Thread

image บทความวิเคราะห์เชิงวิชาการ เศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ของการถือครองคริปโต: กรณีศึกษา UAE–สิงคโปร์–ประเทศตลาดเกิดใหม่ ⸻ บทนำ ข้อมูลในภาพสะท้อนว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีสัดส่วนประชากรที่ถือครองคริปโตสูงสุดในโลก (~31%) ตามด้วย สิงคโปร์, ตุรกี, อาร์เจนตินา, ประเทศไทย และ บราซิล ขณะที่ประชากรโลกโดยรวมมีผู้ถือครองคริปโตเพียง ~6.9% ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่ “กระแสเทคโนโลยี” อย่างเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของ แรงจูงใจเชิงเศรษฐศาสตร์มหภาค และ ยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์ ที่แตกต่างกันของแต่ละรัฐ ⸻ 1) กรอบเศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomic Drivers) 1.1 เงินเฟ้อ–ค่าเงิน–การป้องกันความเสี่ยง (Inflation Hedge) • ตุรกี และ อาร์เจนตินา เผชิญเงินเฟ้อเรื้อรัง ค่าเงินอ่อนต่อเนื่อง • คริปโต (โดยเฉพาะ Bitcoin/Stablecoins) ทำหน้าที่คล้าย store of value และ escape valve จากการควบคุมเงินทุน • เชิงทฤษฎี: เมื่อ อัตราดอกเบี้ยจริงติดลบ และ ความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินรัฐลดลง สินทรัพย์ทางเลือกจะถูกเลือกมากขึ้น 1.2 โครงสร้างการเงินและภาษี • UAE: ภาษีต่ำ/แทบไม่มี, เงินทุนเคลื่อนย้ายเสรี → ลดต้นทุนการถือครองและการทำธุรกรรม • สิงคโปร์: ระบบการเงินพัฒนา, กฎระเบียบชัด → ลด regulatory risk premium • ไทย/บราซิล: อยู่กึ่งกลาง—การกำกับเพิ่มขึ้น แต่ยังเปิดพื้นที่นวัตกรรม ⸻ 2) ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Economy of Crypto) 2.1 คริปโตในฐานะ “อำนาจเชิงโครงสร้าง” • UAE ใช้คริปโตเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ post-oil economy • ดึงดูดทุนโลก (capital attraction) • เสริมสถานะศูนย์กลางการเงินใหม่ของตะวันออกกลาง • คริปโตจึงไม่ใช่เพียงสินทรัพย์ แต่เป็น เครื่องมือแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ กับศูนย์กลางการเงินดั้งเดิม 2.2 การกระจายอำนาจ vs อธิปไตยรัฐ • ประเทศเงินเฟ้อสูง: คริปโต = ช่องทางหลบเลี่ยงอำนาจการเงินรัฐ • ประเทศมั่งคั่ง/เสถียร: คริปโต = สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ภายใต้กรอบกฎหมาย ความต่างนี้อธิบายว่าทำไม “แรงจูงใจ” ของผู้ใช้ในแต่ละประเทศจึงไม่เหมือนกัน ⸻ 3) การเมืองของกฎระเบียบ (Political Economy of Regulation) ประเทศ ลักษณะกฎระเบียบ ผลต่อการถือครอง UAE Pro-innovation, sandbox Adoption สูงสุด สิงคโปร์ Strict but clear นักลงทุนสถาบัน–รายย่อยมั่นใจ ตุรกี คุมเงินตราเข้ม ประชาชนหันหาคริปโต อาร์เจนตินา Capital control Stablecoin ใช้จริงในชีวิต ไทย คุมความเสี่ยงรายย่อย Adoption สูงแต่ระวัง บราซิล กำกับเชิงสถาบัน ธนาคารเริ่มผสานคริปโต ⸻ 4) มิติภูมิรัฐศาสตร์โลก (Global Order) 4.1 ความท้าทายต่อ Dollar Hegemony • การถือครองคริปโตเพิ่มในหลายภูมิภาค = สัญญาณ การกระจายความเสี่ยงออกจาก USD-centric system • ยังไม่แทนที่ดอลลาร์ แต่ ลดความผูกขาดเชิงโครงสร้าง ในระยะยาว 4.2 คริปโตกับโลกหลายขั้ว (Multipolar World) • ประเทศขนาดกลาง (middle powers) ใช้คริปโตสร้าง strategic autonomy • สอดคล้องกับโลกหลังสงครามเย็น ที่อำนาจการเงินไม่รวมศูนย์ ⸻ 5) ข้อสรุปเชิงทฤษฎี 1. คริปโตเป็น “ตัวแปรเชิงระบบ” ไม่ใช่เพียงสินทรัพย์เก็งกำไร 2. อัตราการถือครองสูงสะท้อน ทั้ง ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และ ความได้เปรียบเชิงนโยบาย 3. โลกกำลังเข้าสู่ระยะ Financial Pluralism: เงินหลายรูปแบบแข่งขันกัน 4. รัฐที่เข้าใจคริปโตเชิงยุทธศาสตร์ (เช่น UAE) จะได้เปรียบในระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ ⸻ บทส่งท้าย ตัวเลข 6.9% ของประชากรโลกไม่ใช่จุดอิ่มตัว แต่คือ ระยะเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างการเงินโลก คำถามสำคัญไม่ใช่ “คริปโตจะอยู่หรือไม่” แต่คือ รัฐใดจะ “ออกแบบบทบาทของคริปโต” ให้เป็นพลังของตนเองได้ก่อน ภาคต่อ: การวิเคราะห์เชิงลึกระดับโครงสร้าง (Political Economy – Monetary Power – ASEAN Perspective) ⸻ 6) คริปโต vs CBDC : การแข่งขันเชิงอำนาจทางการเงิน 6.1 CBDC ในฐานะ “การตอบโต้ของรัฐ” ธนาคารกลางทั่วโลก—including ธนาคารกลางสหรัฐ, ธนาคารกลางยุโรป, และ ธนาคารแห่งประเทศไทย—กำลังพัฒนา Central Bank Digital Currency (CBDC) ในเชิงเศรษฐศาสตร์การเมือง CBDC คือ: • ความพยายาม รักษา monetary sovereignty • เครื่องมือเพิ่ม การควบคุมเชิงนโยบายการเงิน • การลดแรงดึงดูดของคริปโตแบบกระจายศูนย์ CBDC ≠ คริปโต CBDC = Digitized Fiat with Centralized Control 6.2 สมดุลใหม่ (Hybrid Monetary System) แนวโน้มระยะกลางคือ: • CBDC: ใช้ในระบบรัฐ–ภาษี–สวัสดิการ • Stablecoin / Bitcoin: ใช้เป็น store of value, cross-border settlement → โลกกำลังเข้าสู่ ระบบการเงินลูกผสม (Hybrid Financial Order) ⸻ 7) ASEAN: สนามแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ 7.1 ประเทศไทยในโครงสร้างอาเซียน ประเทศไทย อยู่ในตำแหน่ง “กึ่งกลาง” ระหว่าง • โมเดลเปิดเสรีเชิงนวัตกรรม (UAE / สิงคโปร์) • โมเดลควบคุมเชิงเสถียรภาพ (จีน) ลักษณะเชิงโครงสร้างของไทย: • ระบบธนาคารเข้มแข็ง → รัฐไม่ต้อง “พึ่งคริปโต” • แต่ประชาชนเข้าถึงคริปโตสูง → demand-driven adoption • รัฐจึงเลือก regulate rather than embrace 7.2 การแข่งขันภายในอาเซียน ประเทศ บทบาทเชิงภูมิรัฐศาสตร์ สิงคโปร์ Financial Hub ระดับโลก ไทย Mass Adoption + Tourism + Retail เวียดนาม Grassroots Adoption สูง อินโดนีเซีย Demographic Power มาเลเซีย Islamic Finance + Tokenization คริปโตในอาเซียน = soft power ทางการเงิน ⸻ 😎 คริปโตในฐานะ “ทุนทางการเมือง” (Political Capital) 8.1 จาก Private Asset → Strategic Asset ในบางประเทศ คริปโตเริ่มมีสถานะ: • เครื่องมือดึงดูดทุนต่างชาติ • กลไกหลบเลี่ยงระบบการเงินเดิม • Soft hedge ต่อ sanctions / capital control โดยเฉพาะในโลกหลังสงครามยูเครน ที่ financial sanctions กลายเป็นอาวุธรัฐ 8.2 ความหมายต่อระเบียบโลก • คริปโต = การลด Transaction Power ของมหาอำนาจการเงิน • เพิ่ม bargaining power ให้รัฐขนาดกลาง • สอดคล้องกับโลก Multipolar & Fragmented Order ⸻ 9) วิเคราะห์เชิงทฤษฎี: จาก Classical → Contemporary 9.1 Classical Economics • Money = medium of exchange / store of value → คริปโตเริ่ม fulfill ทั้งสองในบางบริบท 9.2 Keynesian / Institutional View • ความเชื่อมั่นต่อรัฐ ↓ → private money ↑ • คริปโตคือ symptom ของ policy credibility gap 9.3 Political Economy (Critical) • เงินไม่เป็นกลาง • ใครควบคุมเงิน = ควบคุมอำนาจ • คริปโตคือการ “ท้าทายอำนาจผูกขาด” ของรัฐชาติ ⸻ 10) สังเคราะห์ภาพใหญ่ (Grand Synthesis) 1. UAE เป็นกรณีตัวอย่างของรัฐที่ใช้คริปโตเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 2. ประเทศเงินเฟ้อสูงใช้คริปโตเพื่อ “เอาตัวรอด” 3. ประเทศเสถียรใช้คริปโตเพื่อ “แข่งขันเชิงโครงสร้าง” 4. CBDC ไม่ได้ฆ่าคริปโต แต่จะ “จำกัดบทบาท” บางส่วน 5. โลกกำลังเข้าสู่ Plural Monetary Regime ⸻ บทสรุประดับนโยบาย คริปโตไม่ใช่อนาคตของ “เงิน” แต่เป็นอนาคตของ อำนาจในการกำหนดว่าอะไรคือเงิน รัฐที่เข้าใจจุดนี้เร็ว จะไม่ถามว่า ควรห้ามหรือไม่ แต่จะถามว่า จะวางคริปโตไว้ตรงไหนในยุทธศาสตร์ชาติ ⸻ ภาคต่อ (ขั้นสูง): อนาคตระเบียบการเงินโลก 2030–2040 Scenario Analysis + Game Theory + Political Economy ⸻ 11) Scenario Analysis: ระเบียบการเงินโลก 4 ฉากทัศน์ ฉากทัศน์ A: State-Dominated Digital Order • CBDC กลายเป็นแกนหลักของระบบชำระเงิน • คริปโตถูกจำกัดบทบาทเป็นสินทรัพย์เสี่ยง • ผู้ชนะ: รัฐมหาอำนาจ, ธนาคารกลาง • ผู้แพ้: ประเทศเงินเฟ้อสูง, ผู้ไร้การเข้าถึงธนาคาร เงื่อนไขเกิด: ความมั่นคงรัฐเหนือเสรีภาพการเงิน ⸻ ฉากทัศน์ B: Hybrid Monetary Pluralism (มีความเป็นไปได้สูงสุด) • CBDC ใช้ในรัฐ–ภาษี–สวัสดิการ • Stablecoin/Bitcoin ใช้ใน cross-border, hedge, DeFi • กฎระเบียบ “อยู่ร่วมกันได้” นี่คือสมดุลแบบ institutional compromise ⸻ ฉากทัศน์ C: Fragmented Monetary Blocs • โลกแบ่งเป็นบล็อกการเงิน • ระบบตะวันตก / จีน / Global South • คริปโตทำหน้าที่เป็น “สะพานกลาง” สอดคล้องกับโลกหลายขั้ว (Multipolar) ⸻ ฉากทัศน์ D: Crypto-Driven Financial Escape • วิกฤตหนี้–เงินเฟ้อ–ความไม่เชื่อมั่นรัฐ • ประชาชนใช้คริปโตนอกระบบ • รัฐสูญเสีย monetary control เสี่ยงต่อเสถียรภาพ แต่เพิ่มเสรีภาพบุคคล ⸻ 12) Game Theory: รัฐ vs คริปโต vs ประชาชน ผู้เล่น (Players) 1. รัฐ / ธนาคารกลาง 2. ระบบคริปโต (protocols, miners, validators) 3. ประชาชน / นักลงทุน กลยุทธ์ (Strategies) • รัฐ: ควบคุม / ร่วมมือ / แข่งขัน • คริปโต: ปรับตัว / หลบเลี่ยง / ผสาน • ประชาชน: ยอมรับ / กระจายความเสี่ยง / ต่อต้าน ดุลยภาพ (Nash Equilibrium) • Hybrid coexistence เพราะต้นทุนการ “ห้ามเด็ดขาด” สูงเกินไป และต้นทุนการ “ปล่อยเสรีเต็มรูปแบบ” ก็สูงเช่นกัน ⸻ 13) คริปโตกับอำนาจเชิงโครงสร้าง (Structural Power) อ้างกรอบคิดของ Susan Strange: • Production Power: คริปโตสร้างอุตสาหกรรมใหม่ • Finance Power: ลดอำนาจผูกขาดของธนาคาร • Knowledge Power: code > law • Security Power: financial sanctions ถูกบั่นทอน นี่คือเหตุผลที่ IMF และ BIS เริ่มมองคริปโตไม่ใช่ “ของเล่น” แต่เป็น systemic variable ⸻ 14) กรณีศึกษาเชิงโครงสร้าง: ประเทศขนาดกลาง ทำไม UAE / สิงคโปร์ “ได้เปรียบ” • ไม่ต้องปกป้องเงินสกุลโลก • ใช้คริปโตเป็น attractor of global capital • ลด dependency ต่อระบบดอลลาร์ ตรงข้ามกับประเทศผู้ออกเงินหลัก ที่คริปโต = threat to incumbency ⸻ 15) ความหมายเชิงทฤษฎีต่อ “อธิปไตยรัฐ” อธิปไตยทางการเงิน (Monetary Sovereignty) กำลังแยกออกจากอาณาเขต (Territory) คริปโตทำให้: • เงิน “ไร้พรมแดน” • การควบคุมรัฐ “มีต้นทุนสูงขึ้น” • พลเมืองมี exit option นี่คือจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ ใกล้เคียงกับการเกิดธนาคารพาณิชย์ยุคแรก หรือการเลิกทองคำผูกเงิน (Gold Standard) ⸻ 16) นัยต่อประเทศไทย (เชิงนโยบายลึก) สำหรับ ประเทศไทย: • ห้ามสุดโต่ง → เงินไหลออกนอกระบบ • เปิดเสรีสุดโต่ง → เสี่ยงเสถียรภาพ • ทางออก: Selective Integration • Sandbox + Tokenization • Cross-border payment (ASEAN) • CBDC + Stablecoin coexistence ⸻ 17) บทสรุประดับปรัชญาการเมือง คริปโตไม่ใช่การ “ล้มรัฐ” แต่คือการ “ต่อรองอำนาจกับรัฐ” รัฐที่แข็งแรงจะ: • ไม่กลัวคริปโต • แต่ “จัดวาง” มันในโครงสร้างอำนาจ รัฐที่อ่อนแอจะ: • กลัว • และยิ่งสูญเสียการควบคุม ⸻ สรุปสุดท้าย (Key Thesis) คริปโตคือบททดสอบของรัฐสมัยใหม่ ไม่ใช่ในฐานะเทคโนโลยี แต่ในฐานะคำถามว่า รัฐจะปรับตัวเข้ากับ เงินที่ไม่ต้องการรัฐ ได้แค่ไหน #Siamstr #nostr #bitcoin #BTC

Replies (0)

No replies yet. Be the first to leave a comment!