เบื้องหลัง "Dirty Coin": เงิน / ตรา / พลังงาน และบทสนทนาบิตคอยน์ที่ต้องเริ่มต้นในสัปดาห์สารคดีสิ่งแวดล้อมแม่น้ำโขงอาเซียน หรือ Mekong Asean Documentary Film Week In MAEW 2025 หนึ่งในโปรแกรมที่น่าจับตามองที่สุดคือ "Dirty Coin" สารคดีที่จะท้าทายทุกความเชื่อเดิมๆ ของคุณเกี่ยวกับบิตคอยน์และพลังงาน กำกับโดย Alana Mediavilla Díaz ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องสกุลเงินดิจิทัล แต่คือการเดินทางเจาะลึกเพื่อตั้งคำถามว่า การขุดบิตคอยน์อาจเป็นส่วนหนึ่งของ "ทางออก" ด้านพลังงานของโลกได้อย่างไร ขอเชิญมาร่วมรับชมและจุดประกายบทสนทนาครั้งสำคัญนี้พร้อมกันใน วันที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 16:00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องจามจุรี ภัตตาคารแม่นำพร เบื้องหลังผลงานชิ้นนี้คือความทุ่มเทตลอด 3 ปีของ Alana Mediavilla Díaz อดีตโปรดิวเซอร์สารคดีจาก Google ที่เดินทางไปทั่ว 4 ทวีปเพื่อบันทึกภาพความจริงของการขุดบิตคอยน์ในบริบทที่แตกต่างกันทั่วโลก ความตั้งใจของเธอไม่ใช่การชี้นำว่าใครควรซื้อบิตคอยน์ แต่คือการ "ทำให้บทสนทนาเรื่องศูนย์ข้อมูลเป็นเรื่องปกติ" และสร้างความเข้าใจในเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ เธอพบว่าความท้าทายไม่ได้มีแค่การเดินทาง แต่ยังรวมถึงการสร้างภาพยนตร์ในช่วงตลาดหมีของคริปโต ซึ่งทำให้ฮอลลีวูดมองว่า "คริปโตตายแล้ว" แต่เธอยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป เพราะเห็นสัญญาณสำคัญที่สวนทางกับกระแสหลัก ชื่อเรื่องที่ท้าทายอย่าง "Dirty Coin" (เหรียญสกปรก) มาจากการถกเถียงในวงการเกี่ยวกับความพยายาม "ทำความสะอาด" บิตคอยน์ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนระบบไปใช้ Proof of Stake หรือการกำหนดให้ขุดด้วยพลังงานหมุนเวียนเท่านั้น ซึ่ง Alana ชี้ให้เห็นว่าแนวคิดนี้อาจทำลายคุณสมบัติสำคัญที่สุดของบิตคอยน์ นั่นคือ ความเป็น Fungibility (คุณสมบัติที่ทุกหน่วยสามารถทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์) หากมี "เหรียญสะอาด" และ "เหรียญสกปรก" บิตคอยน์ก็จะไม่ต่างจากสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีเงื่อนไขและข้อจำกัด ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ดั้งเดิมที่ต้องการสร้างระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบ Peer-to-Peer ที่ทุกคนเข้าถึงได้โดยไม่มีใครมาขวางกั้น หนึ่งในเกล็ดข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดที่ Alana ค้นพบระหว่างการถ่ายทำ คือ "การขุดบิตคอยน์จะส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คน ก่อนที่พวกเขาจะได้ใช้บิตคอยน์ด้วยซ้ำ" ในหลายพื้นที่ห่างไกล การมาถึงของเหมืองขุดบิตคอยน์ได้กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ชุมชนมีไฟฟ้าใช้เป็นครั้งแรก หรือเป็นตัวเร่งให้เกิดการสร้างแหล่งพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่นั้นๆ นี่คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง จับต้องได้ และเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนโดยที่พวกเขาอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบิตคอยน์คืออะไร ซึ่งเป็นมุมมองที่หาไม่ได้จากพาดหัวข่าวทั่วไป "Dirty Coin" จึงเป็นมากกว่าสารคดีเกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่เป็นการสำรวจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่าง เงินตรา, สกุลเงิน, และพลังงาน ผ่านมุมมองที่เปิดกว้างและชาญฉลาด ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ให้คำตอบสำเร็จรูป แต่กระตุ้นให้ผู้ชมตั้งคำถามและมองเห็นโอกาสที่ไม่คาดคิดในการสร้างอนาคตพลังงานที่ยั่งยืนและมั่นคง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่ไปไกลกว่าพาดหัวข่าว และร่วมกันตั้งคำถามต่อข้อสันนิษฐานเดิมๆ เพื่อมองหาบทบาทที่เป็นไปได้ของบิตคอยน์ในอนาคตที่ยั่งยืน ในโปรแกรมฉาย "Dirty Coin" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “Mekong Asean Documentary Film Week In MAEW 2025” แล้วพบกันครับ #siamstr @Dirty Coin: The Bitcoin Mining Documentary image
สารตั้งต้น ตัวละลาย ตัวทำละลาย ล้มละลาย
เมื่อเงินถูกรวมศูนย์ ความเจริญก็ถูกรวมศูนย์ เราสามารถกระจายความเจริญ ได้จากการหันมาใช้เงินที่กระจายศูนย์อย่างถูกวิธี จนกระจุก รวยกระจาย #bitcoin #change #siamstr
asic miner 2030 image
1. การขุดบิทคอยน์ไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน แต่เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั่วโลก 2. ทวีปแอฟริกามีศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียนถึง 39% ของโลก แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการขุดบิทคอยน์สามารถเข้าไปแก้ปัญหานี้ได้ 3.ประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่งต้องกู้เงินสร้างโรงไฟฟ้า โดยต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมกับเงินต้นสูงถึง 275% ตลอดอายุสัญญา 30 ปี 4.เหมืองขุดบิทคอยน์ทำหน้าที่เป็น "ลูกค้ารายใหญ่รายแรก" ที่รับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่สร้างใหม่ ทำให้โครงการพลังงานเกิดได้จริง 5. การใช้ไฟฟ้ามีความสัมพันธ์โดยตรงกับ GDP ของประเทศ ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก เศรษฐกิจยิ่งเติบโต 6. กว่าครึ่งหนึ่งของเครือข่ายบิทคอยน์ทั่วโลกขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียน 7. "พลังงานสะอาด" อย่างโซลาร์เซลล์ ก็มีต้นทุนคาร์บอนที่สูงมากในกระบวนการผลิตและติดตั้ง 8. เหมืองขุดบิทคอยน์เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ "อิเล็กตรอน" จากพลังงานหมุนเวียนจริงๆ ไม่ใช่แค่การซื้อเครดิตคาร์บอน 9. การนำก๊าซมีเทน (ที่ปกติจะถูกเผาทิ้ง) มาใช้ขุดบิทคอยน์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ดีกว่าการปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ 10. เหมืองขุดฯ ไม่ได้ใช้พลังงานหมุนเวียนเพราะเป็นคนดีเสมอไป แต่เพราะมัน "ถูกกว่า" และสร้างผลกำไรได้มากกว่า 11. พื้นที่ "เวสต์เท็กซัส" ในสหรัฐฯ ถูกขนานนามว่าเป็น "ซาอุดีอาระเบียแห่งพลังงานหมุนเวียน" 12. เหมืองขุดบิทคอยน์เป็นลูกค้ารายเดียวที่สามารถ "ปิดระบบ" ได้ภายใน 10 นาที เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าในภาวะฉุกเฉิน 13. โรงพยาบาลหรือโรงงานอุตสาหกรรม ไม่สามารถปิดตัวกะทันหันแบบที่เหมืองขุดบิทคอยน์ทำได้ 14. ศูนย์ข้อมูล (Data Center) สำหรับ AI ต้องการความเสถียรของไฟฟ้า 99.99% และไม่สามารถปิดระบบเพื่อช่วยโครงข่ายไฟฟ้าได้ 15.เหมืองขุดบิทคอยน์สามารถทำงานได้แม้ในพื้นที่ห่างไกล โดยใช้แค่อินเทอร์เน็ตจากดาวเทียม Starlink หรือสัญญาณมือถือ 16. หลายโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่สร้างพลังงานได้มากกว่าที่สายส่งจะรับไหว เหมืองขุดฯ จึงเข้าไปช่วยใช้พลังงานส่วนเกินนั้น 17. รายได้จากการขายไฟฟ้าให้เหมืองขุดฯ สามารถนำไปใช้สร้างสายส่งไฟฟ้าเพื่อกระจายพลังงานไปสู่ชุมชนได้ 18. เหมืองขุดบิทคอยน์มักตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท ช่วยสร้างงานและตั้งสถาบันสอนทักษะเทคนิคให้กับคนในท้องถิ่น 19. อุตสาหกรรมการขุดบิทคอยน์ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 16,000-20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 20. ในสหรัฐอเมริกา บางรัฐได้ออกกฎหมาย "สิทธิ์ในการขุด" (Right to Mine) เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมนี้โดยเฉพาะ 21. แรงจูงใจของนักขุดจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ผลกำไร แต่คือความเชื่อว่าบิทคอยน์เป็นสิ่งสำคัญ และการขุดคือการเชื่อมต่อโลกดิจิทัลเข้ากับโลกกายภาพ #siamstr @Dirty Coin: The Bitcoin Mining Documentary 🗞️🪑🎤💬⛏️⚡️
อยากให้มีเกมส์แบบ Final Fantasy Tactic ที่ run ระบบ account ด้วย bitcoin