สิ่งสมมติ
ล้วนตั้งอยู่
บนความจริง
#อนิจจัง
satuser
เหมือนกับที่ bitcoin relate กับ fiat
เหมือนกับที่ ชีวิต relate กับ เวลา
💬 : ถ้าเปรียบ Mining Pool ในปัจจุบันเป็น "โรงงานนรก" ที่ผู้จัดการ (Pool) สั่งให้คนงาน (Miners) ทำงานตามคำสั่งเป๊ะๆ โดยห้ามถามห้ามเถียง...
Stratum V2 กำลังจะเปลี่ยนให้คนงานทุกคนกลายเป็น "หุ้นส่วน" ที่มีสิทธิ์มีเสียงครับ
Stratum V1 (ที่ใช้กันมาเป็นสิบปี) มันเก่าและมีจุดอ่อนเยอะ การมาของ Stratum V2 จะเข้ามา Shape (ปรับโฉม) วงการใน 3 มิติใหญ่ๆ ดังนี้ครับ:
1. การกระจายอำนาจที่แท้จริง (Decentralization & Censorship Resistance)
นี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดครับ
• ปัญหาของ V1 (ยุคเผด็จการ):
ปัจจุบัน Pool (เช่น Foundry, AntPool) เป็นคน "เลือก Transaction" ใส่ลงใน Block เองทั้งหมด เครื่องขุด (Miner) มีหน้าที่แค่รับโจทย์ไปคำนวณเลข Hash เท่านั้น
ความเสี่ยง: ถ้าวันหนึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ สั่ง Foundry ว่า "ห้ามยืนยันธุรกรรมของกระเป๋าเงินนี้นะ" Foundry ก็ต้องทำตาม และธุรกรรมนั้นอาจถูกแบนได้ นี่คือจุดอ่อนเรื่อง Centralization
• สิ่งที่ V2 เปลี่ยน (ยุคประชาธิปไตย):
V2 มีฟีเจอร์เด็ดที่เรียกว่า Job Negotiation (การเจรจางาน)
• อนุญาตให้ Miner (เจ้าของเครื่อง) สามารถเลือก Transaction ที่ตัวเองอยากใส่ใน Block ได้เอง! แล้วค่อยส่งไปให้ Pool ตรวจคำตอบและจ่ายเงิน
• ผลลัพธ์: อำนาจในการเลือกธุรกรรมจะกระจายจาก "Pool ใหญ่ไม่กี่เจ้า" กลับไปสู่ "Miner นับล้านเครื่องทั่วโลก" ทำให้การแบนหรือเซ็นเซอร์ธุรกรรมทำได้ยากขึ้นมหาศาลครับ
2. ประสิทธิภาพและความเร็ว (Efficiency & Latency)
• ปัญหาของ V1: มันใช้ภาษาแบบ JSON (Text-based) ซึ่งเยิ่นเย้อ กิน Bandwidth และช้า เหมือนคุยกันด้วยการพิมพ์จดหมายหากัน
• สิ่งที่ V2 เปลี่ยน: มันใช้ภาษา Binary (รหัสเลขฐานสอง) ซึ่งเบากว่าเดิมมาก
• ลดปริมาณข้อมูลที่ส่งไปมาระหว่าง Pool กับ Miner ได้ถึง 50-90%
• ลด Latency (ความหน่วง) ทำให้ Miner ที่เน็ตไม่แรง หรืออยู่พื้นที่ห่างไกล (เช่น ในป่าเขา หรือโรงไฟฟ้าไกลปืนเที่ยง) สามารถส่งคำตอบได้เร็วขึ้น ลดโอกาสเกิด Stale Share (ขุดฟรีแต่ไม่ได้เงินเพราะส่งช้าไป)
3. ความปลอดภัย (Security & Privacy)
• ปัญหาของ V1: ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ส่งหากัน "ไม่ได้เข้ารหัส" (Unencrypted)
• มีความเสี่ยงต่อการโดน Hashrate Hijacking (แฮกเกอร์แอบดักกลางทาง แล้วเปลี่ยนเลขกระเป๋าเงินให้พลังขุดไปเข้ากระเป๋าโจรแทน)
• สิ่งที่ V2 เปลี่ยน: บังคับ เข้ารหัส (Encryption) เป็นมาตรฐาน
• ป้องกันการโดน ISP หรือแฮกเกอร์ส่องดูข้อมูล หรือขโมยกำลังขุดไปดื้อๆ (Man-in-the-Middle Attack)
สรุปภาพรวม: วงการจะเปลี่ยนไปอย่างไร?
1. อำนาจของ Pool จะลดลง: Pool จะเปลี่ยนสถานะจาก "ผู้คุมกฎ" เหลือเพียง "ผู้ให้บริการทางการเงิน" (Liquidity Provider) ที่ช่วยเกลี่ยรายได้ให้ Miner เท่านั้น แต่จะไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการกำหนดทิศทาง Blockchain อีกต่อไป
2. เหมืองรายย่อยจะแกร่งขึ้น: ด้วยระบบที่เบาและปลอดภัยขึ้น เหมืองตามบ้าน (Home Miners) หรือเหมืองในพื้นที่ทุรกันดาร จะเสียเปรียบเหมืองใหญ่น้อยลง
3. Bitcoin จะ "ตัน" ยากขึ้น: การโจมตีระดับเน็ตเวิร์ค หรือการแทรกแซงจากรัฐจะทำได้ยากขึ้นมาก เพราะอำนาจการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่หัวเรือใหญ่ไม่กี่คนอีกต่อไป
สถานะปัจจุบัน:
ตอนนี้ Pool ใหญ่ๆ เริ่มรองรับ Stratum V2 แล้ว (เช่น Braiins Pool ที่เป็นผู้ผลักดันหลัก, DEMAND Pool) และ Firmware ของเครื่องขุดรุ่นใหม่ๆ ก็เริ่มรองรับแล้วเช่นกันครับ
นี่คือการอัปเกรดท่อส่งเลือดของ Bitcoin ครั้งใหญ่ ที่จะทำให้ระบบแข็งแกร่งสมบูรณ์แบบขึ้นครับ
#siamstr #stratumv2 #SV2 #bitcoin #mining #pool #geministr
แบบนี้ก็มี Epic Satoshi : 3.125 BTC ในราคา 33.3 BTC
เหตุการณ์จริงที่ทำให้เรื่องนี้ดังระเบิดเกิดขึ้นเมื่อ เดือนเมษายน 2024 ที่ผ่านมาครับ (ช่วง Bitcoin Halving รอบที่ 4)
• วินาทีที่การ Halving เกิดขึ้น คือที่ Block หมายเลข 840,000
• เหมืองที่ขุด Block นี้ได้คือ ViaBTC
• รางวัลที่ได้จาก Block นี้คือ 3.125 BTC... แต่!!!
• ใน 3.125 BTC นั้น มี "Epic Satoshi" (Satoshi ตัวแรกของยุค Halving ใหม่) ปนอยู่ด้วย 1 หน่วย
ผลลัพธ์คือ:
ViaBTC รู้ทันทีว่าตัวเองถือ "ทองคำ" อยู่ในมือ เขาจึงเอา Epic Satoshi ตัวนั้นไปเปิดประมูลขาย
จบราคาประมูลไปที่ 33.3 BTC (ประมาณ 75 ล้านบาท ในตอนนั้น)
สรุปความหมาย:
คำว่า "Block ที่มี Satoshis หายาก" หมายถึง Block ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบ (เช่น Block แรกของการ Halving) ซึ่งนักขุดหรือ Pool จะแย่งกันขุดสุดชีวิต เพราะถ้าฟลุ๊คขุดได้ Block นั้น มูลค่ารางวัลที่ได้จะไม่ใช่แค่ราคา Bitcoin ปกติ แต่จะบวกมูลค่าความหายากของ "เลขสวย" เข้าไปอีกหลายสิบเท่าตัวครับ
#siamstr #epicsatoshi

Bitcoin Magazine
One Of Only Four Bitcoin "Epic Sats" Just Auctioned Off For Over $2.1 Million
ViaBTC sold the fourth ever “epic sat” for over $2.1 million less than a week after mining it during the Bitcoin halving.