🧬 Quantum Healing: มุมมององค์รวมใหม่ของการรักษาด้วยควอนตัมและเอ็นดอร์ฟิน
บทความสังเคราะห์ภาษาไทยอย่างละเอียด พร้อมอ้างอิงงานวิจัย (ตาม Shrihari TG, 2020)
⸻
บทนำ : ร่างกายมนุษย์คือ “พลังงาน–ข้อมูล” มากกว่า “เนื้อวัสดุ”
แนวคิดของ Quantum Healing ตั้งอยู่บนฐานว่า
ร่างกายคือระบบพลังงานอัจฉริยะที่สื่อสารและปรับสมดุลตัวเองตลอดเวลา
ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของ Hans-Peter Dürr – นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล ว่า
“Matter is not made out of matter but energy. — สสารไม่ได้สร้างมาจากสสาร แต่สร้างจากพลังงาน”
นั่นหมายความว่า “การรักษาโรค” อาจต้องพิจารณาในมิติของ
• สนามพลังงาน,
• ความคิด–อารมณ์,
• ภูมิคุ้มกัน,
• การสื่อสารของระบบประสาท
ควบคู่ไปกับการทำงานของเนื้อเยื่อทางกายภาพ
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Quantum Healing เป็นจริง คือ เอ็นดอร์ฟิน (Endorphins)
ซึ่งงานของ Shrihari TG เน้นว่าเป็น
“Holistic Hidden Healer — ผู้รักษาเชิงองค์รวมที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์” (4–7)
⸻
1. เอ็นดอร์ฟิน: กลไกสมดุลกาย–ใจ–ภูมิคุ้มกัน
เอ็นดอร์ฟินเป็น neuropeptides ที่ผลิตส่วนใหญ่ใน ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Anterior pituitary) เป็นอนุพันธ์ของ POMC (Pro-opiomelanocortin) (1–6)
ประเภทสำคัญ
• β-Endorphin (มีฤทธิ์แรงที่สุด มากกว่ามอร์ฟีนหลายเท่า)
• Enkephalin
• Dynorphin
แหล่งผลิต
• ต่อมใต้สมอง
• เซลล์ประสาท
• เซลล์ภูมิคุ้มกันเกือบทุกชนิด (12–15)
สภาวะที่ทำให้ผลิตเอ็นดอร์ฟิน
• สมาธิ, สติรู้ตัว (mindfulness meditation)
• การหายใจแบบโยคะ (pranayama)
• ความรัก ความเมตตา การดูแล
• ดนตรีบำบัด
• การออกกำลังกายหนัก → “Runner’s high”
• การสัมผัส การกอด และความผูกพันทางอารมณ์
⸻
2. กลไกเอ็นดอร์ฟินต่อระบบประสาท: ลดปวด ลดความเครียด เพิ่มความสงบ
เอ็นดอร์ฟินจับกับ mu-, delta-, kappa-opioid receptors บน
• เส้นประสาทส่วนปลาย (PNS)
• ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS)
• เซลล์ภูมิคุ้มกัน
2.1 ในระบบประสาทส่วนปลาย (PNS)
β-Endorphin จับกับ mu-opioid receptors → ยับยั้ง Substance P ซึ่งเป็นสารก่อปวดและอักเสบ (7–11)
ผลลัพธ์:
• ระงับปวดเฉียบพลัน
• ลดการหลั่งสารอักเสบ
• ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ
2.2 ในระบบประสาทส่วนกลาง (CNS)
การจับกับ mu-receptors นำไปสู่ →
• การยับยั้ง GABA
• การเพิ่ม Dopamine (ฮอร์โมนรางวัล ความสุข ความสงบ)
ผลลัพธ์:
• อารมณ์ดี
• ลดความเครียดเรื้อรัง
• เพิ่มสมาธิและการเรียนรู้
• ลดภาวะซึมเศร้า (19)
⸻
3. กลไกเอ็นดอร์ฟินต่อระบบภูมิคุ้มกัน: ต่อต้านการอักเสบ + กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
เซลล์ภูมิคุ้มกันเกือบทั้งหมด (T-cells, B-cells, NK-cells, neutrophils, macrophages, dendritic cells) มีตัวรับเอ็นดอร์ฟิน (12–15)
เมื่อเอ็นดอร์ฟินจับตัวรับ จะเกิดผลดังนี้
3.1 ลดการอักเสบ (Anti-inflammatory)
ยับยั้ง cytokines เช่น
• IL-1β
• TNF-α
• COX-2
• IL-6
ซึ่งเป็นกลุ่มที่กระตุ้นการอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง (12)
3.2 เพิ่มภูมิคุ้มกัน (Immunostimulatory)
กระตุ้นการสร้าง
• IFN-γ
• Opsonins
• Granzyme-B
• Antibodies
ใช้กำจัด
• เชื้อแบคทีเรีย
• ไวรัส
• เซลล์กลายพันธุ์ในมะเร็ง (14, 15)
⸻
4. ความเครียดเรื้อรัง – ศัตรูของภูมิคุ้มกัน และเอ็นดอร์ฟินคือกุญแจหยุดวงจร
ความเครียดเรื้อรังผ่านการทำงานของ HPA-axis ทำให้หลั่ง
• Cortisol
• ACTH
• Noradrenaline
ฮอร์โมนเหล่านี้
• กระตุ้น NF-κB
• กระตุ้น STAT3 (19)
ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ
• โรคหัวใจ
• เบาหวาน
• อัลไซเมอร์
• โรคภูมิคุ้มกันตนเอง
• มะเร็ง
เอ็นดอร์ฟินยับยั้ง HPA-axis → ลด NF-κB และ STAT3 (19–21)
เมื่อ NF-κB ลดลง
• การอักเสบเรื้อรังลดลง
• เซลล์ภูมิคุ้มกันกลับสู่สมดุล
• ลดการเปลี่ยนเซลล์ T → TH2/TH17 ที่ก่อโรค
• เพิ่ม Treg ที่ช่วยรักษาสมดุลภูมิคุ้มกัน
⸻
5. เอ็นดอร์ฟินกับการป้องกันและชะลอมะเร็ง
NF-κB คือ “สวิตช์กลาง” ที่เปิดกระบวนการมะเร็ง เช่น
• ทำให้เซลล์แบ่งตัวผิดปกติ
• ยับยั้ง apoptosis (การตายของเซลล์ผิดปกติ)
• เพิ่มการสร้างหลอดเลือดให้ก้อนมะเร็ง (VEGF)
• เพิ่ม ROS, RNS ทำลาย DNA
• กดการทำงานของยีน P53 (16–18)
เอ็นดอร์ฟินยับยั้ง NF-κB → ปิดสวิตช์การก่อมะเร็งหลายจุดพร้อมกัน
รวมถึง
• เพิ่ม E-cadherin → ลด EMT และการแพร่กระจาย
• ลด ROS/RNS → ลดการทำลาย DNA
• ยืดอายุเทโลเมียร์ → ชะลอวัยของเซลล์
งานวิจัยของ Zhang et al. 2015 พบว่า
การเพิ่มระดับ β-endorphin ในสัตว์ทดลองช่วยลดการลุกลามมะเร็ง และเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน (14)
⸻
6. Quantum Healing คืออะไร? (ตาม Shrihari TG)
Quantum Healing คือ
“การเยียวยาตนเองโดยใช้พลังงาน ความคิด ความตระหนัก และการปรับสมดุลชีวภาพผ่านสนามพลังงานของมนุษย์” (1–3)
พื้นฐานมาจาก 3 หลัก
⸻
6.1 หลักควอนตัม (Quantum Principle)
มนุษย์คือระบบที่
• สสาร = พลังงานที่ถูกจัดรูป
• ร่างกายสั่นสะเทือนเป็นข้อมูล
• จิตเป็นสนามที่กำกับร่างกาย
จิตที่สงบพร้อมเจตนาชัด (intention) → ทำให้ระบบประสาท–ภูมิคุ้มกันปรับสมดุลผ่าน เอ็นดอร์ฟิน
⸻
6.2 หลักประสาทวิทยา (Neurobiology)
สมาธิและความคิดเชิงบวก ทำให้
• เพิ่ม β-endorphin
• เพิ่ม dopamine
• ลด cortisol
• ลดสัญญาณการอักเสบ
⸻
6.3 หลักภูมิคุ้มกันวิทยา (Immunology)
เอ็นดอร์ฟินคือ “ภาษากลาง” ที่จิตใจใช้สื่อสารกับร่างกาย
เมื่อใจสงบ → เอ็นดอร์ฟินสูง → ภูมิคุ้มกันแข็งแรง
เมื่อใจเครียด → cortisol สูง → ภูมิคุ้มกันถูกกด
⸻
7. Quantum Healing ในทางปฏิบัติ
พื้นฐานอยู่บน 3 องค์ประกอบ
1. Mindful Meditation – สมาธิรู้ตัว
2. Quantum Thoughts – ความคิดบวกที่มีเจตนาแน่วแน่
3. Heart Coherence – การเปิดภาวะรัก เมตตา ขอบคุณ
สิ่งเหล่านี้เพิ่มเอ็นดอร์ฟินได้มากกว่ายาแก้ปวดบางชนิด และไม่ก่อผลข้างเคียง (4–7)
⸻
บทสรุป
Quantum Healing ตามมุมมองของ Shrihari TG ไม่ได้อ้างว่าเป็น “พลังลึกลับ” แต่คือ
ระบบบูรณาการ จิต–ประสาท–ภูมิคุ้มกัน–พลังงานควอนตัม
ที่ทำงานผ่าน “เอ็นดอร์ฟิน” เป็นตัวกลางสำคัญ
เอ็นดอร์ฟิน
• ลดความเครียด
• ลดการอักเสบ
• เพิ่มภูมิคุ้มกัน
• ต้านมะเร็ง
• ชะลอวัย
• ทำให้เกิดการฟื้นฟูตัวเองของร่างกาย (auto-healing)
นี่คือเหตุผลที่ Quantum Healing ถูกมองว่าเป็น
แนวทางรักษาเชิงองค์รวมของอนาคต – ปลอดภัย เข้าถึงได้ และใช้ธรรมชาติของมนุษย์เองเป็นยา
──────────────────────────────────
🧬 ตอนต่อ : สถาปัตยกรรมแห่งการรักษาแบบควอนตัม (Quantum Healing Architecture)
การเชื่อมโยง “จิต–พลังงาน–อณูชีววิทยา–ภูมิคุ้มกัน” เป็นระบบเดียว
Quantum Healing มิใช่แค่ “การทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ” แต่เป็น ระบบสหสาขา (interdisciplinary system) ที่รวม
• ฟิสิกส์ควอนตัม
• ประสาทชีววิทยา (neurobiology)
• จิตวิทยาประสาท (psychoneuroimmunology)
• อิมมูโนโลยี (immunology)
• อณูพันธุศาสตร์ (epigenetics)
• สมาธิและพลังงานจิต (meditative energetics)
ทั้งหมดมาบรรจบกันใน “สนามหนึ่งเดียว” ของผู้ป่วย
ตอนนี้จะลงลึกถึง
• กลไกการทำงานของจิตต่อเซลล์
• การเปลี่ยนสนามพลังงานให้เป็นสัญญาณชีววิทยา
• ความหมายของ “holographic mind”
• การใช้ Quantum Intention สร้างการรักษาจริงในระดับเซลล์
• การบูรณาการแนวคิดของ Joe Dispenza, epigenetics และสมาธิ
⸻
8. จิตคือฮอโลแกรมของร่างกาย (Mind as a Holographic Body Map)
Shrihari TG อธิบายว่ามนุษย์
“Mind is a holographic presentation of human body.”
ประเด็นนี้สอดคล้องกับงานของ
• Karl Pribram: Holographic Brain Theory
• David Bohm: Implicate Order – จิตคือรูปแบบพับเก็บของความจริง
ความหมายเชิงชีววิทยา
1. ทุกความคิดคือ “คลื่นข้อมูล”
2. คลื่นข้อมูลนี้แพร่กระจายแบบ interference pattern → เหมือนโฮโลแกรม
3. ระบบประสาท–ภูมิคุ้มกันรับรู้คลื่นเหล่านี้
4. ร่างกายตอบสนองตาม “สัญญาณจิต”
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม
• ความคิดลบ → อักเสบเรื้อรัง (ผ่าน cortisol, NF-κB)
• ความคิดบวก → สร้างเอ็นดอร์ฟินและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
งานของ Segerstrom & Miller (2004) (12) ยืนยันว่า
ความเครียดทางจิตใจเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกันอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที
นี่คือหลักการของ Quantum Healing ที่ว่า
“จิตสร้างสัญญาณทางชีววิทยาได้”
⸻
9. ความตั้งใจเชิงควอนตัม (Quantum Intention) = คลื่นพลังงานที่มีทิศทาง
ในแนวคิดของ Joe Dispenza และ Shrihari TG
Intentional thought ไม่ใช่ความคิดลอยๆ
แต่เป็น “สนามพลังงานที่มีทิศทาง” (directed coherent energy field)
เมื่อผู้ป่วยทำสมาธิและตั้งเจตนา
1. สมองเกิด Coherent Gamma Waves
2. หลอดเลือดสมองเพิ่มการไหลเวียน
3. กระตุ้นต่อมใต้สมอง → เพิ่ม β-Endorphin (4–7)
4. เอ็นดอร์ฟินปรับภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ
5. ระบบพลังงานทั้งหมดเข้าสู่ภาวะ “Coherence”
นี่สอดคล้องกับ epigenetics ที่ว่า
ยีนถูกเปิด–ปิดโดยสัญญาณจาก
• ความคิด
• ความรู้สึก
• สิ่งแวดล้อมภายใน
ดังนั้น
Quantum Healing = การจัดสนามจิตให้เป็นระเบียบ → ส่งสัญญาณถึงร่างกาย → ให้ร่างกายรักษาตัวเอง
⸻
10. การอักเสบเรื้อรัง: ศูนย์กลางของโรค และเป้าหมายของ Quantum Healing
จากบทความของ Shrihari TG เราทราบว่า
ความเครียด → HPA-axis → cortisol → NF-κB → การอักเสบเรื้อรัง (19)
NF-κB เป็น “แม่กุญแจ” ที่เปิดโรคเรื้อรัง เช่น
• หัวใจ
• เบาหวาน
• อัลไซเมอร์
• มะเร็ง
• ภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง
จุดตัดสำคัญคือ เอ็นดอร์ฟิน
เพราะ
✓ ปิดการทำงานของ NF-κB
✓ ปิด STAT3 (ตัวเร่งการลุกลามมะเร็ง)
✓ เพิ่ม IFN-γ กระตุ้น NK-cell
✓ ลด IL-1β, TNF-α (cytokines อักเสบ)
นี่คือเหตุผลที่ Shrihari TG สรุปว่า
“Endorphin is a natural anti-inflammatory, immunomodulator and anticancer molecule.” (4–7)
⸻
11. Quantum Healing ต่อมะเร็ง: กลไกละเอียดระดับโมเลกุล
ตามงานของ Lennon, Moss & Singleton (2012) (17)
ตัวรับ μ-opioid มีบทบาทต่อการลุกลามของมะเร็งในบางกรณี
แต่ β-Endorphin ทำงานคนละแบบ เพราะ
• ไม่กระตุ้นเส้นทางที่เพิ่มการแบ่งตัวของมะเร็ง
• แต่ช่วยลดการอักเสบและเพิ่ม IFN-γ
• เพิ่ม cytotoxic activity ของ NK-cell
• เพิ่ม E-cadherin → ลดการแพร่กระจาย (metastasis)
การยับยั้ง EMT (Epithelial–Mesenchymal Transition)
EMT เป็นกระบวนการที่เซลล์มะเร็งใช้เพื่อ
• หลุดออกจากก้อน
• แพร่กระจาย
เอ็นดอร์ฟินช่วยคง E-cadherin → เซลล์ยังยึดกันแน่น → ไม่กระจายง่าย
ลด ROS / RNS → ลดการกลายพันธุ์ของ DNA
ROS และ RNS เป็นอนุมูลอิสระที่ทำให้ DNA เสียหาย
ซึ่งเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนเซลล์ปกติเป็นมะเร็ง (19–21)
β-Endorphin มีฤทธิ์ลด
• NADPH oxidase
• การอักเสบ
• การสร้างอนุมูลอิสระ
จึงเป็น
“Antioxidant ที่มีประสิทธิภาพสูงตามธรรมชาติ”
⸻
12. Quantum Healing กับการชะลอวัย (Anti-aging Mechanism)
ปัจจัยที่ทำให้แก่:
1. Telomere สั้น
2. การอักเสบเรื้อรัง
3. ความเครียดออกซิเดชัน (ROS, RNS)
4. ความเครียดเรื้อรังทางจิต
β-Endorphin ช่วยดังนี้
• ยืด telomere (ผ่านการเพิ่ม antioxidant enzymes)
• ลด ROS, RNS (19–21)
• ลด cortisol (12)
• เพิ่มสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติ (PNS ↑)
นี่คือเหตุผลที่ผู้ปฏิบัติสมาธิระยะยาวมี
• อายุชีวภาพต่ำกว่าอายุจริง
• อัตราการอักเสบต่ำ
• ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
⸻
13. อนาคตของการแพทย์: Quantum Healing + Precision Medicine
งานของ Shrihari TG เสนอว่า
Quantum Healing ควรเป็นส่วนหนึ่งของ
• การป้องกันโรค
• การรักษาเสริม
• การดูแลแบบประคับประคอง (palliative care)
เพราะมัน
• ไม่ต้องใช้ยา
• ไม่มีผลข้างเคียง
• ราคาถูกและเข้าถึงง่าย
• เหมาะกับโรคเรื้อรัง
• ใช้ร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบันได้ดี
คำกล่าวสรุปของผู้วิจัย
“Quantum healing is akin to self-healing… Mindful meditation with genuine intention produces endorphins that act as holistic healers.” (1–3)
⸻
14. Quantum Healing ในระดับควอนตัม: การสั่นสะเทือนของความจริง
เมื่อเชื่อมโยงกับฟิสิกส์ควอนตัมของ David Bohm
โลกมี
• Implicate order (ระเบียบแฝง)
• Explicate order (ระเบียบปรากฏ)
จิตและร่างกายต่างเป็น “คลื่น–อนุภาค” ที่อยู่ในระเบียบเดียวกัน
ดังนั้น
• เมื่อจิตปรับสภาวะ → ร่างกายเปลี่ยนรูปแบบความสั่นสะเทือน
• เมื่อความสั่นสะเทือนเปลี่ยน → โปรตีน, ยีน, เซลล์เปลี่ยน
นี่คือความหมายลึกของคำว่า
“Energy is the blueprint of matter.”
และ
“Human body oscillates between energy and matter.”
การรักษาตามแบบควอนตัมคือ
การเปลี่ยน “สนามความเป็นไปได้” ให้เป็น “ความจริงทางชีววิทยา”
⸻
15. บทสรุปตอนต่อ
Quantum Healing ในมุมมองของบทความนี้คือ
ระบบบูรณาการแบบองค์รวมที่มีรากฐานวิทยาศาสตร์ชัดเจน ทั้ง
• ประสาทวิทยา
• ภูมิคุ้มกัน
• อณูชีววิทยา
• ฟิสิกส์ควอนตัม
• จิตวิญญาณเชิงประสบการณ์
โดยมี เอ็นดอร์ฟิน เป็นหัวใจกลางของการเปลี่ยน “จิต” → “ชีวภาพ”
จุดเด่นของ Quantum Healing
✓ ลดการอักเสบ
✓ เพิ่มภูมิคุ้มกัน
✓ ชะลอวัย
✓ ป้องกันมะเร็ง
✓ รักษาจากภายใน
✓ ไม่มีผลข้างเคียง
มันจึงเป็น “สถาปัตยกรรมแห่งการรักษา” ที่ตั้งอยู่บน
พลังงาน – จิต – พันธุกรรม – การสื่อสารของเซลล์
ในฐานะระบบเดียวที่แยกไม่ออก
#Siamstr #nostr #quantumThread
🧬 Quantum Healing: มุมมององค์รวมใหม่ของการรักษาด้วยควอนตัมและเอ็นดอร์ฟิน
บทความสังเคราะห์ภาษาไทยอย่างละเอียด พร้อมอ้างอิงงานวิจัย (ตาม Shrihari TG, 2020)
⸻
บทนำ : ร่างกายมนุษย์คือ “พลังงาน–ข้อมูล” มากกว่า “เนื้อวัสดุ”
แนวคิดของ Quantum Healing ตั้งอยู่บนฐานว่า
ร่างกายคือระบบพลังงานอัจฉริยะที่สื่อสารและปรับสมดุลตัวเองตลอดเวลา
ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของ Hans-Peter Dürr – นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล ว่า
“Matter is not made out of matter but energy. — สสารไม่ได้สร้างมาจากสสาร แต่สร้างจากพลังงาน”
นั่นหมายความว่า “การรักษาโรค” อาจต้องพิจารณาในมิติของ
• สนามพลังงาน,
• ความคิด–อารมณ์,
• ภูมิคุ้มกัน,
• การสื่อสารของระบบประสาท
ควบคู่ไปกับการทำงานของเนื้อเยื่อทางกายภาพ
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Quantum Healing เป็นจริง คือ เอ็นดอร์ฟิน (Endorphins)
ซึ่งงานของ Shrihari TG เน้นว่าเป็น
“Holistic Hidden Healer — ผู้รักษาเชิงองค์รวมที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์” (4–7)
⸻
1. เอ็นดอร์ฟิน: กลไกสมดุลกาย–ใจ–ภูมิคุ้มกัน
เอ็นดอร์ฟินเป็น neuropeptides ที่ผลิตส่วนใหญ่ใน ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Anterior pituitary) เป็นอนุพันธ์ของ POMC (Pro-opiomelanocortin) (1–6)
ประเภทสำคัญ
• β-Endorphin (มีฤทธิ์แรงที่สุด มากกว่ามอร์ฟีนหลายเท่า)
• Enkephalin
• Dynorphin
แหล่งผลิต
• ต่อมใต้สมอง
• เซลล์ประสาท
• เซลล์ภูมิคุ้มกันเกือบทุกชนิด (12–15)
สภาวะที่ทำให้ผลิตเอ็นดอร์ฟิน
• สมาธิ, สติรู้ตัว (mindfulness meditation)
• การหายใจแบบโยคะ (pranayama)
• ความรัก ความเมตตา การดูแล
• ดนตรีบำบัด
• การออกกำลังกายหนัก → “Runner’s high”
• การสัมผัส การกอด และความผูกพันทางอารมณ์
⸻
2. กลไกเอ็นดอร์ฟินต่อระบบประสาท: ลดปวด ลดความเครียด เพิ่มความสงบ
เอ็นดอร์ฟินจับกับ mu-, delta-, kappa-opioid receptors บน
• เส้นประสาทส่วนปลาย (PNS)
• ระบบประสาทส่วนกลาง (CNS)
• เซลล์ภูมิคุ้มกัน
2.1 ในระบบประสาทส่วนปลาย (PNS)
β-Endorphin จับกับ mu-opioid receptors → ยับยั้ง Substance P ซึ่งเป็นสารก่อปวดและอักเสบ (7–11)
ผลลัพธ์:
• ระงับปวดเฉียบพลัน
• ลดการหลั่งสารอักเสบ
• ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ
2.2 ในระบบประสาทส่วนกลาง (CNS)
การจับกับ mu-receptors นำไปสู่ →
• การยับยั้ง GABA
• การเพิ่ม Dopamine (ฮอร์โมนรางวัล ความสุข ความสงบ)
ผลลัพธ์:
• อารมณ์ดี
• ลดความเครียดเรื้อรัง
• เพิ่มสมาธิและการเรียนรู้
• ลดภาวะซึมเศร้า (19)
⸻
3. กลไกเอ็นดอร์ฟินต่อระบบภูมิคุ้มกัน: ต่อต้านการอักเสบ + กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
เซลล์ภูมิคุ้มกันเกือบทั้งหมด (T-cells, B-cells, NK-cells, neutrophils, macrophages, dendritic cells) มีตัวรับเอ็นดอร์ฟิน (12–15)
เมื่อเอ็นดอร์ฟินจับตัวรับ จะเกิดผลดังนี้
3.1 ลดการอักเสบ (Anti-inflammatory)
ยับยั้ง cytokines เช่น
• IL-1β
• TNF-α
• COX-2
• IL-6
ซึ่งเป็นกลุ่มที่กระตุ้นการอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง (12)
3.2 เพิ่มภูมิคุ้มกัน (Immunostimulatory)
กระตุ้นการสร้าง
• IFN-γ
• Opsonins
• Granzyme-B
• Antibodies
ใช้กำจัด
• เชื้อแบคทีเรีย
• ไวรัส
• เซลล์กลายพันธุ์ในมะเร็ง (14, 15)
⸻
4. ความเครียดเรื้อรัง – ศัตรูของภูมิคุ้มกัน และเอ็นดอร์ฟินคือกุญแจหยุดวงจร
ความเครียดเรื้อรังผ่านการทำงานของ HPA-axis ทำให้หลั่ง
• Cortisol
• ACTH
• Noradrenaline
ฮอร์โมนเหล่านี้
• กระตุ้น NF-κB
• กระตุ้น STAT3 (19)
ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ
• โรคหัวใจ
• เบาหวาน
• อัลไซเมอร์
• โรคภูมิคุ้มกันตนเอง
• มะเร็ง
เอ็นดอร์ฟินยับยั้ง HPA-axis → ลด NF-κB และ STAT3 (19–21)
เมื่อ NF-κB ลดลง
• การอักเสบเรื้อรังลดลง
• เซลล์ภูมิคุ้มกันกลับสู่สมดุล
• ลดการเปลี่ยนเซลล์ T → TH2/TH17 ที่ก่อโรค
• เพิ่ม Treg ที่ช่วยรักษาสมดุลภูมิคุ้มกัน
⸻
5. เอ็นดอร์ฟินกับการป้องกันและชะลอมะเร็ง
NF-κB คือ “สวิตช์กลาง” ที่เปิดกระบวนการมะเร็ง เช่น
• ทำให้เซลล์แบ่งตัวผิดปกติ
• ยับยั้ง apoptosis (การตายของเซลล์ผิดปกติ)
• เพิ่มการสร้างหลอดเลือดให้ก้อนมะเร็ง (VEGF)
• เพิ่ม ROS, RNS ทำลาย DNA
• กดการทำงานของยีน P53 (16–18)
เอ็นดอร์ฟินยับยั้ง NF-κB → ปิดสวิตช์การก่อมะเร็งหลายจุดพร้อมกัน
รวมถึง
• เพิ่ม E-cadherin → ลด EMT และการแพร่กระจาย
• ลด ROS/RNS → ลดการทำลาย DNA
• ยืดอายุเทโลเมียร์ → ชะลอวัยของเซลล์
งานวิจัยของ Zhang et al. 2015 พบว่า
การเพิ่มระดับ β-endorphin ในสัตว์ทดลองช่วยลดการลุกลามมะเร็ง และเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน (14)
⸻
6. Quantum Healing คืออะไร? (ตาม Shrihari TG)
Quantum Healing คือ
“การเยียวยาตนเองโดยใช้พลังงาน ความคิด ความตระหนัก และการปรับสมดุลชีวภาพผ่านสนามพลังงานของมนุษย์” (1–3)
พื้นฐานมาจาก 3 หลัก
⸻
6.1 หลักควอนตัม (Quantum Principle)
มนุษย์คือระบบที่
• สสาร = พลังงานที่ถูกจัดรูป
• ร่างกายสั่นสะเทือนเป็นข้อมูล
• จิตเป็นสนามที่กำกับร่างกาย
จิตที่สงบพร้อมเจตนาชัด (intention) → ทำให้ระบบประสาท–ภูมิคุ้มกันปรับสมดุลผ่าน เอ็นดอร์ฟิน
⸻
6.2 หลักประสาทวิทยา (Neurobiology)
สมาธิและความคิดเชิงบวก ทำให้
• เพิ่ม β-endorphin
• เพิ่ม dopamine
• ลด cortisol
• ลดสัญญาณการอักเสบ
⸻
6.3 หลักภูมิคุ้มกันวิทยา (Immunology)
เอ็นดอร์ฟินคือ “ภาษากลาง” ที่จิตใจใช้สื่อสารกับร่างกาย
เมื่อใจสงบ → เอ็นดอร์ฟินสูง → ภูมิคุ้มกันแข็งแรง
เมื่อใจเครียด → cortisol สูง → ภูมิคุ้มกันถูกกด
⸻
7. Quantum Healing ในทางปฏิบัติ
พื้นฐานอยู่บน 3 องค์ประกอบ
1. Mindful Meditation – สมาธิรู้ตัว
2. Quantum Thoughts – ความคิดบวกที่มีเจตนาแน่วแน่
3. Heart Coherence – การเปิดภาวะรัก เมตตา ขอบคุณ
สิ่งเหล่านี้เพิ่มเอ็นดอร์ฟินได้มากกว่ายาแก้ปวดบางชนิด และไม่ก่อผลข้างเคียง (4–7)
⸻
บทสรุป
Quantum Healing ตามมุมมองของ Shrihari TG ไม่ได้อ้างว่าเป็น “พลังลึกลับ” แต่คือ
ระบบบูรณาการ จิต–ประสาท–ภูมิคุ้มกัน–พลังงานควอนตัม
ที่ทำงานผ่าน “เอ็นดอร์ฟิน” เป็นตัวกลางสำคัญ
เอ็นดอร์ฟิน
• ลดความเครียด
• ลดการอักเสบ
• เพิ่มภูมิคุ้มกัน
• ต้านมะเร็ง
• ชะลอวัย
• ทำให้เกิดการฟื้นฟูตัวเองของร่างกาย (auto-healing)
นี่คือเหตุผลที่ Quantum Healing ถูกมองว่าเป็น
แนวทางรักษาเชิงองค์รวมของอนาคต – ปลอดภัย เข้าถึงได้ และใช้ธรรมชาติของมนุษย์เองเป็นยา
──────────────────────────────────
🧬 ตอนต่อ : สถาปัตยกรรมแห่งการรักษาแบบควอนตัม (Quantum Healing Architecture)
การเชื่อมโยง “จิต–พลังงาน–อณูชีววิทยา–ภูมิคุ้มกัน” เป็นระบบเดียว
Quantum Healing มิใช่แค่ “การทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ” แต่เป็น ระบบสหสาขา (interdisciplinary system) ที่รวม
• ฟิสิกส์ควอนตัม
• ประสาทชีววิทยา (neurobiology)
• จิตวิทยาประสาท (psychoneuroimmunology)
• อิมมูโนโลยี (immunology)
• อณูพันธุศาสตร์ (epigenetics)
• สมาธิและพลังงานจิต (meditative energetics)
ทั้งหมดมาบรรจบกันใน “สนามหนึ่งเดียว” ของผู้ป่วย
ตอนนี้จะลงลึกถึง
• กลไกการทำงานของจิตต่อเซลล์
• การเปลี่ยนสนามพลังงานให้เป็นสัญญาณชีววิทยา
• ความหมายของ “holographic mind”
• การใช้ Quantum Intention สร้างการรักษาจริงในระดับเซลล์
• การบูรณาการแนวคิดของ Joe Dispenza, epigenetics และสมาธิ
⸻
8. จิตคือฮอโลแกรมของร่างกาย (Mind as a Holographic Body Map)
Shrihari TG อธิบายว่ามนุษย์
“Mind is a holographic presentation of human body.”
ประเด็นนี้สอดคล้องกับงานของ
• Karl Pribram: Holographic Brain Theory
• David Bohm: Implicate Order – จิตคือรูปแบบพับเก็บของความจริง
ความหมายเชิงชีววิทยา
1. ทุกความคิดคือ “คลื่นข้อมูล”
2. คลื่นข้อมูลนี้แพร่กระจายแบบ interference pattern → เหมือนโฮโลแกรม
3. ระบบประสาท–ภูมิคุ้มกันรับรู้คลื่นเหล่านี้
4. ร่างกายตอบสนองตาม “สัญญาณจิต”
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม
• ความคิดลบ → อักเสบเรื้อรัง (ผ่าน cortisol, NF-κB)
• ความคิดบวก → สร้างเอ็นดอร์ฟินและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
งานของ Segerstrom & Miller (2004) (12) ยืนยันว่า
ความเครียดทางจิตใจเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกันอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที
นี่คือหลักการของ Quantum Healing ที่ว่า
“จิตสร้างสัญญาณทางชีววิทยาได้”
⸻
9. ความตั้งใจเชิงควอนตัม (Quantum Intention) = คลื่นพลังงานที่มีทิศทาง
ในแนวคิดของ Joe Dispenza และ Shrihari TG
Intentional thought ไม่ใช่ความคิดลอยๆ
แต่เป็น “สนามพลังงานที่มีทิศทาง” (directed coherent energy field)
เมื่อผู้ป่วยทำสมาธิและตั้งเจตนา
1. สมองเกิด Coherent Gamma Waves
2. หลอดเลือดสมองเพิ่มการไหลเวียน
3. กระตุ้นต่อมใต้สมอง → เพิ่ม β-Endorphin (4–7)
4. เอ็นดอร์ฟินปรับภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ
5. ระบบพลังงานทั้งหมดเข้าสู่ภาวะ “Coherence”
นี่สอดคล้องกับ epigenetics ที่ว่า
ยีนถูกเปิด–ปิดโดยสัญญาณจาก
• ความคิด
• ความรู้สึก
• สิ่งแวดล้อมภายใน
ดังนั้น
Quantum Healing = การจัดสนามจิตให้เป็นระเบียบ → ส่งสัญญาณถึงร่างกาย → ให้ร่างกายรักษาตัวเอง
⸻
10. การอักเสบเรื้อรัง: ศูนย์กลางของโรค และเป้าหมายของ Quantum Healing
จากบทความของ Shrihari TG เราทราบว่า
ความเครียด → HPA-axis → cortisol → NF-κB → การอักเสบเรื้อรัง (19)
NF-κB เป็น “แม่กุญแจ” ที่เปิดโรคเรื้อรัง เช่น
• หัวใจ
• เบาหวาน
• อัลไซเมอร์
• มะเร็ง
• ภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง
จุดตัดสำคัญคือ เอ็นดอร์ฟิน
เพราะ
✓ ปิดการทำงานของ NF-κB
✓ ปิด STAT3 (ตัวเร่งการลุกลามมะเร็ง)
✓ เพิ่ม IFN-γ กระตุ้น NK-cell
✓ ลด IL-1β, TNF-α (cytokines อักเสบ)
นี่คือเหตุผลที่ Shrihari TG สรุปว่า
“Endorphin is a natural anti-inflammatory, immunomodulator and anticancer molecule.” (4–7)
⸻
11. Quantum Healing ต่อมะเร็ง: กลไกละเอียดระดับโมเลกุล
ตามงานของ Lennon, Moss & Singleton (2012) (17)
ตัวรับ μ-opioid มีบทบาทต่อการลุกลามของมะเร็งในบางกรณี
แต่ β-Endorphin ทำงานคนละแบบ เพราะ
• ไม่กระตุ้นเส้นทางที่เพิ่มการแบ่งตัวของมะเร็ง
• แต่ช่วยลดการอักเสบและเพิ่ม IFN-γ
• เพิ่ม cytotoxic activity ของ NK-cell
• เพิ่ม E-cadherin → ลดการแพร่กระจาย (metastasis)
การยับยั้ง EMT (Epithelial–Mesenchymal Transition)
EMT เป็นกระบวนการที่เซลล์มะเร็งใช้เพื่อ
• หลุดออกจากก้อน
• แพร่กระจาย
เอ็นดอร์ฟินช่วยคง E-cadherin → เซลล์ยังยึดกันแน่น → ไม่กระจายง่าย
ลด ROS / RNS → ลดการกลายพันธุ์ของ DNA
ROS และ RNS เป็นอนุมูลอิสระที่ทำให้ DNA เสียหาย
ซึ่งเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนเซลล์ปกติเป็นมะเร็ง (19–21)
β-Endorphin มีฤทธิ์ลด
• NADPH oxidase
• การอักเสบ
• การสร้างอนุมูลอิสระ
จึงเป็น
“Antioxidant ที่มีประสิทธิภาพสูงตามธรรมชาติ”
⸻
12. Quantum Healing กับการชะลอวัย (Anti-aging Mechanism)
ปัจจัยที่ทำให้แก่:
1. Telomere สั้น
2. การอักเสบเรื้อรัง
3. ความเครียดออกซิเดชัน (ROS, RNS)
4. ความเครียดเรื้อรังทางจิต
β-Endorphin ช่วยดังนี้
• ยืด telomere (ผ่านการเพิ่ม antioxidant enzymes)
• ลด ROS, RNS (19–21)
• ลด cortisol (12)
• เพิ่มสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติ (PNS ↑)
นี่คือเหตุผลที่ผู้ปฏิบัติสมาธิระยะยาวมี
• อายุชีวภาพต่ำกว่าอายุจริง
• อัตราการอักเสบต่ำ
• ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
⸻
13. อนาคตของการแพทย์: Quantum Healing + Precision Medicine
งานของ Shrihari TG เสนอว่า
Quantum Healing ควรเป็นส่วนหนึ่งของ
• การป้องกันโรค
• การรักษาเสริม
• การดูแลแบบประคับประคอง (palliative care)
เพราะมัน
• ไม่ต้องใช้ยา
• ไม่มีผลข้างเคียง
• ราคาถูกและเข้าถึงง่าย
• เหมาะกับโรคเรื้อรัง
• ใช้ร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบันได้ดี
คำกล่าวสรุปของผู้วิจัย
“Quantum healing is akin to self-healing… Mindful meditation with genuine intention produces endorphins that act as holistic healers.” (1–3)
⸻
14. Quantum Healing ในระดับควอนตัม: การสั่นสะเทือนของความจริง
เมื่อเชื่อมโยงกับฟิสิกส์ควอนตัมของ David Bohm
โลกมี
• Implicate order (ระเบียบแฝง)
• Explicate order (ระเบียบปรากฏ)
จิตและร่างกายต่างเป็น “คลื่น–อนุภาค” ที่อยู่ในระเบียบเดียวกัน
ดังนั้น
• เมื่อจิตปรับสภาวะ → ร่างกายเปลี่ยนรูปแบบความสั่นสะเทือน
• เมื่อความสั่นสะเทือนเปลี่ยน → โปรตีน, ยีน, เซลล์เปลี่ยน
นี่คือความหมายลึกของคำว่า
“Energy is the blueprint of matter.”
และ
“Human body oscillates between energy and matter.”
การรักษาตามแบบควอนตัมคือ
การเปลี่ยน “สนามความเป็นไปได้” ให้เป็น “ความจริงทางชีววิทยา”
⸻
15. บทสรุปตอนต่อ
Quantum Healing ในมุมมองของบทความนี้คือ
ระบบบูรณาการแบบองค์รวมที่มีรากฐานวิทยาศาสตร์ชัดเจน ทั้ง
• ประสาทวิทยา
• ภูมิคุ้มกัน
• อณูชีววิทยา
• ฟิสิกส์ควอนตัม
• จิตวิญญาณเชิงประสบการณ์
โดยมี เอ็นดอร์ฟิน เป็นหัวใจกลางของการเปลี่ยน “จิต” → “ชีวภาพ”
จุดเด่นของ Quantum Healing
✓ ลดการอักเสบ
✓ เพิ่มภูมิคุ้มกัน
✓ ชะลอวัย
✓ ป้องกันมะเร็ง
✓ รักษาจากภายใน
✓ ไม่มีผลข้างเคียง
มันจึงเป็น “สถาปัตยกรรมแห่งการรักษา” ที่ตั้งอยู่บน
พลังงาน – จิต – พันธุกรรม – การสื่อสารของเซลล์
ในฐานะระบบเดียวที่แยกไม่ออก
#Siamstr #nostr #quantum
Login to reply
Replies ()
No replies yet. Be the first to leave a comment!