บทความวิเคราะห์เชิงวิชาการ
เศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ของการถือครองคริปโต: กรณีศึกษา UAE–สิงคโปร์–ประเทศตลาดเกิดใหม่
⸻
บทนำ
ข้อมูลในภาพสะท้อนว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีสัดส่วนประชากรที่ถือครองคริปโตสูงสุดในโลก (~31%) ตามด้วย สิงคโปร์, ตุรกี, อาร์เจนตินา, ประเทศไทย และ บราซิล ขณะที่ประชากรโลกโดยรวมมีผู้ถือครองคริปโตเพียง ~6.9%
ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่ “กระแสเทคโนโลยี” อย่างเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของ แรงจูงใจเชิงเศรษฐศาสตร์มหภาค และ ยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์ ที่แตกต่างกันของแต่ละรัฐ
⸻
1) กรอบเศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomic Drivers)
1.1 เงินเฟ้อ–ค่าเงิน–การป้องกันความเสี่ยง (Inflation Hedge)
• ตุรกี และ อาร์เจนตินา เผชิญเงินเฟ้อเรื้อรัง ค่าเงินอ่อนต่อเนื่อง
• คริปโต (โดยเฉพาะ Bitcoin/Stablecoins) ทำหน้าที่คล้าย store of value และ escape valve จากการควบคุมเงินทุน
• เชิงทฤษฎี: เมื่อ อัตราดอกเบี้ยจริงติดลบ และ ความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินรัฐลดลง สินทรัพย์ทางเลือกจะถูกเลือกมากขึ้น
1.2 โครงสร้างการเงินและภาษี
• UAE: ภาษีต่ำ/แทบไม่มี, เงินทุนเคลื่อนย้ายเสรี → ลดต้นทุนการถือครองและการทำธุรกรรม
• สิงคโปร์: ระบบการเงินพัฒนา, กฎระเบียบชัด → ลด regulatory risk premium
• ไทย/บราซิล: อยู่กึ่งกลาง—การกำกับเพิ่มขึ้น แต่ยังเปิดพื้นที่นวัตกรรม
⸻
2) ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Economy of Crypto)
2.1 คริปโตในฐานะ “อำนาจเชิงโครงสร้าง”
• UAE ใช้คริปโตเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ post-oil economy
• ดึงดูดทุนโลก (capital attraction)
• เสริมสถานะศูนย์กลางการเงินใหม่ของตะวันออกกลาง
• คริปโตจึงไม่ใช่เพียงสินทรัพย์ แต่เป็น เครื่องมือแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ กับศูนย์กลางการเงินดั้งเดิม
2.2 การกระจายอำนาจ vs อธิปไตยรัฐ
• ประเทศเงินเฟ้อสูง: คริปโต = ช่องทางหลบเลี่ยงอำนาจการเงินรัฐ
• ประเทศมั่งคั่ง/เสถียร: คริปโต = สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ภายใต้กรอบกฎหมาย
ความต่างนี้อธิบายว่าทำไม “แรงจูงใจ” ของผู้ใช้ในแต่ละประเทศจึงไม่เหมือนกัน
⸻
3) การเมืองของกฎระเบียบ (Political Economy of Regulation)
ประเทศ ลักษณะกฎระเบียบ ผลต่อการถือครอง
UAE Pro-innovation, sandbox Adoption สูงสุด
สิงคโปร์ Strict but clear นักลงทุนสถาบัน–รายย่อยมั่นใจ
ตุรกี คุมเงินตราเข้ม ประชาชนหันหาคริปโต
อาร์เจนตินา Capital control Stablecoin ใช้จริงในชีวิต
ไทย คุมความเสี่ยงรายย่อย Adoption สูงแต่ระวัง
บราซิล กำกับเชิงสถาบัน ธนาคารเริ่มผสานคริปโต
⸻
4) มิติภูมิรัฐศาสตร์โลก (Global Order)
4.1 ความท้าทายต่อ Dollar Hegemony
• การถือครองคริปโตเพิ่มในหลายภูมิภาค = สัญญาณ การกระจายความเสี่ยงออกจาก USD-centric system
• ยังไม่แทนที่ดอลลาร์ แต่ ลดความผูกขาดเชิงโครงสร้าง ในระยะยาว
4.2 คริปโตกับโลกหลายขั้ว (Multipolar World)
• ประเทศขนาดกลาง (middle powers) ใช้คริปโตสร้าง strategic autonomy
• สอดคล้องกับโลกหลังสงครามเย็น ที่อำนาจการเงินไม่รวมศูนย์
⸻
5) ข้อสรุปเชิงทฤษฎี
1. คริปโตเป็น “ตัวแปรเชิงระบบ” ไม่ใช่เพียงสินทรัพย์เก็งกำไร
2. อัตราการถือครองสูงสะท้อน ทั้ง ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และ ความได้เปรียบเชิงนโยบาย
3. โลกกำลังเข้าสู่ระยะ Financial Pluralism: เงินหลายรูปแบบแข่งขันกัน
4. รัฐที่เข้าใจคริปโตเชิงยุทธศาสตร์ (เช่น UAE) จะได้เปรียบในระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่
⸻
บทส่งท้าย
ตัวเลข 6.9% ของประชากรโลกไม่ใช่จุดอิ่มตัว แต่คือ ระยะเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างการเงินโลก
คำถามสำคัญไม่ใช่ “คริปโตจะอยู่หรือไม่”
แต่คือ รัฐใดจะ “ออกแบบบทบาทของคริปโต” ให้เป็นพลังของตนเองได้ก่อน
ภาคต่อ: การวิเคราะห์เชิงลึกระดับโครงสร้าง
(Political Economy – Monetary Power – ASEAN Perspective)
⸻
6) คริปโต vs CBDC : การแข่งขันเชิงอำนาจทางการเงิน
6.1 CBDC ในฐานะ “การตอบโต้ของรัฐ”
ธนาคารกลางทั่วโลก—including ธนาคารกลางสหรัฐ, ธนาคารกลางยุโรป, และ ธนาคารแห่งประเทศไทย—กำลังพัฒนา Central Bank Digital Currency (CBDC)
ในเชิงเศรษฐศาสตร์การเมือง CBDC คือ:
• ความพยายาม รักษา monetary sovereignty
• เครื่องมือเพิ่ม การควบคุมเชิงนโยบายการเงิน
• การลดแรงดึงดูดของคริปโตแบบกระจายศูนย์
CBDC ≠ คริปโต
CBDC = Digitized Fiat with Centralized Control
6.2 สมดุลใหม่ (Hybrid Monetary System)
แนวโน้มระยะกลางคือ:
• CBDC: ใช้ในระบบรัฐ–ภาษี–สวัสดิการ
• Stablecoin / Bitcoin: ใช้เป็น store of value, cross-border settlement
→ โลกกำลังเข้าสู่ ระบบการเงินลูกผสม (Hybrid Financial Order)
⸻
7) ASEAN: สนามแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
7.1 ประเทศไทยในโครงสร้างอาเซียน
ประเทศไทย อยู่ในตำแหน่ง “กึ่งกลาง” ระหว่าง
• โมเดลเปิดเสรีเชิงนวัตกรรม (UAE / สิงคโปร์)
• โมเดลควบคุมเชิงเสถียรภาพ (จีน)
ลักษณะเชิงโครงสร้างของไทย:
• ระบบธนาคารเข้มแข็ง → รัฐไม่ต้อง “พึ่งคริปโต”
• แต่ประชาชนเข้าถึงคริปโตสูง → demand-driven adoption
• รัฐจึงเลือก regulate rather than embrace
7.2 การแข่งขันภายในอาเซียน
ประเทศ บทบาทเชิงภูมิรัฐศาสตร์
สิงคโปร์ Financial Hub ระดับโลก
ไทย Mass Adoption + Tourism + Retail
เวียดนาม Grassroots Adoption สูง
อินโดนีเซีย Demographic Power
มาเลเซีย Islamic Finance + Tokenization
คริปโตในอาเซียน = soft power ทางการเงิน
⸻
😎 คริปโตในฐานะ “ทุนทางการเมือง” (Political Capital)
8.1 จาก Private Asset → Strategic Asset
ในบางประเทศ คริปโตเริ่มมีสถานะ:
• เครื่องมือดึงดูดทุนต่างชาติ
• กลไกหลบเลี่ยงระบบการเงินเดิม
• Soft hedge ต่อ sanctions / capital control
โดยเฉพาะในโลกหลังสงครามยูเครน ที่ financial sanctions กลายเป็นอาวุธรัฐ
8.2 ความหมายต่อระเบียบโลก
• คริปโต = การลด Transaction Power ของมหาอำนาจการเงิน
• เพิ่ม bargaining power ให้รัฐขนาดกลาง
• สอดคล้องกับโลก Multipolar & Fragmented Order
⸻
9) วิเคราะห์เชิงทฤษฎี: จาก Classical → Contemporary
9.1 Classical Economics
• Money = medium of exchange / store of value
→ คริปโตเริ่ม fulfill ทั้งสองในบางบริบท
9.2 Keynesian / Institutional View
• ความเชื่อมั่นต่อรัฐ ↓ → private money ↑
• คริปโตคือ symptom ของ policy credibility gap
9.3 Political Economy (Critical)
• เงินไม่เป็นกลาง
• ใครควบคุมเงิน = ควบคุมอำนาจ
• คริปโตคือการ “ท้าทายอำนาจผูกขาด” ของรัฐชาติ
⸻
10) สังเคราะห์ภาพใหญ่ (Grand Synthesis)
1. UAE เป็นกรณีตัวอย่างของรัฐที่ใช้คริปโตเป็นยุทธศาสตร์ชาติ
2. ประเทศเงินเฟ้อสูงใช้คริปโตเพื่อ “เอาตัวรอด”
3. ประเทศเสถียรใช้คริปโตเพื่อ “แข่งขันเชิงโครงสร้าง”
4. CBDC ไม่ได้ฆ่าคริปโต แต่จะ “จำกัดบทบาท” บางส่วน
5. โลกกำลังเข้าสู่ Plural Monetary Regime
⸻
บทสรุประดับนโยบาย
คริปโตไม่ใช่อนาคตของ “เงิน”
แต่เป็นอนาคตของ อำนาจในการกำหนดว่าอะไรคือเงิน
รัฐที่เข้าใจจุดนี้เร็ว
จะไม่ถามว่า ควรห้ามหรือไม่
แต่จะถามว่า
จะวางคริปโตไว้ตรงไหนในยุทธศาสตร์ชาติ
⸻
ภาคต่อ (ขั้นสูง): อนาคตระเบียบการเงินโลก 2030–2040
Scenario Analysis + Game Theory + Political Economy
⸻
11) Scenario Analysis: ระเบียบการเงินโลก 4 ฉากทัศน์
ฉากทัศน์ A: State-Dominated Digital Order
• CBDC กลายเป็นแกนหลักของระบบชำระเงิน
• คริปโตถูกจำกัดบทบาทเป็นสินทรัพย์เสี่ยง
• ผู้ชนะ: รัฐมหาอำนาจ, ธนาคารกลาง
• ผู้แพ้: ประเทศเงินเฟ้อสูง, ผู้ไร้การเข้าถึงธนาคาร
เงื่อนไขเกิด: ความมั่นคงรัฐเหนือเสรีภาพการเงิน
⸻
ฉากทัศน์ B: Hybrid Monetary Pluralism (มีความเป็นไปได้สูงสุด)
• CBDC ใช้ในรัฐ–ภาษี–สวัสดิการ
• Stablecoin/Bitcoin ใช้ใน cross-border, hedge, DeFi
• กฎระเบียบ “อยู่ร่วมกันได้”
นี่คือสมดุลแบบ institutional compromise
⸻
ฉากทัศน์ C: Fragmented Monetary Blocs
• โลกแบ่งเป็นบล็อกการเงิน
• ระบบตะวันตก / จีน / Global South
• คริปโตทำหน้าที่เป็น “สะพานกลาง”
สอดคล้องกับโลกหลายขั้ว (Multipolar)
⸻
ฉากทัศน์ D: Crypto-Driven Financial Escape
• วิกฤตหนี้–เงินเฟ้อ–ความไม่เชื่อมั่นรัฐ
• ประชาชนใช้คริปโตนอกระบบ
• รัฐสูญเสีย monetary control
เสี่ยงต่อเสถียรภาพ แต่เพิ่มเสรีภาพบุคคล
⸻
12) Game Theory: รัฐ vs คริปโต vs ประชาชน
ผู้เล่น (Players)
1. รัฐ / ธนาคารกลาง
2. ระบบคริปโต (protocols, miners, validators)
3. ประชาชน / นักลงทุน
กลยุทธ์ (Strategies)
• รัฐ: ควบคุม / ร่วมมือ / แข่งขัน
• คริปโต: ปรับตัว / หลบเลี่ยง / ผสาน
• ประชาชน: ยอมรับ / กระจายความเสี่ยง / ต่อต้าน
ดุลยภาพ (Nash Equilibrium)
• Hybrid coexistence
เพราะต้นทุนการ “ห้ามเด็ดขาด” สูงเกินไป
และต้นทุนการ “ปล่อยเสรีเต็มรูปแบบ” ก็สูงเช่นกัน
⸻
13) คริปโตกับอำนาจเชิงโครงสร้าง (Structural Power)
อ้างกรอบคิดของ Susan Strange:
• Production Power: คริปโตสร้างอุตสาหกรรมใหม่
• Finance Power: ลดอำนาจผูกขาดของธนาคาร
• Knowledge Power: code > law
• Security Power: financial sanctions ถูกบั่นทอน
นี่คือเหตุผลที่ IMF และ BIS เริ่มมองคริปโตไม่ใช่ “ของเล่น” แต่เป็น systemic variable
⸻
14) กรณีศึกษาเชิงโครงสร้าง: ประเทศขนาดกลาง
ทำไม UAE / สิงคโปร์ “ได้เปรียบ”
• ไม่ต้องปกป้องเงินสกุลโลก
• ใช้คริปโตเป็น attractor of global capital
• ลด dependency ต่อระบบดอลลาร์
ตรงข้ามกับประเทศผู้ออกเงินหลัก
ที่คริปโต = threat to incumbency
⸻
15) ความหมายเชิงทฤษฎีต่อ “อธิปไตยรัฐ”
อธิปไตยทางการเงิน (Monetary Sovereignty)
กำลังแยกออกจากอาณาเขต (Territory)
คริปโตทำให้:
• เงิน “ไร้พรมแดน”
• การควบคุมรัฐ “มีต้นทุนสูงขึ้น”
• พลเมืองมี exit option
นี่คือจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์
ใกล้เคียงกับการเกิดธนาคารพาณิชย์ยุคแรก
หรือการเลิกทองคำผูกเงิน (Gold Standard)
⸻
16) นัยต่อประเทศไทย (เชิงนโยบายลึก)
สำหรับ ประเทศไทย:
• ห้ามสุดโต่ง → เงินไหลออกนอกระบบ
• เปิดเสรีสุดโต่ง → เสี่ยงเสถียรภาพ
• ทางออก: Selective Integration
• Sandbox + Tokenization
• Cross-border payment (ASEAN)
• CBDC + Stablecoin coexistence
⸻
17) บทสรุประดับปรัชญาการเมือง
คริปโตไม่ใช่การ “ล้มรัฐ”
แต่คือการ “ต่อรองอำนาจกับรัฐ”
รัฐที่แข็งแรงจะ:
• ไม่กลัวคริปโต
• แต่ “จัดวาง” มันในโครงสร้างอำนาจ
รัฐที่อ่อนแอจะ:
• กลัว
• และยิ่งสูญเสียการควบคุม
⸻
สรุปสุดท้าย (Key Thesis)
คริปโตคือบททดสอบของรัฐสมัยใหม่
ไม่ใช่ในฐานะเทคโนโลยี
แต่ในฐานะคำถามว่า
รัฐจะปรับตัวเข้ากับ
เงินที่ไม่ต้องการรัฐ
ได้แค่ไหน
#Siamstr #nostr #bitcoin #BTCThread
บทความวิเคราะห์เชิงวิชาการ
เศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ของการถือครองคริปโต: กรณีศึกษา UAE–สิงคโปร์–ประเทศตลาดเกิดใหม่
⸻
บทนำ
ข้อมูลในภาพสะท้อนว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีสัดส่วนประชากรที่ถือครองคริปโตสูงสุดในโลก (~31%) ตามด้วย สิงคโปร์, ตุรกี, อาร์เจนตินา, ประเทศไทย และ บราซิล ขณะที่ประชากรโลกโดยรวมมีผู้ถือครองคริปโตเพียง ~6.9%
ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่ “กระแสเทคโนโลยี” อย่างเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของ แรงจูงใจเชิงเศรษฐศาสตร์มหภาค และ ยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์ ที่แตกต่างกันของแต่ละรัฐ
⸻
1) กรอบเศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomic Drivers)
1.1 เงินเฟ้อ–ค่าเงิน–การป้องกันความเสี่ยง (Inflation Hedge)
• ตุรกี และ อาร์เจนตินา เผชิญเงินเฟ้อเรื้อรัง ค่าเงินอ่อนต่อเนื่อง
• คริปโต (โดยเฉพาะ Bitcoin/Stablecoins) ทำหน้าที่คล้าย store of value และ escape valve จากการควบคุมเงินทุน
• เชิงทฤษฎี: เมื่อ อัตราดอกเบี้ยจริงติดลบ และ ความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินรัฐลดลง สินทรัพย์ทางเลือกจะถูกเลือกมากขึ้น
1.2 โครงสร้างการเงินและภาษี
• UAE: ภาษีต่ำ/แทบไม่มี, เงินทุนเคลื่อนย้ายเสรี → ลดต้นทุนการถือครองและการทำธุรกรรม
• สิงคโปร์: ระบบการเงินพัฒนา, กฎระเบียบชัด → ลด regulatory risk premium
• ไทย/บราซิล: อยู่กึ่งกลาง—การกำกับเพิ่มขึ้น แต่ยังเปิดพื้นที่นวัตกรรม
⸻
2) ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Economy of Crypto)
2.1 คริปโตในฐานะ “อำนาจเชิงโครงสร้าง”
• UAE ใช้คริปโตเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ post-oil economy
• ดึงดูดทุนโลก (capital attraction)
• เสริมสถานะศูนย์กลางการเงินใหม่ของตะวันออกกลาง
• คริปโตจึงไม่ใช่เพียงสินทรัพย์ แต่เป็น เครื่องมือแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ กับศูนย์กลางการเงินดั้งเดิม
2.2 การกระจายอำนาจ vs อธิปไตยรัฐ
• ประเทศเงินเฟ้อสูง: คริปโต = ช่องทางหลบเลี่ยงอำนาจการเงินรัฐ
• ประเทศมั่งคั่ง/เสถียร: คริปโต = สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ภายใต้กรอบกฎหมาย
ความต่างนี้อธิบายว่าทำไม “แรงจูงใจ” ของผู้ใช้ในแต่ละประเทศจึงไม่เหมือนกัน
⸻
3) การเมืองของกฎระเบียบ (Political Economy of Regulation)
ประเทศ ลักษณะกฎระเบียบ ผลต่อการถือครอง
UAE Pro-innovation, sandbox Adoption สูงสุด
สิงคโปร์ Strict but clear นักลงทุนสถาบัน–รายย่อยมั่นใจ
ตุรกี คุมเงินตราเข้ม ประชาชนหันหาคริปโต
อาร์เจนตินา Capital control Stablecoin ใช้จริงในชีวิต
ไทย คุมความเสี่ยงรายย่อย Adoption สูงแต่ระวัง
บราซิล กำกับเชิงสถาบัน ธนาคารเริ่มผสานคริปโต
⸻
4) มิติภูมิรัฐศาสตร์โลก (Global Order)
4.1 ความท้าทายต่อ Dollar Hegemony
• การถือครองคริปโตเพิ่มในหลายภูมิภาค = สัญญาณ การกระจายความเสี่ยงออกจาก USD-centric system
• ยังไม่แทนที่ดอลลาร์ แต่ ลดความผูกขาดเชิงโครงสร้าง ในระยะยาว
4.2 คริปโตกับโลกหลายขั้ว (Multipolar World)
• ประเทศขนาดกลาง (middle powers) ใช้คริปโตสร้าง strategic autonomy
• สอดคล้องกับโลกหลังสงครามเย็น ที่อำนาจการเงินไม่รวมศูนย์
⸻
5) ข้อสรุปเชิงทฤษฎี
1. คริปโตเป็น “ตัวแปรเชิงระบบ” ไม่ใช่เพียงสินทรัพย์เก็งกำไร
2. อัตราการถือครองสูงสะท้อน ทั้ง ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และ ความได้เปรียบเชิงนโยบาย
3. โลกกำลังเข้าสู่ระยะ Financial Pluralism: เงินหลายรูปแบบแข่งขันกัน
4. รัฐที่เข้าใจคริปโตเชิงยุทธศาสตร์ (เช่น UAE) จะได้เปรียบในระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่
⸻
บทส่งท้าย
ตัวเลข 6.9% ของประชากรโลกไม่ใช่จุดอิ่มตัว แต่คือ ระยะเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างการเงินโลก
คำถามสำคัญไม่ใช่ “คริปโตจะอยู่หรือไม่”
แต่คือ รัฐใดจะ “ออกแบบบทบาทของคริปโต” ให้เป็นพลังของตนเองได้ก่อน
ภาคต่อ: การวิเคราะห์เชิงลึกระดับโครงสร้าง
(Political Economy – Monetary Power – ASEAN Perspective)
⸻
6) คริปโต vs CBDC : การแข่งขันเชิงอำนาจทางการเงิน
6.1 CBDC ในฐานะ “การตอบโต้ของรัฐ”
ธนาคารกลางทั่วโลก—including ธนาคารกลางสหรัฐ, ธนาคารกลางยุโรป, และ ธนาคารแห่งประเทศไทย—กำลังพัฒนา Central Bank Digital Currency (CBDC)
ในเชิงเศรษฐศาสตร์การเมือง CBDC คือ:
• ความพยายาม รักษา monetary sovereignty
• เครื่องมือเพิ่ม การควบคุมเชิงนโยบายการเงิน
• การลดแรงดึงดูดของคริปโตแบบกระจายศูนย์
CBDC ≠ คริปโต
CBDC = Digitized Fiat with Centralized Control
6.2 สมดุลใหม่ (Hybrid Monetary System)
แนวโน้มระยะกลางคือ:
• CBDC: ใช้ในระบบรัฐ–ภาษี–สวัสดิการ
• Stablecoin / Bitcoin: ใช้เป็น store of value, cross-border settlement
→ โลกกำลังเข้าสู่ ระบบการเงินลูกผสม (Hybrid Financial Order)
⸻
7) ASEAN: สนามแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
7.1 ประเทศไทยในโครงสร้างอาเซียน
ประเทศไทย อยู่ในตำแหน่ง “กึ่งกลาง” ระหว่าง
• โมเดลเปิดเสรีเชิงนวัตกรรม (UAE / สิงคโปร์)
• โมเดลควบคุมเชิงเสถียรภาพ (จีน)
ลักษณะเชิงโครงสร้างของไทย:
• ระบบธนาคารเข้มแข็ง → รัฐไม่ต้อง “พึ่งคริปโต”
• แต่ประชาชนเข้าถึงคริปโตสูง → demand-driven adoption
• รัฐจึงเลือก regulate rather than embrace
7.2 การแข่งขันภายในอาเซียน
ประเทศ บทบาทเชิงภูมิรัฐศาสตร์
สิงคโปร์ Financial Hub ระดับโลก
ไทย Mass Adoption + Tourism + Retail
เวียดนาม Grassroots Adoption สูง
อินโดนีเซีย Demographic Power
มาเลเซีย Islamic Finance + Tokenization
คริปโตในอาเซียน = soft power ทางการเงิน
⸻
😎 คริปโตในฐานะ “ทุนทางการเมือง” (Political Capital)
8.1 จาก Private Asset → Strategic Asset
ในบางประเทศ คริปโตเริ่มมีสถานะ:
• เครื่องมือดึงดูดทุนต่างชาติ
• กลไกหลบเลี่ยงระบบการเงินเดิม
• Soft hedge ต่อ sanctions / capital control
โดยเฉพาะในโลกหลังสงครามยูเครน ที่ financial sanctions กลายเป็นอาวุธรัฐ
8.2 ความหมายต่อระเบียบโลก
• คริปโต = การลด Transaction Power ของมหาอำนาจการเงิน
• เพิ่ม bargaining power ให้รัฐขนาดกลาง
• สอดคล้องกับโลก Multipolar & Fragmented Order
⸻
9) วิเคราะห์เชิงทฤษฎี: จาก Classical → Contemporary
9.1 Classical Economics
• Money = medium of exchange / store of value
→ คริปโตเริ่ม fulfill ทั้งสองในบางบริบท
9.2 Keynesian / Institutional View
• ความเชื่อมั่นต่อรัฐ ↓ → private money ↑
• คริปโตคือ symptom ของ policy credibility gap
9.3 Political Economy (Critical)
• เงินไม่เป็นกลาง
• ใครควบคุมเงิน = ควบคุมอำนาจ
• คริปโตคือการ “ท้าทายอำนาจผูกขาด” ของรัฐชาติ
⸻
10) สังเคราะห์ภาพใหญ่ (Grand Synthesis)
1. UAE เป็นกรณีตัวอย่างของรัฐที่ใช้คริปโตเป็นยุทธศาสตร์ชาติ
2. ประเทศเงินเฟ้อสูงใช้คริปโตเพื่อ “เอาตัวรอด”
3. ประเทศเสถียรใช้คริปโตเพื่อ “แข่งขันเชิงโครงสร้าง”
4. CBDC ไม่ได้ฆ่าคริปโต แต่จะ “จำกัดบทบาท” บางส่วน
5. โลกกำลังเข้าสู่ Plural Monetary Regime
⸻
บทสรุประดับนโยบาย
คริปโตไม่ใช่อนาคตของ “เงิน”
แต่เป็นอนาคตของ อำนาจในการกำหนดว่าอะไรคือเงิน
รัฐที่เข้าใจจุดนี้เร็ว
จะไม่ถามว่า ควรห้ามหรือไม่
แต่จะถามว่า
จะวางคริปโตไว้ตรงไหนในยุทธศาสตร์ชาติ
⸻
ภาคต่อ (ขั้นสูง): อนาคตระเบียบการเงินโลก 2030–2040
Scenario Analysis + Game Theory + Political Economy
⸻
11) Scenario Analysis: ระเบียบการเงินโลก 4 ฉากทัศน์
ฉากทัศน์ A: State-Dominated Digital Order
• CBDC กลายเป็นแกนหลักของระบบชำระเงิน
• คริปโตถูกจำกัดบทบาทเป็นสินทรัพย์เสี่ยง
• ผู้ชนะ: รัฐมหาอำนาจ, ธนาคารกลาง
• ผู้แพ้: ประเทศเงินเฟ้อสูง, ผู้ไร้การเข้าถึงธนาคาร
เงื่อนไขเกิด: ความมั่นคงรัฐเหนือเสรีภาพการเงิน
⸻
ฉากทัศน์ B: Hybrid Monetary Pluralism (มีความเป็นไปได้สูงสุด)
• CBDC ใช้ในรัฐ–ภาษี–สวัสดิการ
• Stablecoin/Bitcoin ใช้ใน cross-border, hedge, DeFi
• กฎระเบียบ “อยู่ร่วมกันได้”
นี่คือสมดุลแบบ institutional compromise
⸻
ฉากทัศน์ C: Fragmented Monetary Blocs
• โลกแบ่งเป็นบล็อกการเงิน
• ระบบตะวันตก / จีน / Global South
• คริปโตทำหน้าที่เป็น “สะพานกลาง”
สอดคล้องกับโลกหลายขั้ว (Multipolar)
⸻
ฉากทัศน์ D: Crypto-Driven Financial Escape
• วิกฤตหนี้–เงินเฟ้อ–ความไม่เชื่อมั่นรัฐ
• ประชาชนใช้คริปโตนอกระบบ
• รัฐสูญเสีย monetary control
เสี่ยงต่อเสถียรภาพ แต่เพิ่มเสรีภาพบุคคล
⸻
12) Game Theory: รัฐ vs คริปโต vs ประชาชน
ผู้เล่น (Players)
1. รัฐ / ธนาคารกลาง
2. ระบบคริปโต (protocols, miners, validators)
3. ประชาชน / นักลงทุน
กลยุทธ์ (Strategies)
• รัฐ: ควบคุม / ร่วมมือ / แข่งขัน
• คริปโต: ปรับตัว / หลบเลี่ยง / ผสาน
• ประชาชน: ยอมรับ / กระจายความเสี่ยง / ต่อต้าน
ดุลยภาพ (Nash Equilibrium)
• Hybrid coexistence
เพราะต้นทุนการ “ห้ามเด็ดขาด” สูงเกินไป
และต้นทุนการ “ปล่อยเสรีเต็มรูปแบบ” ก็สูงเช่นกัน
⸻
13) คริปโตกับอำนาจเชิงโครงสร้าง (Structural Power)
อ้างกรอบคิดของ Susan Strange:
• Production Power: คริปโตสร้างอุตสาหกรรมใหม่
• Finance Power: ลดอำนาจผูกขาดของธนาคาร
• Knowledge Power: code > law
• Security Power: financial sanctions ถูกบั่นทอน
นี่คือเหตุผลที่ IMF และ BIS เริ่มมองคริปโตไม่ใช่ “ของเล่น” แต่เป็น systemic variable
⸻
14) กรณีศึกษาเชิงโครงสร้าง: ประเทศขนาดกลาง
ทำไม UAE / สิงคโปร์ “ได้เปรียบ”
• ไม่ต้องปกป้องเงินสกุลโลก
• ใช้คริปโตเป็น attractor of global capital
• ลด dependency ต่อระบบดอลลาร์
ตรงข้ามกับประเทศผู้ออกเงินหลัก
ที่คริปโต = threat to incumbency
⸻
15) ความหมายเชิงทฤษฎีต่อ “อธิปไตยรัฐ”
อธิปไตยทางการเงิน (Monetary Sovereignty)
กำลังแยกออกจากอาณาเขต (Territory)
คริปโตทำให้:
• เงิน “ไร้พรมแดน”
• การควบคุมรัฐ “มีต้นทุนสูงขึ้น”
• พลเมืองมี exit option
นี่คือจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์
ใกล้เคียงกับการเกิดธนาคารพาณิชย์ยุคแรก
หรือการเลิกทองคำผูกเงิน (Gold Standard)
⸻
16) นัยต่อประเทศไทย (เชิงนโยบายลึก)
สำหรับ ประเทศไทย:
• ห้ามสุดโต่ง → เงินไหลออกนอกระบบ
• เปิดเสรีสุดโต่ง → เสี่ยงเสถียรภาพ
• ทางออก: Selective Integration
• Sandbox + Tokenization
• Cross-border payment (ASEAN)
• CBDC + Stablecoin coexistence
⸻
17) บทสรุประดับปรัชญาการเมือง
คริปโตไม่ใช่การ “ล้มรัฐ”
แต่คือการ “ต่อรองอำนาจกับรัฐ”
รัฐที่แข็งแรงจะ:
• ไม่กลัวคริปโต
• แต่ “จัดวาง” มันในโครงสร้างอำนาจ
รัฐที่อ่อนแอจะ:
• กลัว
• และยิ่งสูญเสียการควบคุม
⸻
สรุปสุดท้าย (Key Thesis)
คริปโตคือบททดสอบของรัฐสมัยใหม่
ไม่ใช่ในฐานะเทคโนโลยี
แต่ในฐานะคำถามว่า
รัฐจะปรับตัวเข้ากับ
เงินที่ไม่ต้องการรัฐ
ได้แค่ไหน
#Siamstr #nostr #bitcoin #BTC
Login to reply
Replies ()
No replies yet. Be the first to leave a comment!