GaLoM ₿maxi

GaLoM ₿maxi's avatar
GaLoM ₿maxi
npub16sdl...xc3d
I choose orange pill. 💊
1.สิ่งที่เห็น: -ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่ม -ร้านค้าขายดีขึ้น 2.สิ่งที่ไม่เห็น : -เงิน 25,000 ล้านบาท หากไม่ถูกดึงไปใช้ จะถูกใช้โดยประชาชนในการลงทุน/การออม หรือใช้จ่ายที่สอดคล้องกับความต้องการแท้จริง -เพิ่มหนี้สาธารณะ -เสีย opportunity cost ที่รัฐต้องตัดงบจากภาคส่วนอื่นเพื่อมาสนับสนุนโครงการนี้ #siamstr image
Alt+Tab on Stage x Saifedean Ammous ช่วง Q and A Q1: คุณคิดว่ารัฐบาลจะต่อต้านบิตคอยน์มากกว่านี้หรือไม่ เมื่อเข้าสู่มาตรฐานบิตคอยน์? Saifedean: เขาแปลกใจที่การต่อต้านของรัฐบาลมีน้อยกว่าที่คาดไว้มาก แม้เคยคิดว่าจะถูกสกัดอย่างรุนแรง แต่กลับเห็นว่าบิตคอยน์ได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินระดับโลก เช่น BlackRock, Tesla และ (Micro)Strategy ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลไม่ได้เตรียมพร้อมจะสกัดกั้นจริงจัง และมีแนวโน้มว่าจะยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ --- Q2: ถ้ามีโอกาสให้ผู้นำโลกอ่านบทหนึ่งจากหนังสือของคุณ คุณจะเลือกบทไหน? Saifedean: เขาเลือก บทที่ 4 เรื่อง “เงินของรัฐบาล” (Government Money) เพราะเป็นบทที่อธิบายโครงสร้างและผลกระทบของระบบเงินปัจจุบันที่ผู้นำจำเป็นต้องเข้าใจ ในขณะที่บทอื่น ๆ อย่างบทเกี่ยวกับการใช้ชีวิตหรือสุขภาพจิต เหมาะกับคนทั่วไปมากกว่า --- Q3: คุณมองอย่างไรต่อระบอบ Monarchism, Democracy และ Minarchism? Saifedean: Saifedean: เขาชอบ Monarchism เพราะกษัตริย์มีวิสัยทัศน์ระยะยาว ต้องการให้หลานเหลนขึ้นครองราชย์ต่อ จึงส่งเสริมให้ประชาชนสร้างครอบครัว มีลูก และทำงานหนักเพื่อสังคมระยะยาว เขาวิพากษ์ Democracy ว่าเป็นการแข่งขันความนิยมที่เปลี่ยนผู้นำทุก 4 ปี ทำให้แต่ละคนรีบรีดภาษีและใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ตนเองโดยไม่สนใจอนาคตของสังคม ส่วน Minarchism เขามองว่าเป็นแนวคิดลดอำนาจรัฐให้เหลือแค่หน้าที่จำเป็น และถือเป็นแนวร่วมเชิงอุดมการณ์กับ Monarchism ได้ เพราะต่างก็ต่อต้านรัฐแบบล้ำเส้น และยอมให้ประชาชนมีเสรีภาพมากขึ้น --- Q4: แล้วกรณีของเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้สะท้อนแนวคิดนี้อย่างไร? Saifedean: เขาชี้ว่าเกาหลีเหนือไม่ใช่ระบอบกษัตริย์ที่แท้จริง แม้จะมีการสืบทอดอำนาจ แต่ไม่มีความชอบธรรมและศีลธรรมแบบที่ monarchism จริง ๆ ควรมี เพราะไม่ได้สร้างความมั่นคงหรืออนาคตให้ประชาชน จึงสะท้อนความล้มเหลวของระบอบปฏิวัติประชาธิปไตยปลอม ๆ --- Q5: คุณคิดว่าอนาคตของทองคำ เงิน และอสังหาริมทรัพย์จะเป็นอย่างไรในยุคบิตคอยน์? Saifedean: เขาเชื่อว่าทองคำจะค่อย ๆ กลายเป็นโลหะเพื่อการใช้งานในอุตสาหกรรมและเครื่องประดับ ไม่ใช่เงินสำรองของโลกอีกต่อไป เช่นเดียวกับเงิน (Silver) ที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมมากขึ้น ส่วนอสังหาริมทรัพย์จะกลายเป็นสินค้าบริโภคที่ดีขึ้น ถูกลง ไม่ใช่เป็นแหล่งเก็บมูลค่าแบบในอดีต --- Q6: บิตคอยน์จะประสบความสำเร็จได้หรือไม่ ถ้าไม่ถูกใช้เป็น “เงินซื้อขาย” แต่เป็นเพียง asset หรือ collateral อย่างเดียว? Saifedean: เขาเห็นว่าไม่มีความขัดแย้ง เพราะเงินที่ดีต้องเริ่มจากการมี “ยอดเงินคงเหลือ” (cash balances) มากในระบบก่อน คนจึงจะเต็มใจใช้จ่าย จากนั้นเมื่อผู้คนถือมากขึ้น มูลค่ามากขึ้น ก็จะกลายเป็น “เงินที่ใช้ซื้อขาย” โดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องถูกกำหนดโดยรัฐบาล ดังนั้นกลยุทธ์แบบ Michael Saylor (ถือไว้เป็น collateral ชั้นยอด) จะนำไปสู่การเป็นเงินในอนาคตเอง "คุณต้อง stack sat มากขึ้น สะสมให้มากขึ้นจนมี market cap ระดับ 200–300 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วคุณจะได้ซื้อกาแฟด้วยบิตคอยน์เอง... ตอนนี้คุณยัง stack ไม่พอ อย่าพึ่งถามคำถามนี้เลย 555" --- Q7: แล้วบิตคอยน์สามารถเข้ากับหลักเศรษฐศาสตร์อิสลามที่ห้ามดอกเบี้ยได้หรือไม่? Saifedean: ได้ เขาอธิบายว่า Austrian Economics มองว่า “ดอกเบี้ย” คือผลของ time preference (ความชอบปัจจุบันมากกว่าอนาคต) ถ้าสังคมมีความมั่นคง มีศีลธรรม และคิดถึงอนาคตมากพอ ดอกเบี้ยจะเข้าใกล้ 0 โดยธรรมชาติ สอดคล้องกับหลักการอิสลามโดยไม่ต้องมีการบังคับใช้จากศาสนา --- #siamstr image
Alt+Tab on Stage x Saifedean Ammous 13 May 2025 1. จุดเริ่มต้นสู่บิตคอยน์ -เดิม Saifedean เป็นอาจารย์เศรษฐศาสตร์ ซึ่งสอนแบบ Keynesian economy -เริ่มสนใจบิตคอยน์เพราะราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง -จุดเปลี่ยนคือการเห็นการลงทุนจริงจังในเครื่อง ASIC ทำให้เชื่อว่าบิตคอยน์ “มีของจริง” -มองว่า Proof of Work คือสิ่งที่ทำให้บิตคอยน์ “เปลี่ยนโลก” ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ที่แก้ไขได้ง่าย 2. จากนักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักสู่แนวออสเตรีย -เข้าสู่ Austrian Economics ช่วงวิกฤตปี 2008 โดยเริ่มจากอ่าน Hayek → Mises, ตอนนั้นกำลังเรียน PhD -พบว่าเศรษฐศาสตร์ออสเตรียอธิบายโลกจริงได้ดีกว่า Keynesian ซึ่งมุ่งเน้นแต่การพิมพ์เงิน -ระหว่างสอนในมหาวิทยาลัย เขาใช้เวลาแอบสอดแทรกแนวคิดออสเตรียให้กับนักศึกษา 3. มุมมองต่อ "เงิน" และ “รัฐ” -เงินไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลมารับรองจึงจะใช้ได้ -ในประวัติศาสตร์ เงินเกิดจากตลาดเลือก (เช่น ทองคำ) ไม่ใช่รัฐประกาศ -การควบคุมเงินโดยรัฐสร้างผลเสียมากมาย เช่น เงินเฟ้อ การบิดเบือนราคา และการลดคุณค่าของการออม 4. ประสบการณ์กับระบบ “Sustainable Development” -เคยเรียนปริญญาโทด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน -พอทำวิจัยเรื่อง biofuel กลับพบว่าระบบนี้เต็มไปด้วยการหลอกลวงและผลประโยชน์ของธุรกิจใหญ่ -ทำให้เริ่มตั้งคำถามกับ "ศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม" ว่าจริง ๆ แล้วเป็นข้ออ้างเพื่อเก็บภาษีและควบคุมประชาชน 5. ชีวิตหลังเขียนหนังสือ The Bitcoin Standard -ลาออกจากมหาวิทยาลัย และเริ่มสอนเองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ -มองว่าโลกวิชาการมักตีพิมพ์งานที่ไม่มีใครอ่านหรือใช้ได้จริง -ขอบคุณบิตคอยน์ที่เปิดโอกาสให้หลุดจากวงจรวิชาการและ “กลับมาอยู่กับตลาดจริง” 6. ความสำคัญของ “การออม” และ “ทุน” -สังคมที่มีการออมสูงคือสังคมที่สามารถลงทุนได้จริง -ระบบเฟียตบ่อนทำลายวัฒนธรรมการออม → ทำให้ผู้คนใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน -เปรียบเทียบการลงทุนอย่างไร้ประสิทธิภาพเหมือนไปสุ่มคนทั่วไปในกรุงเทพ 50,000 คนมาช่วยกันสร้างเครื่องบิน แทนที่จะจ้างวิศวกร 200 คนที่มีความสามารถจริง คุณจะเลือกขึ้นเครื่องบินของใคร 7. Tether (USDT) และบทบาทต่อระบบการเงิน -เดิมไม่เชื่อว่า Tether จะอยู่รอดได้ แต่เมื่อมันผ่านวิกฤตใหญ่หลายครั้ง (Luna, FTX ฯลฯ) ก็ต้องยอมรับ -เสนอแนวคิดว่า ในอนาคต Tether อาจเปลี่ยนจากผูกกับ USD ไปผูกกับ BTC หากบิตคอยน์มีมูลค่ามากกว่าทุนดอลลาร์ -มองว่า Tether ไม่ได้สร้างความต้องการใหม่ให้กับดอลลาร์ แต่อาจแย่ง demand จากธนาคารกลางประเทศอื่น 8. ยุคทองของนวัตกรรมเกิดในยุคทองคำ ไม่ใช่เฟียต -เทคโนโลยีสำคัญ (เครื่องบิน, โทรศัพท์, รถไฟ, X-ray ฯลฯ) ส่วนใหญ่เกิดในช่วงปี 1870–1914 ซึ่งเป็นยุคของมาตรฐานทองคำ -หลังสงครามโลก รัฐกลับมาควบคุมระบบการเงิน → เริ่มเข้าสู่ยุคเสื่อมถอยของนวัตกรรม -ปัจจุบันนวัตกรรมต่อประชากรลดลง IQ ลดลง และผู้คนพึ่งรัฐมากขึ้น 9. Fiat system ทำลายอารยธรรมอย่างไร -หนังสือ Principles of Economics ของเขา อธิบายว่าสถาบันต่าง ๆ เช่น: แรงงาน, ทรัพย์สิน, การผลิต, การค้า, เงิน ล้วนถูกทำลายหรือบิดเบือนด้วย “เงินเฟียต” ที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล -ถ้าไม่มี “เงินที่ดี” เราก็ไม่สามารถมีสังคมสมัยใหม่ได้ เพราะจะไม่สามารถคำนวณ เปรียบเทียบ และวางแผนทางเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ 10. บิตคอยน์คือทางรอดของอารยธรรม -หากไม่มีบิตคอยน์ เขาบอกว่า "คงรู้สึกสิ้นหวังกับอนาคตของมนุษย์" -แต่เพราะมีบิตคอยน์ จึงมีความหวังว่าเราจะ “ค่อย ๆ” เปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่ดีขึ้น -บิตคอยน์ไม่ได้มาทดแทนทันทีเมื่อระบบ Fiat ล่ม แต่จะค่อย ๆ ขยายส่วนแบ่งตลาด จนระบบเก่าไร้ความสำคัญไปเอง #siamstr image