่าวหรือคนรอบข้าง แต่ไม่มั่นใจหรือมีเงินทุนแต่ไม่อยากซื้อช่วงแรกๆ หรือมารู้จักเมื่อราคาสูงขึ้นมากแล้ว เช่น คอมเมนต์ที่บอกว่ามารู้จักตอนราคาไป 700,000 แล้ว คนที่คิดว่าบิทคอยแพง ผ่านไปกี่ปี กี่ราคา มันจะขึ้นขนาดไหน เขาก็ไม่ซื้ออยู่ดี 3. กลุ่มที่แสดงความคิดเห็นทั่วไป เป็นคอมเมนต์ที่สรุปบทเรียนหรือความรู้สึกจากเรื่องราวในอดีตของผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในยุคบุกเบิก เช่น "รู้อะไรไม่เท่า รู้งี้" หรือ "ขายไปก็ดีแล้ว คนอื่นจะได้รวยบ้าง" รวมไปถึงคอมเมนต์ที่ให้คำแนะนำแบบสั้นๆ เช่น "เก็บโง่ๆ" และ "ถือยาว+อดทนรวย" คนที่ทําได้จะต้องศึกษาและเข้าใจบิทคอย รวมถึงอดทนรอให้มันงอกงามได้ จากคอมเม้นผมก็มานั่งวิเคราะห์ต่อว่า แต่ละท่านที่มาแสดงความคิดเห็นน่าจะรู้จักบิทคอยในช่วงเวลาไหนบ้าง แบ่งออกได้ 3 กลุ่ม 1 กลุ่มผู้บุกเบิก (รู้จักตั้งแต่ปี 2013-2017) - กลุ่มนี้คือผู้ที่ใช้งาน BX.in.th โดยตรง - เป็นผู้ที่ทันยุคที่บิทคอยยังมีราคาถูกมากๆ เช่น คอมเมนต์ที่พูดถึง ราคาหลักพันหรือหลักหมื่นบาท - คอมเมนต์ที่พูดถึงการเก็บเหรียญในช่วงปี 2017 2 กลุ่มที่รู้จักหลังจากปี 2017 (ช่วงที่ราคาเริ่มพุ่ง) - กลุ่มนี้คือผู้ที่เริ่มสนใจบิทคอยน์ในช่วงที่ราคามีความผันผวนสูงและเริ่มเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง - บางคนรู้จักมาก่อนแต่พึ่งมาสนใจบิทคอยช่วงนี้ 3 กลุ่มผู้ที่รู้จักในช่วงหลัง (ราคาเริ่มสูงมาก) - กลุ่มนี้คือผู้ที่เพิ่งมารู้จักบิทคอยน์เมื่อไม่นานมานี้ หรือเมื่อราคาได้พุ่งสูงขึ้นไปแล้ว หลังปี 2020 ซึ่งมักจะแสดงความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เข้ามาลงทุนตั้งแต่แรก และพยายาม stack sats ต่อไป จากคอมเม้นและประสบการณ์ของทุกคนในคอมมูนิตี้ ผมได้บทเรียนอะไรบ้าง 1 จงศึกษาบิทคอย และศึกษาบทเรียนในอดีต แล้วนํามาปรับใช้ในอนาคต หลายๆคนไม่ถือยาว แล้วมารู้งี้ ก็เพราะในตอนนั้นยังไม่มีบทเรียนให้เห็น เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ ดังนั้นเราก็โฟกัสที่ปัจจุบัน ผมเคยทําคลิป โฟกัสที่ ปัจจุบัน สําคัญที่สุด ได้พูดถึงประเด็นการซื้อบิทคอยไว้ด้วย ลองไปดูกันได้ น่าจะสรุปสาเหตุความรู้งี้ ของกลุ่มบิทคอยเนอร์ในยุคแรกๆได้ ว่าทำไมเขาถึงไม่ถือจนมาถึงปัจจุบัน 2 "ถือยาว" คือหัวใจสำคัญ คอมเมนต์หลายข้อที่แสดงความเสียดายล้วนมาจากปัญหาการ "ขายทิ้ง" ในช่วงที่ราคาดิ่งลง หรือขายไปเมื่อได้กำไรเล็กน้อย ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของการลงทุน บทเรียนที่ได้คือค่อยๆสะสม ทยอยออม และไม่ขาย หากเราเชื่อมั่นในสินทรัพย์อย่างบิทคอย การถือครองในระยะยาว (HODL) คือกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด 3 "เก็บโง่ๆ" คือวิธีที่ง่ายที่สุด คำว่า "เก็บโง่ๆ" จากคอมเมนต์มันสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดที่ว่าไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ซับซ้อนในการเก็งกำไร เพียงแค่ซื้อและเก็บไว้โดยไม่ต้องคิดมากในระยะยาว ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าได้ 4 ความอดทนต่อความผันผวน มีคอมเม้นที่สะท้อนให้เห็นว่าการจะเก็บสินทรัพย์ที่ผันผวนสูงอย่างบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเผชิญกับความผันผวนทางราคาและปัญหาด้านค่าใช้จ่ายในชีวิตจริง มีหลายสาเหตุ ที่ทําให้คนถือบิทคอยได้ไม่นานพอ ความอดทนจึงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับการออมบิทคอย มีคอมเมนต์ที่ บอกว่ารู้จักตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ยังไม่รวยสักที ทําให้ผมนึกถึงคลิป ถือ BTC มานาน กําไรเยอะ แต่ทําไมไม่เห็นเปลี่ยนชีวิตสักที? ที่ผมเคยทํา อันนั้นจะพูดในการมองภาพในปัจจุบัน ดูคลิปนี้จบ ยังอารมณ์ค้างไปต่อคลิปนั้นกันได้เลยครับ 5 การจัดการความเสี่ยงและเก็บรักษาบิทคอย บทเรียนสำคัญที่ผู้บุกเบิกหลายคนต้องเผชิญคือการทําบิทคอยหาย - ลืมรหัสผ่าน การทํากระเป๋าเงินดิจิทัลหาย - seedphrase.dat หาย , HDD คอมเสีย - การที่เว็บเทรดปิดตัว โดนโกง - การเรียนรู้ในการเก็บบิทคอยอย่างปลอดภัยใน Hardware wallet สําคัญมากๆ - seed phrase เก็บไว้ให้ปลอดภัย จดในกระดาษ หรือตอกใส่แผ่นโลหะ ห้ามถ่ายรูป ห้ามอัพลงอินเทอร์เน็ต คําว่า Not Your Key , Not Your Coins มันเกิดมาจากปัญหาเรื่องบิทคอยหาย เพราะเราไม่ได้เก็บบิทคอยด้วยตัวเอง ดังนั้นดูแล HW , seed phrase และ บิทคอยของคุณให้ดี ถ้า seed หลุด บิทคอยหายได้ทั้งหมด 6 เข้าใจความแตกต่างระหว่าง "การออม" และ "การลงทุน" มีคอมเม้นที่พูดถึง "การเทรดและการลงทุน" ซึ่งมักจะเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นหรือเทรดซื้อขาย อาจทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ ในขณะที่การ "ออม" ที่มาจากการศึกษา และเข้าใจบิทคอย รวมวางแผนระยะยาวต่างหากที่จะสร้างความมั่งคั่งได้ง่ายกว่า ผมมีคลิปแยกการออมและลงทุน ลองไปศึกษากันดูนะครับ สรุป 1 ถือบิทคอยไว้เฉยๆ วิธีเรียบง่าย แต่ทําโคตรยาก เพราะเราไม่มีทางรู้อนาคตว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนกับคอนเท้นในวันนี้ ที่มีเหล่า Early Adopters มาแชร์ประสบการณ์และความเสียดายมากมายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ถ้าพวกเขารู้ว่าราคาจะพุ่งมาขนาดนี้ใครจะขายถูกมั้ย? 2 การออมบิทคอย ระยะยาว เก็บไว้อย่างปลอดภัยใน HW คือวิธีที่ง่ายที่สุดก็ต่อเมื่อ เราเข้าใจบิทคอยจริงๆ ถ้าไม่เข้าใจ เราก็จะขายออกในวันที่ไม่ควรขาย 3 โฟกัสที่ปัจจุบันสําคัญที่สุด ความผิดพลาดในอดีตเอามาเป็นบทเรียนเพื่อให้ไม่ผิดเรื่องเดิมซ้ำๆ 4 ในตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่า บิทคอยคือทางรอดและยืนระยะจากผู้โจมตีมาได้ถึง 16 ปี บิทคอยคือการเงินไร้ศูนย์ที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ และสาเหตุที่มูลค่ามันเพิ่มขึ้นก็เพราะการพิมพ์เงิน และเงินเฟ้อที่ไม่มีทางทีที่จะลดลง รวมถึงคนเริ่มเห็นความจริงตรงนี้มากขึ้นว่า บิทคอยเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ต่อต้านเงินเฟ้อ การถือครองระยะยาว ทําให้เรามีความมั่นคงและมั่งคั่งมากขึ้น 5 ผมเชื่อว่า บทเรียนในอดีตทําให้คนที่เข้าใจเก็บบิทคอยระยะยาวกันมากขึ้น - ถ้าหากเราไปดูข้อมูล on chain ข้อมูล bitcoin dominance รวมถึง supply ของบิทคอยใน exchange ที่น้อยลงไปเรื่อยๆ - รัฐชาติเริ่มเก็บ ทํา bitcoin reserve - บริษัท เริ่มทํา bitcoin treasury company มากขึ้น - ในอเมริกา สัดส่วนคนถือครองบิทคอย แซงหน้า ทองคําเป็นที่เรียบร้อยแล้ว - อเมริกันดรีมที่เคยมีเป้าหมายคือบ้าน รถ กลายเป็นการถือบิทคอย 1 BTC แทนแล้ว คุณเห็นเทรนแห่งอนาคตแล้วยัง?? ทองคําคือเงินของพระเจ้า เฟียตคือเงินของรัฐบาล บิทคอยคือเงินของประชาชน บิทคอยยิ่งรู้ช้า ยิ่งซื้อแพงขึ้น #siamstr #btc #bitcoin #satsandsound #ถือbtc #ออมbtc #stacksats

Replies (0)

No replies yet. Be the first to leave a comment!