🚨Jiangxi Bank ธนาคารของจีน กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เสี่ยงเกิด Bankrupt . ❗️Jennifer Zeng นักเขียน นักข่าว ผู้เชี่ยวชาญข่าวสารและบทวิเคราะห์กิจการของประเทศจีน ได้โพสเนื้อหาบน X รายงานว่า ตั้งแต่ช่วงวันที่ 29 มิถุนายน จนถึง วันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการประท้วงหน้าธนาคาร Jiangxi Bank ของจีน โดยผู้ประท้วงได้ตะโกนที่หน้าธนาคารว่า "คืนเงินมา" . ❌สาเหตุคาดว่าเกิดจาก Jiangxi Bank นั้นผิดนัดชำระหนี้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินกับนักลงทุน คาดการณ์ว่ามีนักลงทุนมากกว่า 2,200 ราย ที่ได้รับความเสียหาย มีมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านหยวน โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองหนางฉาง . 🧨ภาคการธนาคารของจีนกำลังเผชิญกับวิกฤติอันเลวร้าย มีธนาคารหลายแห่งล้มหายไปในช่วงเวลาเพียงสัปดาห์เดียว หลังจากประสบปัญหาสินเชื่อด้วยคุณภาพและวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะถดถอยอย่างรุนแรง . #siamstrupdate #Siamstr #Bankrupt #วิกฤติการเงิน
ปี 2013 Bitcoin คือ... - เงินที่ไม่มีพรมแดน - การชำระเงินที่ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล - สกุลเงินที่ไม่มีรัฐคอยควบคุม - โอนถึงกันได้โดยไม่มีตัวกลาง . ปี 2024 Bitcoin ก็ยังเหมือนเดิม . #siamstrupdate #Siamstr #bitcoin #บิตคอยน์ image
ถ้าชีวิตคือการก้าวไปข้างหน้า เราจะก้าวหน้าได้ยังไง? ถ้าเงินที่เป็นตัวแทนของเวลา มันเดินถอยหลัง! . #siamstrupdate #Siamstr #Bitcoin #บิตคอยน์ #ทองคำ #เงิน image
🇯🇵💰เอาชนะวิกฤตการเงิน ด้วย คะเคโบะ (Kakeibo) ศาสตร์แห่งการออมสไตล์ญี่ปุ่น! ประเทศที่มีคนออมเงินมากที่สุดในโลก . ข้อมูลจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2023 เปิดเผยว่า ครัวเรือนญี่ปุ่น มีเงินสดและเงินออมมากกว่า 1 พันล้านล้านเยน หรือประมาณ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป้นเงินไทยราว 250 ล้านล้านบาท . ถ้ายังนึกความมหาศาลของเงินจำนวนนี้ไม่ออก ว่ามากมายขนาดไหน คือ ถ้าเอาเงินออมนี้มาแจกคนไทยทุกคนแบบไม่มีเงื่อนไข คนละ 10,000 บาท จะแจกได้ทั้งหมด 390 รอบ! . มาทำความรู้จัก คะเคโบะ (Kakeibo) ศาสตร์แห่งการออมสไตล์ญี่ปุ่นที่แสนทรงพลัง Kakeibo หมายถึง สมุดบัญชีครัวเรือน ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1904 โดยคุณฮานิ มาโตโกะ Kakeibo มีแนวคิดสำคัญที่ต้องการชี้ให้เห็นถึง “รายจ่ายฟุ่มเฟือย” ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะได้เรียนรู้ที่จะตัดรายจ่ายเหล่านี้ออกไป . วิธีการทำสมุดบัญชีครัวเรือนแบบคะเคโบะ (Kakeibo) 1. ทุกๆต้นเดือน ให้จดรายรับต่อเดือนที่ได้รับจากทุกช่องทาง ในกรณีของฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ให้จดรายรับทุกครั้ง ที่มีรายได้เข้ามา image 2. จดรายจ่ายคงที่ ที่เกิดขึ้นทุกเดือน เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ กรณีของค่าน้ำค่าไฟ ที่ไม่แน่นอน เท่ากันทุกเดือน ให้คำนวนโดยการเผื่อค่าเฉลี่ยจากเดือนก่อนๆ เช่น ค่าน้ำที่ผ่านมาเดือนละ 180 บาท ให้บันทึกลงไปที่ 200 บาท image 3. จดจำนวนเงินเป้าหมายที่ต้องการจะเก็บออม image 4. นำรายจ่ายแบบคงที่ และ เงินออมเป้าหมาย มาหักลบออกจากรายรับ 5. เมื่อได้จำนวนเงินที่สามารถใช้จ่ายได้แล้ว ให้นำมาแบ่งย่อยลงไปยังหมวดหมู่ต่างๆแบบละเอียด แบ่งเป็น - ค่าใช้จ่ายจำเป็น (Need) เช่น ค่าอาหาร(ทำเองหรือไปซื้อเอง) ค่าน้ำมันรถ ค่าเดินทาง - ค่าใช้จ่ายที่ต้องมีแต่ไม่จำเป็น (Want) เช่น ค่าอาหารแบบเดลิเวอรี่ ค่าอาหารนอกบ้าน ค่าเสื้อผ้า - ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง เช่น ค่าหนังสือ ค่าตั๋วหนัง - ค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมบ้าน image 6. บันทึกรายจ่ายลงไปในค่าใช้จ่ายๆต่างๆที่เราแบ่งย่อยไว้ 7. ใช้เงินสดให้มากที่สุด เท่าที่ทำได้ แม้จะดูย้อนแย้งกับการผลักดันสังคมไร้เงินสด แต่การใช้เงินสด นั้นช่วยให้คุณจำความรู้สึกของการใช้เงิน ได้ดีกว่าการใช้จ่ายแบบโอนเงิน การได้เห็นเงินในมือคุณค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ ช่วยสร้างวินัยการใช้จ่ายได้ดีกว่าตัวเลขในบัญชี และก่อนที่คุณจะใช้เงินซื้อสิ่งของบางอย่างในกลุ่ม Want ให้ถามตัวเองว่า - จะยังมีชีวิตอยู่ต่อไหม? ถ้าไม่จ่ายเงินให้กับสิ่งนี้ - จากสถานการณ์การเงินตอนนี้ จ่ายให้กับสิ่งนี้ได้ไหม? - จ่ายไปแล้วจะใช้มันบ่อยแค่ไหน? - เจอของสิ่งนี้จากที่ไหน? จาก Ads จากอินฟู หรือไปเจอตอนเดินเล่นที่ห้าง? - จะรู้สึกอย่างไรถ้าซื้อแล้ว มีความสุข ตื่นเต้น แล้วความรู้สึกนี้มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน? 8. เมื่อสิ้นเดือนมาสรุปดูว่า จำนวนเงินที่เหลือใกล้เคียงกับเป้าหมายเงินออมหรือไม่ มีการดึงเงินออมมาใช้จ่ายระหว่างเดือนหรือเปล่า และมันไปอยู่ที่ค่าใช้จ่ายส่วนไหน image . เมื่อทำรายรับรายจ่ายแบบละเอียด ทำให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าในแต่ละเดือนคุณ "ฟุ่มเฟือย" ไปกับอะไร และมีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดบ่อยแค่ไหน และจะต้องเตรียมรับมือ จัดสรรชีวิตอย่างไรต่อไป . #siamstrupdate #Siamstr #การใช้เงิน #การออม #Saving
BlackRock เปิดเผยว่ามีการซื้อหุ้น 43,000 หุ้นของ iShares Bitcoin ETF สำหรับกองทุน Global Allocation ในการยื่นเอกสารต่อ SEC ครั้งล่าสุด . ในการยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน กองทุน BlackRock Global Allocation เปิดเผยว่า ณ วันที่ 30 เมษายน 2024 มีการถือครองหุ้น 43,000 หุ้นของ iShares Bitcoin Trust (IBIT) ก่อนหน้านี้ BlackRock ได้ยื่นเอกสารสองฉบับเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เปิดเผยถึงการมีส่วนร่วมในบิตคอยน์ในพอร์ตการลงทุนของกองทุน Strategic Global Bond Fund และกองทุน Strategic Income Opportunities . กองทุน BlackRock Global Allocation ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน โดยใช้ทั้งหุ้นในประเทศและต่างประเทศ ตราสารหนี้ และหลักทรัพย์ในตลาดเงิน รวมถึงหุ้นของบริษัทต่างๆ เช่น Apple, Microsoft และอื่นๆ . BlackRock Inc. เปิดเผยว่ากองทุนขนาดใหญ่ 2 กองทุนของบริษัทได้ซื้อหุ้นของ iShares Bitcoin Trust กองทุน ETF บิตคอยน์แบบ spot ที่พึ่งได้รับการอนุมัติในเดือนมกราคมปีนี้ มีผลงานที่ดีมากเมื่อเทียบกับตลาด ETF ที่ใหญ่กว่า โดยมี iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock เป็นผู้นำในด้านกระแสเงินไหลเข้ารายวัน (Daily inflows) ตามข้อมูลจาก Sosovalue กองทุน IBIT ของ BlackRock มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิประมาณ 18 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 27 มิถุนายน . ตลาดการเงินเตรียมพร้อมสำหรับการยอมรับ ETF ที่มากขึ้น การซื้อหุ้น iShares Bitcoin Trust ของ BlackRock เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดใหญ่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการอนุมัติ ETF ที่อิงกับคริปโตอื่นๆ บริษัทจัดการการลงทุน VanEck ได้ยื่นขอจดทะเบียน ETF ตัวแรกในสหรัฐอเมริกาที่สัมพันธ์กับราคา spot ของ Solana ตามประกาศที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ VanEck Solana Trust จะเป็นกองทุน ETF ที่ออกหุ้นสามัญ คาดว่าหุ้นเหล่านี้จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Cboe BZX Exchange, Inc. . ในขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ อาจอนุมัติ ETF อีเธอร์แบบ spot ภายในวันที่ 4 กรกฎาคม VanEck, BlackRock, Grayscale, Franklin Templeton และผู้จัดการสินทรัพย์อีก 4 รายกำลังขออนุมัติ ETH ETFs จาก SEC ซึ่งบริษัทเหล่านี้ได้เปิดตัว ETF บิตคอยน์แบบ spot ในเดือนมกราคมหลังจากต่อสู้กับหน่วยงานกำกับดูแลมานานกว่าสิบปี . #Siamstrupdate #Siamstr #bitcoin #บิตคอยน์ #BitcoinspotETF #IBIT #ETF #BlackRock . image
🧑‍💻 เงินเฟ้อ ข้าวของแพง! ทำไม "มนุษย์เงินเดือน" รู้ตัวช้ากว่าคนอื่น อะไรคือสาเหตุที่พวกเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหลายคนยังไม่รู้สึกตัวว่าหม้อต้มน้ำนี้มันกำลังเดือดอยู่ . 💸 คนที่ติดตามข่าวสารการเงิน ช่วงนี้คงเจอแต่คำว่า "เงินเฟ้อ" "ของขึ้นราคา" "คนประหยัด" "หนี้เสีย" จนตาลายไปหมด แต่มนุษย์เงินเดือนบางคนยังดูชิลๆอยู่เลย . 🚨 สาเหตุที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนมักรับรู้ถึงเงินเฟ้อช้าก็เพราะ 👉🏻 ติดกับดัก "รายได้ประจำ" มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มักจะมีรายได้ที่แน่นอน เข้าบัญชีทุกเดือน ทำให้มองภาพรวมของค่าครองชีพไม่ชัดเจน ต่างจากพ่อค้าแม่ค้า ที่อยู่สัมผัสราคาต้นทุนวัตถุดิบ หรือคนที่รายได้ไม่แน่นอน ที่ต้องเจอกับราคาสินค้าที่ปรับเปลี่ยนอยู่เป็นประจำ . 👉🏻 มีค่าใช้จ่ายแฝงที่เพิ่มขึ้นแบบไม่รู้ตัว พนักงานออฟฟิศมักมีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหารกลางวัน ค่ากาแฟ ซึ่งค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ มักจะค่อยๆ ปรับราคาขึ้นอย่างเนียนๆ โดยที่พวกเขาไม่ทันได้สังเกต . 👉🏻 กับดัก "ของมันต้องมี" กับ "โปรโมชั่นลดราคายั่วใจ" แม้เศรษฐกิจจะไม่ค่อยดี แต่ Lifestyle ของมนุษย์เงินเดือนก็ยังต้องดำเนินต่อไป ไหนจะ Gadget รุ่นใหม่ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ร้านอาหาร คาเฟ่ ยิ่งในยุคที่การตลาดออนไลน์เล่นกับความอยากของเราได้อย่างเต็มที่และสมบูรณ์แบบทั้งโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ผ่อน 0% ยิ่งกระตุ้นให้เราใช้จ่ายโดยไม่ยั้งคิด . 👉🏻 เงินเฟ้อมา เงินเก็บไป หลายคนอาจจะคิดว่า "เงินเดือนไม่พอ เอาเงินเก็บมาใช้ก่อน" แต่รู้หรือไม่ว่า เงินเฟ้อ คือ "โจรเงียบ" ที่ค่อยๆ กัดกินมูลค่าของเงินเราอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเก็บเงินสดไว้เฉยๆ ยิ่งทำให้เงินด้อยค่าลงไปเรื่อยๆ . 💰 แล้วมนุษย์เงินเดือนจะเอาตัวรอดจาก "ไฟเงินเฟ้อ" ครั้งนี้ได้อย่างไร? ❤️ อัพเดทราคาค่าครองชีพอย่างสม่ำเสมอ ทุกค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ สามารถกัดกร่อนคุณภาพชีวิตที่ดีของคุณในอนาคตให้ลดต่ำลงได้ 🩷 ปรับ Mindset เรื่องการใช้จ่าย ตั้งคำถามกับตัวเองก่อนซื้อทุกครั้ง ว่าสิ่งนั้นจำเป็นหรือแค่อยากได้ 🧡 แบ่งเวลาติดตามข่าวสาร ศึกษาหาความรู้เรื่องการเงินและการลงทุนบ้าง มันเป็นเรื่องที่หลายคนมองว่าเครียด แต่คุณไม่รับรู้แรงกระแทกนั้นตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตคุณอาจเจอความเครียดที่ใหญ่กว่านี้และวันนั้นมันอาจจะไม่ทันแล้ว . #Siamstrupdate #Siamstr #บิตคอยน์ #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจ #ค่าครองชีพ #มนุษย์เงินเดือน image
🏦 ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เผยแพร่ความคืบหน้าของ CBDC "โดยมุ่งเน้นที่ความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ" . 🛑 ECB ให้คำมั่นว่าจะมีในการใช้มาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและการทำธุรกรรมของผู้ใช้ มอบระดับความเป็นส่วนตัวในการชำระเงินที่ใกล้เคียงกับการใช้เงินสด มาตรการที่จะนำมาใช้รวมถึง - การปกปิดตัวตน (Pseudonymisation) - ใช้แฮช (Hashing) - การเข้ารหัส (Data encryption) ซึ่งรายละเอียดธุรกรรมส่วนบุคคลจะรับรู้เฉพาะผู้จ่ายและผู้รับเท่านั้น ไม่มีการแบ่งปันข้อมูลกับผู้ให้บริการชำระเงิน . ❗️แต่่เดี๋ยวก่อน! ตามเอกสาร การให้ความสำคัญกับ "ความเป็นส่วนตัว" หมายถึง ผู้ให้บริการการชำระเงิน (Payment service providers) จะไม่สามารถใช้ข้อมูลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าได้ ผู้ให้บริการชำระเงินจะต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากผู้ใช้งาน . ‼️ ตามแนวปฏิบัติในปัจจุบัน ผู้ให้บริการชำระเงินจะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้เฉพาะ "ส่วนที่จำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามกฎหมายของสหภาพยุโรป เช่น ข้อบังคับเกี่ยวกับการป้องกันการฟอกเงิน" . 🚨 นอกจากนี้ในฐานะผู้ออกและผู้ให้บริการ Digital Euro ECB จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลอิสระ ซึ่งจะตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดการคุ้มครองข้อมูลของสหภาพยุโรป (EUDPR) และกฎระเบียบการคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR) . ⚠️ ส่วนตัวของเราไม่เท่ากัน... . #Siamstrupdate #Siamstr #bitcoin #บิตคอยน์ #CBDC 📄.pdf
Exactly! #Siamstrupdate #Siamstr #bitcoin #bitcoinmeme image
😖 ทำไมของแพงขึ้น ถึงกระทบกับบ้างคนมากกว่า? ทฤษฎี Cantillon Effect "ใครใกล้เงิน คนนั้นกินอิ่มก่อน" . 💸 ช่วงเวลานี้หลายคนจะรู้สึกว่าชีวิตเริ่มได้รับผลกระทบจากราคาข้าวของที่แพงขึ้น จนต้องประหยัดทุกอย่าง รัดเข็มขัดจนแทบหายใจไม่ออก ในขณะที่มีคนบางกลุ่มพูดว่า "ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแพงขึ้นมากขนาดนั้น" . ⏳ ปรากฎการณ์นี้ มีชื่อเรียกเท่ๆ ว่า "Cantillon Effect" ตั้งชื่อตามนักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Richard Cantillon ซึ่งเขาสังเกตเห็นว่า "เวลาที่มีเงินถูกอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ มันไม่ได้กระจายไปสู่ทุกคนอย่างทั่วถึง พร้อมๆกัน" . ❗️เวลารัฐต้องการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการอัดฉีดเงินเข้าระบบ ด้วยโครงการต่างๆ เงินก้อนโตนี้ จะไหลไปที่ไหนก่อน? . ⏳ คำตอบคือ มันจะไหลไปที่ตามขั้นตอนการดำเนินงานที่เป็นไป และจะมี "คนกลุ่มแรกๆ" ที่ได้เงินก่อนใครเสมอ เช่น รัฐวิสาหกิจ ธนาคาร ผู้รับเหมาโครงการรัฐ คนกลุ่มนี้ จะได้รับประโยชน์จาก "เงินใหม่" ที่เข้ามาก่อน ทำให้มีพวกเขามีกำลังในการซื้อสินค้าก่อนที่ราคาสินค้าและบริการก็จะค่อยๆ ขยับตัวสูงขึ้น และเงินใหม่นี้ กว่าจะไหลไปถึง "คนอื่นๆ" เช่น พนักงานบริษัท พ่อค้าแม่ค้า คนหาเช้ากินค่ำ มูลค่าของเงินก็ถูก "เงินเฟ้อ" กัดกินจนแทบไม่เหลือแล้ว . 🏠 ยกตัวอย่างให้เห็นชัดขึ้น - อสังหาริมทรัพย์: เวลารัฐบาลอัดฉีดเงิน ราคาที่ดิน คอนโด มักจะพุ่งขึ้นก่อน เพราะคนกลุ่มแรกที่ได้รับเงินไป ย่อมมีกำลังซื้อสูง พวกเขากว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้เก็งกำไร ไว้เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ ทำให้คนทั่วไปที่อยากมีบ้าน ก็ต้องซื้อในราคาแพงขึ้น หรือไม่ก็กู้เงินเพิ่มขึ้น - ราคาอาหาร: ราคาพลังงาน และวัตถุดิบ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาอาหาร คนกลุ่มหลังๆ ที่รายได้น้อยอยู่แล้ว ที่ต้องแบกรับภาระค่าอาหารที่แพงขึ้น ในขณะที่คนกลุ่มแรก แทบไม่รู้สึกอะไร . 📉 Cantillon Effect จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่เพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบนั้น ส่งผลกระทบต่อคนแต่ละกลุ่มในสังคมไม่เท่ากัน โดยกลุ่มผู้มีรายได้น้อย มักจะได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในขณะที่รายได้เองก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก ⚠️ แต่กลับกลายเป็นว่า เป็นพวกเขาเสียเองที่ร้องขอให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ผ่านการร้องขอนโยบายช่วยเหลือจากรัฐบาล . #Siamstrupdate #Siamstr #เศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ #ค่าเงิน #เงินที่อ่อนแอ #Brokenmoney image
💸Top 20 สกุลเงินที่อ่อนแอที่สุดในโลก! (เทียบอัตราแลกเปลี่ยนต่อดอลลาห์สหรัฐ) . 1.Venezuelan bolívar (VEF): อัตราเงินเฟ้อ 64.90% 2.Iranian rial (IRR): อัตราเงินเฟ้อ 30.9% 3.Vietnamese dong (VND): อัตราเงินเฟ้อ 4.44% 4.Laotian kip (LAK): อัตราเงินเฟ้อ 25.77% 5.Sierra Leonean leone (SLE): อัตราเงินเฟ้อ 38.06% 6.Indonesian rupiah (IDR): อัตราเงินเฟ้อ 2.84% 7.Lebanese Pound (LBP): อัตราเงินเฟ้อ 51.6% 8.Uzbekistani Som (UZS): อัตราเงินเฟ้อ 8.10% 9.Guinean Franc (GNF): อัตราเงินเฟ้อ 5.30% 10.Paraguayan Guarani (PYG): อัตราเงินเฟ้อ 4.4% 11.Malagasy Ariary (MGA): อัตราเงินเฟ้อ 7.30% 12.Cambodian Riel (KHR): อัตราเงินเฟ้อ 2.3% 13.Colombian Peso (COP): อัตราเงินเฟ้อ 7.16% 14.Ugandan Shilling (USH): อัตราเงินเฟ้อ 3.6% 15.Burundian Fran (BIF): อัตราเงินเฟ้อ 12.10% 16.Congolese Franc (CDF): อัตราเงินเฟ้อ 46.80% 17.Tanzanian Shilling (TZS): อัตราเงินเฟ้อ 3.1% 18.Myanmar Kyat (MMK): อัตราเงินเฟ้อ 15% 19.South Korean won (KRW): อัตราเงินเฟ้อ 2.7% 20.Iraqi Dinar (IQD): อัตราเงินเฟ้อ 4% . เงินเฟ้ออ่อนๆกันทั้งนั้นเลย 😏 . #Siamstrupdate #Siamstr #เศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ #ค่าเงิน #เงินที่อ่อนแอ #Brokenmoney image