250,437 บาท คือตัวเลขเงินเดือนในอีก 30 ปีข้างหน้า ของคนที่วันนี้มีรายได้ 20,000 บาท หากต้องการซื้อก๋วยเตี๋ยวให้ได้เท่า ๆ เดิม image เพราะราคาก๋วยเตี๋ยวจะเท่ากับชามละ 626 บาท! ระยะเวลาราว 80 ปี ก๋วยเตี๋ยวแพงขึ้นแค่ไหน มาดูกัน "5 สตางค์" คือราคาก๋วยเตี๋ยว ในปี พ.ศ. 2485 ยึดจากประกาศของ จอมพล ป. เทียบกับวันนี้ที่เฉลี่ยราคาซัก 50 บาท เพราะ 40 หายากแล้วหรือถ้ามีถ้ามี...ปริมาณมันก็มักจะน้อยจนกินไม่อิ่ม ต้องสั่งพิเศษอยู่ดี คำนวณได้ดังนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงของราคา เริ่มต้น 2485: 5 สตางค์ ปัจจุบัน: 5000 สตางค์ (50บาท) (5000-5)/5x100 = โตขึ้น 99,900% 2. การเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยต่อปี ((5,000 สตางค์ / 5 สตางค์)^(1/82)) - 1 = 8.79% สรุป 82 ปีที่ผ่านมา ราคาก๋วยเตี๋ยวแพงขึ้นระดับ 100,000% เฉลี่ย 8.79% ต่อปี หลายคนบอกว่า ดัชนีอาหารหลักอย่างราคาก๋วยเตี๋ยว มันสะท้อนค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นของคนไทยได้ดี แล้วดูสิครับ ต้นทุนชีวิตคุณเพิ่มขึ้นเท่าไร? เงินเฟ้อมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ราคาข้าวข้องแพงขึ้น 8% มันหมายความว่า ชีวิตคุณกำลังยากขึ้น 8% ทบต้น เงินที่คุณทำงานแทบตายแล้วอดออมไว้ มันโดนขโมยออกไปเรื่อยๆ ใครที่ทำงานและมีรายได้อยู่ รายได้คุณมีอัตราเติบโตเฉลี่ยถึง 8-9% มั้ย ถ้าไม่ แสดงว่าคุณกำลัง "จนลง" อยู่นะครับ เพราะรายได้ของคุณที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี มันซื้อของกินของใช้ได้น้อยลงเรื่อยๆ แบงก์พันใบเดิมแม้จะผ่านไปกี่ปี หน้าตาและตัวเลขมันก็เหมือนเดิม แต่มูลค่ามันไม่เคยเท่าเดิม และสถิติในอดีตมันบอกเราว่า เงินที่เก็บในวันนี้มันจะซื้อของได้น้อยลงครึ่งนึงในอีก 10 ปีข้างหน้า (7%ทบต้น) และอีก 30 ปีมูลค่ามันจะเหลือเพียง 12.5% ถ้าก๋วยเตี๋ยวยังแพงขึ้นอัตราเดิม อีก 30 ปี ก๋วยเตี๋ยวจะราคา 626.- และอีก 50 ปีข้างหน้ามันจะราคา 3,376.- วันนั้นเงินออมเพื่อลูกเพื่อหลานของคุณแทบไม่เหลือค่านะครับ "เก็บเงินเสื่อมค่าเท่าที่เสียได้" ที่เหลือเปลี่ยนมันเป็นอะไรก็ได้ ที่มันสามารถรักษามูลค่าข้ามผ่านกาลเวลา เพื่ออนาคตของเราและลูกหลานเหลนโหลนโคตรเหง้าศักราชเรา #Siamstr
ถ้าเงินมันหายากสำหรับทุกคน ไม่เว้นผู้ยิ่งใหญ่หน้าไหน โลกใบนี้มันจะต่างออกไปราวฟ้ากับเหว เงินมันยังคงหายากสำหรับเราคนธรรมดา แต่บางคนกลับได้มันมาง่ายๆ มากแค่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องพยายาม ถ้าเสกเงินพร้อมให้ประชาชนจ่ายผ่านเงินเฟ้อไม่ได้ สงครามจะไม่ยืดเยื้อ เพราะจะเอาเงินจากไหนข้ามน้ำข้ามทะเลไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นสิบๆ ปี สงครามจะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาลเสมอ ถ้าเสกเงินไม่ได้ มันเหลือวิธีหาเงินอยู 2 วิธี คือ 1. เจียดเงินภาษีที่มันก็ไม่ค่อยพอใช้ดูแลประชาชนอยู่แล้วมาผลาญ 2. กู้ประชาชน ผ่านการออกพันธบัตรสงครามเพื่อยืมเงินมาใช้ก่อน แล้วค่อยผ่อนจ่ายพร้อมดอกเบี้ย ถ้าไม่เข้าตาจนจริงๆ เช่นจำเป็นต้องปกป้องการรุกราน ใครจะอยากให้ยืมเงินเพื่อไปทำสิ่งนี้ โดยเฉพาะการไปยุ่งเรื่องชาวบ้านทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง นอกจากขอยืมเงินเขาไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ยังส่งลูกส่งหลานส่งคนที่เขารักไปเสี่ยง โดยที่ไม่มีความคุ้มค่าใดๆ คนมีสติดีที่ไหนจะยอม แล้วคุณดูสิ...คนที่ต้องสูญเสียมันใจสลายแค่ไหน https://www.facebook.com/share/r/tAjweVGWxWPCJ4gb/?mibextid=Ev0aEO image เมื่อเสกเงินได้ ก็ยิ่งเพิ่มอำนาจในการทำตามอำเภอใจ โดยไม่จำเป็นต้องฟังเสียงของเรา ทุกท่านฟังให้ดีนะครับ ไม่ว่าจะกู้หรือผลิตเงินเพิ่ม ประเทศไม่ได้ร่ำรวยขึ้น แต่เป็นการผ่องถ่ายความมั่งคั่งจากเราผู้เป็นประชาชนทุกคน ไปอยู่ในมือเขา เมื่ออยู่ในมือเขาแล้ว เขาจะเอาไปให้ใครหรือใช้ไปกับอะไร มันก็เรื่องของเขาแล้ว ยิ่งปริมาณเงินเพิ่มขึ้นเกินกว่ามูลค่าการเติบโตของเศรษฐกิจมากเท่าไร เงินในกระเป๋าเรายิ่งเสื่อมค่าลงมากเท่านั้น เงินที่เราเก็บหอมรอมริบมาแทบตายเสื่อมค่าลงเท่าไร อนาคตที่ดีของเรา ของครอบครัวเรา ของเพื่อนเรา ของลูกหลานเรา และของทุกคนก็ถูกทำลายมากเท่านั้น เราจะต้องทำงานมากขึ้นและมากขึ้น เพื่อที่จะรักษาคุณภาพชีวิตเท่าเดิม แค่การมีชีวิตธรรมดาๆ พออยู่พอกิน จะกลายเป็นเรื่องเกินเอื้อมออกไปทุกที #Siamstr