𝙲𝚃𝚅 + 𝙲𝚂𝙵𝚂 มีแรงชักจูงคลื่นใต้น้ำเยอะมาก ๆ นะครับ ใครสามารถบอกได้บ้างว่า Rust โค้ดที่ใช้ 𝗉𝗋𝗂𝗆𝗂𝗍𝗂𝗏𝖾𝗌 เพิ่มแค่สองตัว แล้วก็ใช้เครือข่ายรีเลย์กระจายศูนย์บนทุ่งม่วง #Nostr สามารถล่มสลายแนร์เรทีฟของดีไฟได้อย่างไร ลองมาศึกษาดูกันเลย . กุญแจล็อกรูปแบบห้องนิรภัย 𝖵𝖺𝗎𝗅𝗍 พื้นฐาน: เงินทุนถูกล็อกไว้ในผลลัพธ์ 𝖯𝟤𝖳𝖱 ที่มีสคริปต์ 𝖢𝖳𝖵 แบบใบเดียว ซึ่งผูกติดกับแม่แบบธุรกรรมทริกเกอร์ ทริกเกอร์จะเปลี่ยนไปที่ 𝖯𝟤𝖳𝖱 แบบมีเงื่อนไขแตกกิ่งก้านเมอร์เคิ่ล: - กิ่งกรณี 𝖨𝖥 ต้องมีการหน่วงเวลา 𝖢𝖲𝖵 และลายเซ็นคีย์ร้อน; - กิ่งกรณี 𝖤𝖫𝖲𝖤 เป็น 𝖢𝖳𝖵 ไปยังที่อยู่เย็น (ทันที ไม่มีลายเซ็น) คีย์ภายใน 𝖭𝖴𝖬𝖲 บังคับให้ใช้จ่ายสคริปต์ . . ขั้นตอนสาธิต: การดึงเงินคืนกรณีผ่าน 𝖢𝖳𝖵 กุญแจล็อกเงินทุน 𝖯𝟤𝖳𝖱 ส่งธุรกรรมเหนี่ยวไกสัญญา (ตรงตามเงื่อนไข 𝖢𝖳𝖵 จากกุญแจล็อก) จากนั้นส่งธุรกรรมเย็น (𝘤𝘰𝘭𝘥 𝘵𝘹) จากทริกเกอร์ (กรณี 𝖤𝖫𝖲𝖤, ตรงตามเงื่อนไข 𝖢𝖳𝖵 ไปยังที่อยู่เย็น) ไม่มีการหน่วงเวลา ใช้งานได้ในกรณีฉุกเฉินหากตรวจพบทริกเกอร์ (เช่น กุญแจร้อนถูกแฮ็ก) . . (สำหรับผู้เชี่ยวชาญ) กุญแจล็อกรูปแบบห้องนิรภัย 𝖵𝖺𝗎𝗅𝗍 เชิงซับซ้อน: กิ่งกรณีแรกสำหรับเส้นทาง 𝖢𝖳𝖵 (เหมือนแบบพื้นฐาน) และเสริมกรณีสองสำหรับ 𝖢𝖲𝖥𝖲: ตรวจสอบลายเซ็น 𝖲𝖼𝗁𝗇𝗈𝗋𝗋 บนข้อความมอบหมายสิทธิ์ (เช่น "𝖤𝖬𝖤𝖱𝖦𝖤𝖭𝖢𝖸_𝖣𝖤𝖫𝖤𝖦𝖠𝖳𝖨𝖮𝖭:𝖠𝖬𝖮𝖴𝖭𝖳=...:𝖱𝖤𝖢𝖨𝖯𝖨𝖤𝖭𝖳=...:𝖤𝖷𝖯𝖨𝖱𝖸=...:𝖵𝖠𝖴𝖫𝖳=...") จากกุญแจเหรัญญิก (ผู้คุม 𝖵𝖺𝗎𝗅𝗍) เพื่ออนุญาตให้ใช้จ่ายโดยตรงไปยังผู้รับ (ทางหนีฉุกเฉิน) . . (สำหรับผู้เชี่ยวชาญ) ขั้นตอนสาธิต: การมอบหมายสิทธิ์ผ่าน 𝖢𝖲𝖥𝖲 เหรัญญิกรับรองข้อความที่อนุญาตให้ทีมปฏิบัติการใช้จ่าย 𝖷 𝙨𝙖𝙩𝙨 ไปยัง 𝖸 ภายในบล็อก 𝖹 (แม้ว่ายอดและพารามิเตอร์ธุรกรรมไดนามิกอื่น ๆ จะไม่บังคับในเดโม่ โปรดักชั่นต้องใช้ 𝖮𝖯_𝖠𝖬𝖮𝖴𝖭𝖳 อาจเป็นไปได้ที่จะบังคับให้ผู้ใช้จ่ายระบุข้อมูลธุรกรรมใน 𝗐𝗂𝗍𝗇𝖾𝗌𝗌 ตรวจสอบลายเซ็นข้อมูลธุรกรรมด้วย 𝖢𝖲𝖥𝖲 แล้วตรวจสอบองค์ประกอบธุรกรรมที่ต้องการ เช่น ยอดเงิน) ใช้จ่ายจากกุญแจล็อกโดยตรงผ่านใบ 𝖢𝖲𝖥𝖲: 𝖶𝗂𝗍𝗇𝖾𝗌𝗌 รวมลายเซ็น แฮชข้อความ กุญแจสาธารณะเหรัญญิก สคริปต์ และคอนโทรล ข้าม 𝖢𝖳𝖵/การล็อกเวลาในกรณีฉุกเฉินที่ได้รับอนุญาต . . เจ้าของผลงาน Abdelhamid Bakhta ผู้คงตำแหน่งบิทคอยน์แม็กซิจากทีมสตาร์กแวร์ ผลงาน​ #รัสท์ อื่น ๆ จาก Abdel มีอีกเพียบ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ STARK แต่วันนี้ขอแนะนำแค่นี้ก่อนนะครับ - กระบะทราย Rustreexo - - WASM Bindings สำหรับ Rustreexo - - DOKO แบ็คเอนด์สำหรับ Markstr - - Markstr - https://doko-vert.vercel.app/payouts #BitcoinThailand #Siamdev #Siamstr . .
ลองมือ ๆ ตอนนี้ตัวช่วยเขียนภาษา ซิมพลิซิตี้ แทบไม่มี ก็เลยไปส่องดูเสปคภาษา #SimplicityHL แล้วเขียน LSP ขึ้นมา เป็นเหมือนเซิร์ฟเล็ก ๆ เบื้องหลังโปรแกรมเขียนโค้ด เพื่อแนะแนวแล้วก็บอกขยายความคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ในภาษานะครับ มาพร้อมกับปลั๊กอินของนีโอวิมด้วย (i use #neovim, btw.) 🐙: 🐙: ความซื่อตรงของบล็อกสตรีมคือสุด ๆ ไม่ยอมบิดเบือนกะล่อนตามคริปโต ฯ​ แม้แต่น้อย พอลองไปอ่านเสปคของภาษาดูแล้ว มันชื่อว่า "Simplicity ภาษาบล็อกเชนโปรแกรมมิ่งชั้นสูงสำหรับการสร้าง Smart Contracts แห่งอนาคต" เพราะว่าสัญญาอัจฉริยะนั้นหมายถึงผลลัพธ์ของกลไกไขรหัสแฝงตรรกะไร้การแทรกแซง ไม่ใช่โปรแกรมที่สร้างมันนะครับ เมื่อเรามุ่งเน้นการสร้างสัญญาอัจฉริยะสมาร์ทคอนแทร็กท์ เหนือเครือข่ายบิทคอยน์ที่มีความกระจายศูนย์ด้วยฉันทามตินาคาโมโตะ (Nakamoto consensus) เราก็ไม่หวังพึ่งพามูลนิธิรวมพล รวบโปรแกรมเป็นหมวดหมู่ แล้วเรียกโปรแกรมว่าสัญญา ทำให้มือใหม่หลงผิดเอาง่าย ๆ #Bitcoin #BitcoinThailand #Bitdev #Neovim #Plugin #Siamstr #Siamdev #Simplicity image
#พาร์ทแรก คิดหนักมากก่อนที่จะเอา ภูมิปัญญาบิทคอยน์แสตนดาร์ด นี้มาแชร์ เนื่องจาก 𝕆ℙ𝕊𝔼ℂ ที่ย่อมาจากโอเปอเรชั่นเซเคียวริตี้ของแต่ละคนนั้น ถือว่าเป็นชุดข้อมูลตามหาตัวผู้ใช้ ที่เรามักไม่แบ่งปันกัน แต่ในเมื่อความปลอดภัยของบิทคอยน์เฟเดอเรชั่น ได้ถูกพิสูจน์ตนในตลาดมามากพอสมควร เราไม่มาลองเรียนรู้กลยุทธ์การใช้งานผู้ให้บริการไลท์นิ่ง (Lightning Service Provider) แบบไม่ต้องเสียข้อมูลส่วนบุคคลดูหล่ะ . . ประมาณปีหนึ่งแล้วหล่ะ หลังจากพาเน่ลของ 𝙏𝙝𝙖𝙞𝙡𝙖𝙣𝙙 𝘽𝙞𝙩𝙘𝙤𝙞𝙣 𝘾𝙤𝙣𝙛𝙚𝙧𝙚𝙣𝙘𝙚 #TBC2024 ที่มีผู้เข้ามานั่งฟังส่งคำถาม 𝚀𝚗𝙰 ขึ้นมาบนเวที แล้วถามถึงความกังวลเกี่ยวกับ การรวมศูนย์ของไลท์นิ่งเน็ตเวิร์ก เพราะคนส่วนมากใช้โหนดคัสโตเดี้ยนเช่น 𝚆𝚊𝚕𝚕𝚎𝚝 𝚘𝚏 𝚂𝚊𝚝𝚘𝚜𝚑𝚒 ในการใช้งานวันต่อวัน ไม่ทำให้ความเสี่ยงในการฝากถือครองบิทคอยน์เป็นปัญหาใหญ่หรอกเหรอ ทุกคนที่ติดตามเพจ Krutt แล้วรู้ดีถึงการลดความเสี่ยงนี้ด้วยธนบัตรชอวเมี่ยนคงไม่กังวลอะไร แต่เราลองมาเดินไปพร้อมกันแล้ววางแผน "สมมุติ" ของบุคคลที่ได้รับคำตอบจากพาเน่ลไป (ไม่เผยซื่อผู้ใช้หรือเซอร์วิสด้วย) . . """ ถ้าคุณเพ็กบิทคอยน์บนลิควิดแล้วถือเหรียญของไซด์เชน ใช้กระเป๋าอควาในการเชื่อมกับ 𝙱𝙾𝙻𝚃𝚉 ซึ่งเป็นเอ็กซ์แชนจ์กระจายศูนย์ (𝙳𝚎𝙵𝚒) คุณก็สามารถใช้จ่ายไลท์นิ่งทันใจ ได้โดยไม่พึ่งพาคัสโตเดี้ยนเลยแม้แต่ตัวเดียว มีการพึ่งพาเฟเดอเรชั่นของเสตทเชนตัวหนึ่ง ซึ่งผ่านสมรภูมิมาแล้วรวมถึงมีความไวทางบล็อกไทม์กว่าเมนเน็ต ส่วนไลท์นิ่งจะทำงานผ่านอะตอมมิกสว็อพทำให้ธุรกรรมแต่ละตัวจากไซด์เชนถึงเมนเซน เกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย และได้รับการปกป้องจากเครือข่ายบิทคอยน์ทุกสายฟ้าฟาด """ . . หลังจากรับข้อมูลนี้ไป บุรุษท่านนี้ได้มองเห็นความสามารถยืดหยุ่นเพิ่มเติมของเสตทเชน หรือที่วัยรุ่นเจ็นแซ่บเรียกกันว่า เลเยอร์สองนะครับ แน่นอนว่าเรื่องชื่อเสียที่วงการคริปโต ฯ สร้างกันมาเช่นการฟรีซสลากเทียบคู่ดอลล่าร์สหรัฐ หรือกลไกการสอดส่องติดตามอื่น ๆ เราคงยังต้องแก้ไขกันอีกเยอะ แต่ในวันนี้ เราขอพูดถึงเทคโนโลยีขั้นต่อไปจากตรงนี้ก่อน บนเทคโนโลยีที่ชื่อว่า 𝙰𝚛𝚔 ซึ่งเป็นเทคโนโลยี 𝚂𝚝𝚊𝚝𝚎𝚌𝚑𝚊𝚒𝚗 ของบิทคอยน์จากศิษย์เก่าบริษัทบล็อกสตรีม ที่ไม่พอใจกับการเข้าถึงยากของเฟเดอเรชั่นไซด์เชนนามว่าลิควิด หรือเลเยอร์สองรูปแบบแชนเน่ลที่ชื่อว่าไลท์นิ่งกันนะครับ . . 𝙰𝚛𝚎 𝚜𝚝𝚊𝚝𝚎𝚌𝚑𝚊𝚒𝚗𝚜 𝚜𝚎𝚕𝚏-𝚌𝚞𝚜𝚝𝚘𝚍𝚒𝚊𝚕? คำถามแรกและคำถามสำคัญที่สุดของบทความเกริ่นเรื่อง ไซด์เชนจากทีมงาน 𝙗𝙞𝙩𝙘𝙤𝙞𝙣++ ได้บอกเอาไว้ว่า """ 𝚆𝚑𝚎𝚗 𝚙𝚎𝚘𝚙𝚕𝚎 𝚝𝚊𝚕𝚔 𝚊𝚋𝚘𝚞𝚝 “𝙻𝟸 𝚜𝚎𝚕𝚏-𝚌𝚞𝚜𝚝𝚘𝚍𝚢,” 𝚝𝚑𝚎𝚢 𝚊𝚛𝚎 𝚛𝚎𝚏𝚎𝚛𝚛𝚒𝚗𝚐 𝚝𝚘 𝚞𝚜𝚎𝚛𝚜 𝚛𝚎𝚝𝚊𝚒𝚗𝚒𝚗𝚐 𝚊 𝚞𝚗𝚒𝚕𝚊𝚝𝚎𝚛𝚊𝚕 𝚎𝚡𝚒𝚝 𝚙𝚊𝚝𝚑 𝚊𝚗𝚍 𝚑𝚊𝚟𝚒𝚗𝚐 𝚊 𝚙𝚛𝚘𝚟𝚊𝚋𝚕𝚎 𝚊𝚜𝚜𝚞𝚛𝚊𝚗𝚌𝚎 𝚝𝚑𝚊𝚝 𝚝𝚑𝚎𝚢 𝚊𝚛𝚎 𝚝𝚑𝚎 𝚘𝚗𝚕𝚢 𝚘𝚗𝚎𝚜 𝚠𝚑𝚘 𝚌𝚊𝚗 𝚜𝚙𝚎𝚗𝚍 𝚝𝚑𝚎 𝚌𝚘𝚒𝚗𝚜 𝚝𝚑𝚊𝚝 𝚝𝚑𝚎𝚢 𝚌𝚞𝚜𝚝𝚘𝚍𝚢. """ . . แปลว่า ความหมายของเหรียญ peg-in ของแต่ละเสตทเชนนั้น จะขึ้นอยู่กับว่าบิทคอยเน่อร์สามารถทวงคืนมูลค่าสู่เมนเน็ตได้หรือไม่ (ในบทความมีการติชม 𝙎𝙥𝙖𝙧𝙠 อย่างหนักว่าไม่มอบความสามารถนี้ให้กับผู้ใช้) แต่ว่าปัญหาที่สองจะเกิดขึ้นทันที เนื่องจากการทำงานเสกลลิ่งของบล็อกเชนสองชั้นนั้น หาควรใช้คำตอบด้วยบล็อกเชนอีกตัวหนึ่งไม่ ในสายตาของไซเฟอร์พังก์ยุคบุกเบิก 𝘾𝙖𝙣 𝙬𝙚 𝙨𝙘𝙖𝙡𝙚 𝙗𝙞𝙩𝙘𝙤𝙞𝙣... 𝙬𝙞𝙩𝙝 𝙤𝙩𝙝𝙚𝙧 𝙗𝙡𝙤𝙘𝙠𝙘𝙝𝙖𝙞𝙣𝙨? """ 𝚁𝚘𝚕𝚕𝚞𝚙𝚜 𝚖𝚞𝚜𝚝 𝚞𝚜𝚎 𝚋𝚒𝚝𝚌𝚘𝚒𝚗 𝚊𝚜 𝚊 𝚍𝚊𝚝𝚊 𝚊𝚟𝚊𝚒𝚕𝚊𝚋𝚒𝚕𝚒𝚝𝚢 𝚕𝚊𝚢𝚎𝚛. 𝚃𝚑𝚎 𝚊𝚋𝚒𝚕𝚒𝚝𝚢 𝚝𝚘 𝚝𝚛𝚞𝚜𝚝𝚕𝚎𝚜𝚜𝚕𝚢 𝚛𝚎𝚌𝚘𝚗𝚜𝚝𝚛𝚞𝚌𝚝 𝚝𝚑𝚎 𝚛𝚘𝚕𝚕𝚞𝚙’𝚜 𝚜𝚝𝚊𝚝𝚎, 𝚏𝚛𝚘𝚖 𝚋𝚒𝚝𝚌𝚘𝚒𝚗, 𝚊𝚗𝚍 𝚋𝚞𝚒𝚕𝚍 𝚏𝚞𝚕𝚕𝚢 𝚝𝚛𝚞𝚜𝚝-𝚖𝚒𝚗𝚒𝚖𝚒𝚣𝚎𝚍 𝚜𝚒𝚍𝚎𝚜𝚢𝚜𝚝𝚎𝚖 𝚋𝚛𝚒𝚍𝚐𝚎𝚜 𝚒𝚜 𝚝𝚑𝚎 𝚛𝚎𝚜𝚞𝚕𝚝 𝚘𝚏 𝚞𝚜𝚒𝚗𝚐 𝚋𝚒𝚝𝚌𝚘𝚒𝚗 𝚊𝚜 𝚊 𝚍𝚊𝚝𝚊 𝚊𝚟𝚊𝚒𝚕𝚊𝚋𝚒𝚕𝚒𝚝𝚢 𝚕𝚊𝚢𝚎𝚛. """ . . คำสัญญาที่นักระดมทุนชอบฟัง คือการใช้งานอ็อพติมิสติกโรลอัพ หรือเพิ่มความซับซ้อนด้วยซีโร่โนว์เล็ดจ์ แล้วนำเอาข้อมูลออฟเชนทำงานคูณหมื่นคูณล้านรอบได้ แต่ปากขวดของการคิดมักง่ายนี้จะติดคำว่า 𝚍𝚊𝚝𝚊-𝚊𝚟𝚊𝚒𝚕𝚊𝚋𝚒𝚕𝚒𝚝𝚢 เลเยอร์ หรือชุดข้อมูลกระจายศูนย์ของบิทคอยน์นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถตั้งมั่นล่วงหน้าได้ก่อนถึงเวลาแสตมป์บล็อกนั้นเองนะครับ . . ในโพสท์หน้า เราจะมาพูดถึงเทคโนโลยีแหวกแนว ที่เลิกตกหลุมพรางทางความซับซ้อนของวงการ แล้วเลือกที่จะเสกลบล็อกธุรกรรมบนบิทคอยน์ ผ่านการเสกล 𝚄𝚃𝚇𝙾 แทนที่การเสกลบล็อกแทนนะครับ กลุ่มนักพัฒนาเหล่านี้ใช้งเทคโนโลยีชื่อว่า 𝙰𝚛𝚔 และมีสองทีมแข่งขันกัน แฝงดราม่าเล็ก ๆ ชื่อว่า 𝙰𝚛𝚔𝙻𝚊𝚋𝚜 นำโดย 𝙰𝚗𝚍𝚛𝚎𝚠 𝙲𝚊𝚖𝚒𝚕𝚕𝚎𝚛𝚒 และ 𝚂𝚎𝚌𝚘𝚗𝚍 นำโดย 𝙽𝚎𝚒𝚕 𝚆𝚘𝚘𝚍𝚏𝚒𝚗𝚎 กัน . . #Bitcoin #Siamstr #Siamdev #ArkLabs #Second #Ark image
ถ้าต้องขออนุญาตใครในการทวงคืนบิทคอยน์ของคุณจากสมาร์ทคอนแทร็กท์ / เลเยอร์สอง มันไม่ใช่บิทคอยน์ของคุณแล้วหล่ะ แต่ว่าเป็น 𝙬𝙧𝙖𝙥𝙥𝙚𝙙 𝙗𝙞𝙩𝙘𝙤𝙞𝙣 ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลกที่ไซเฟอร์พังก์บนทุก ๆ ระบบนิเวศน์พยายามแก้ไขกันอยู่ . . หลายคนนอกวงการเด็ฟอาจจะไม่รู้ถึงการโต้วาทีออนไลน์เดือดระอุเรื่องเลเยอร์สองหลาย ๆ ตัว โดยเฉพาะจากการวิจารณ์กันและกันระหว่างทีมงาน 𝙰𝚛𝚔𝙻𝚊𝚋𝚜 กับ 𝙻𝚒𝚐𝚑𝚝𝚜𝚙𝚊𝚛𝚔 ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเลยขอมาขยายความเรื่องเ่ทคโนโลยีอาร์ค ที่มีสองทีมแข่งขันกันพัฒนาอยู่ในปัจจุบันนะครับ 𝙰𝚛𝚔𝙻𝚊𝚋𝚜 นำโดย 𝙰𝚗𝚍𝚛𝚎𝚠 𝙲𝚊𝚖𝚒𝚕𝚕𝚎𝚛𝚒 และ 𝚂𝚎𝚌𝚘𝚗𝚍 นำโดย 𝙽𝚎𝚒𝚕 𝚆𝚘𝚘𝚍𝚏𝚒𝚗𝚎 กัน . . ก่อนอื่นเลยคือเลเยอร์สองที่เรากำลังพูดถึงกันนี้ ไม่จำเป็นต้องมีการทำซอฟท์ฟอร์กนะครับ จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ 𝙰𝚗𝚍𝚛𝚎𝚠 𝙲𝚊𝚖𝚒𝚕𝚕𝚎𝚛𝚒 นามแฝงว่า 𝙺𝚞𝚔𝚔𝚜 บนพ็อดแคสท์ 𝘽𝙏𝘾𝙏𝙆𝙑𝙍 (บิทคอยน์เทคโอเว่อร์) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ (𝚂𝟷𝟼𝙴𝟹𝟷 00:0𝟺:𝟻𝟻 - 00:0𝟽:𝟹𝟷) เทคโนโลยีอาร์คในเวอร์ชั่นแรกของเจ้าตัวเด็ฟชื่อว่าบูรัคอดีตเด็ฟประจำบล็อกสตรีม มีความต้องการใช้ 𝙾𝙿_𝙲𝙷𝙴𝙺𝙲𝚃𝙴𝙼𝙿𝙻𝙰𝚃𝙴𝚅𝙴𝚁𝙸𝙵𝚈 หรือ 𝙾𝙿_𝙲𝚃𝚅 ที่เรียกกันสั้น ๆ สำหรับการสร้างโคฟเวอแน้นท์ . . ""' 𝚃𝚑𝚎 𝚎𝚊𝚜𝚒𝚎𝚜𝚝 𝚠𝚊𝚢 𝚝𝚘 𝚍𝚎𝚜𝚌𝚛𝚒𝚋𝚎 𝙰𝚛𝚔 𝚒𝚜 𝚝𝚑𝚊𝚝 𝚠𝚎 𝚖𝚊𝚔𝚎 𝚎𝚟𝚎𝚛𝚢𝚝𝚑𝚒𝚗𝚐 𝚟𝚒𝚛𝚝𝚞𝚊𝚕 """ เสร็จแล้วพ่อคุณ แค่อธิบายไลท์นิ่งให้แม่ฟัง แม่ยังไม่เข้าใจ แล้ววันนี้ต้องมาอธิบายให้บิทคอยเน่อร์เข้าใจถึง 𝚅𝚒𝚛𝚝𝚞𝚊𝚕 𝚃𝚛𝚊𝚗𝚜𝚊𝚌𝚝𝚒𝚘𝚗 𝙾𝚞𝚝𝚙𝚞𝚝 หรือ 𝚟𝚃𝚇𝙾 แทนที่เอาท์พุทธุรกรรมค้างชำระ อันเสปนท์ทรานแซ็กชั่นเอาท์พุท ของบล็อกเชนบิทคอยน์เป็นร่างแยกพันร่างแตกตัวได้มากกว่า 𝚄𝚃𝚇𝙾 """ บนบิทคอยน์คุณมี 𝚄𝚃𝚇𝙾𝚜 แตกจำนวน แล้วบนอาร์คคุณจะมี 𝚟𝚃𝚇𝙾𝚜 แตกจำนวนเช่นกัน บนบิทคอยน์คุณจะมีเม็มพูล ส่วนบนอาร์คคุณจะมีเวอร์ช่วลเม็มพูล บนบิทคอยน์คุณสามารถเห็นธุรกรรมอยู่บนบล็อก แล้วบนอาร์คคุณจะเห็นก้อนธุรกรรมคัดเป็นแบทช์ (𝚋𝚊𝚝𝚌𝚑𝚎𝚜) ที่คุณได้มาจากการรวมตัวของผู้ถือบิทคอยน์หลาย ๆ คนมารวมหัวกัน แล้วสร้างก้อนแบทช์ขึ้นมาด้วย 𝚙𝚛𝚎𝚜𝚒𝚐𝚗𝚎𝚍 𝚝𝚛𝚊𝚗𝚜𝚊𝚌𝚝𝚒𝚘𝚗𝚜 (ใครยังไม่เคยเล่นแซนด์บ็อกซ์ 𝚝𝚊𝚢𝚊𝚗 ของ Krutt ลองไปเล่นก้อนแบทช์ได้นะครับ) โดยผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะ 𝚌𝚘𝚜𝚒𝚐𝚗 ร่วมกันให้ไม่สามารถถอนออกจากกองกลางด้วยผู้เดียวได้ เพื่อปลูกสร้างต้น 𝚟𝚒𝚛𝚝𝚞𝚊𝚕 𝚝𝚛𝚊𝚗𝚜𝚊𝚌𝚝𝚒𝚘𝚗 𝚝𝚛𝚎𝚎 แล้วแตกแขนงเป็น 𝚟𝚃𝚇𝙾𝚜 ให้กับแต่ละคน """ . . รายละเอียดเอาไปแค่นี้ก่อน 𝚟𝚃𝚇𝙾𝚜 คือ 𝚄𝚃𝚇𝙾𝚜 ที่ใช้คาถาแยกเงาพันร่างสำหรับเลเยอร์สอง อาร์คเป็นบิทคอยน์เลเยอร์สองที่ทำอะไรได้บ้าง ? ชื่อเดิมของเลเยอร์สองตั้งแต่สมัยบิทคอยน์ทอล์คฟอรั่มคือ 𝙎𝙩𝙖𝙩𝙚𝙘𝙝𝙖𝙞𝙣 แล้วตัวเต็งที่ชื่อว่าอาร์คนี้ต้องตอบโจทย์สองข้อก่อนถึงจะมีประโยชน์ โดยเฉพาะหลังจากสัปดาห์ที่แล้วที่แอบแซะเสตทเชนชื่อว่า 𝙎𝙥𝙖𝙧𝙠 ผลงานเปิดตัวของบริษัท 𝙻𝚒𝚐𝚑𝚝𝚜𝚙𝚊𝚛𝚔 ไปว่า 𝙛𝙞𝙣𝙖𝙡𝙞𝙩𝙮 ฝ่ายเขาไม่ได้เรื่อง . . 𝟷. 𝚄𝚜𝚎𝚛𝚜 𝚌𝚊𝚗 𝚘𝚙𝚎𝚛𝚊𝚝𝚎 𝚒𝚗 𝚊 𝚏𝚊𝚜𝚝, 𝚘𝚏𝚏𝚌𝚑𝚊𝚒𝚗 𝚎𝚗𝚟𝚒𝚛𝚘𝚗𝚖𝚎𝚗𝚝 𝚝𝚑𝚛𝚘𝚞𝚐𝚑 𝚝𝚑𝚎 𝚙𝚛𝚎𝚜𝚒𝚐𝚗𝚎𝚍 𝚝𝚛𝚞𝚜𝚝 𝚖𝚘𝚍𝚎𝚕, 𝚠𝚑𝚎𝚛𝚎 𝚝𝚛𝚊𝚗𝚜𝚊𝚌𝚝𝚒𝚘𝚗𝚜 𝚊𝚛𝚎 𝚌𝚘𝚜𝚒𝚐𝚗𝚎𝚍 𝚋𝚢 𝚝𝚑𝚎 𝙰𝚛𝚔𝚊𝚍𝚎 𝚂𝚒𝚐𝚗𝚎𝚛. อันนี้คือคำมั่นผลงานค้นคว้าวิจัยของทีม 𝙰𝚛𝚔𝙻𝚊𝚋𝚜 กล่าวถึงแรงจูงใจผู้ต้องการใช้ 𝙰𝚛𝚔𝚊𝚍𝚎𝙾𝚂 ที่จะเป็นพื้นที่เสตทเชนเซ็นด้วยโอเปอเรเตอร์ของอาร์คแล็บเอง โดยที่เทคโนโลยีอาร์คจะเข้าสู่โลกแห่งซอฟท์แวร์ฟรีและโอเพ่นซอร์ส หมายความว่าการทำงานสร้างแอพพลิเคชั่นและสมาร์ทคอนแทร็กท์ของอาร์คนั้นจะมุ่งไปที่ความเร็วสำหรับเสกลลิ่งยูสเคสให้กับผู้ใช้บริการแบบออฟเชน แต่ยังคงเป็นธุรกรรม 𝚟𝚃𝚇𝙾𝚜 ท่ีไม่มีการแทรกแซงได้ง่าย ๆ เหมือนเทคโนโลยี แอคเค้าท์โมเดลบ่อปลาวาฬ นั่นหมายความว่ามาตรฐานการสร้างสัญญาร่วมไฟแนนเชียลสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าบิทคอยน์เมนเน็ตอีกด้วย เพราะความยืดหยุ่นการต่อเติมอ๊อพโค้ดในระบบนิเวศน์รอง ย่อมมีการตกลงกันได้ง่าย และเป็นตลาดเสรีสำหรับการทดลองซอฟท์แวร์เช่น 𝙰𝚞𝚝𝚘𝚖𝚊𝚝𝚎𝚍 𝙼𝚊𝚛𝚔𝚎𝚝 𝙼𝚊𝚔𝚎𝚛 หรือแสตนดาร์ดสลากโทเค่นเพื่อรองรับสเตเบิ้ลคอยน์บนรางใช้จ่ายค่าธรรมเนียมด้วยบิทคอยน์ เทคโนโลยีอื่น ๆ ที่สามารถใช้ 𝚟𝚃𝚇𝙾𝚜 เป็นรากฐานได้มีเฮ็ดจ์ฮอกของซุปเปอร์เทสท์เน็ต โคฟเวอแน้นท์สร้างกองคลังกลาง ฯลฯ . . 𝟸. 𝙵𝚒𝚗𝚊𝚕𝚒𝚝𝚢 𝚒𝚜 𝚊𝚌𝚑𝚒𝚎𝚟𝚎𝚍 𝚠𝚑𝚎𝚗 𝚞𝚜𝚎𝚛𝚜 𝚜𝚠𝚊𝚙 𝚝𝚑𝚎𝚒𝚛 𝚙𝚛𝚎𝚌𝚘𝚗𝚏𝚒𝚛𝚖𝚎𝚍 𝚟𝚃𝚇𝙾𝚜 𝚒𝚗𝚝𝚘 𝚊 𝚗𝚎𝚠 𝙱𝚊𝚝𝚌𝚑 𝙾𝚞𝚝𝚙𝚞𝚝 𝚌𝚘𝚗𝚏𝚒𝚛𝚖𝚎𝚍 𝚘𝚗 𝙱𝚒𝚝𝚌𝚘𝚒𝚗. 𝚂𝚎𝚝𝚝𝚕𝚎𝚍 𝚅𝚃𝚇𝙾𝚜, 𝚠𝚑𝚒𝚕𝚎 𝚜𝚝𝚛𝚞𝚌𝚝𝚞𝚛𝚊𝚕𝚕𝚢 𝚒𝚍𝚎𝚗𝚝𝚒𝚌𝚊𝚕 𝚝𝚘 𝚙𝚛𝚎𝚌𝚘𝚗𝚏𝚒𝚛𝚖𝚎𝚍 𝚘𝚗𝚎𝚜, 𝚊𝚛𝚎 𝚜𝚘𝚕𝚎𝚕𝚢 𝚝𝚛𝚊𝚌𝚎𝚊𝚋𝚕𝚎 𝚋𝚊𝚌𝚔 𝚝𝚘 𝙱𝚊𝚝𝚌𝚑 𝙾𝚞𝚝𝚙𝚞𝚝 𝚝𝚛𝚊𝚗𝚜𝚊𝚌𝚝𝚒𝚘𝚗𝚜, 𝚎𝚗𝚜𝚞𝚛𝚒𝚗𝚐 𝚏𝚞𝚕𝚕 𝙱𝚒𝚝𝚌𝚘𝚒𝚗-𝚕𝚎𝚟𝚎𝚕 𝚒𝚖𝚖𝚞𝚝𝚊𝚋𝚒𝚕𝚒𝚝𝚢 𝚊𝚗𝚍 𝚌𝚎𝚗𝚜𝚘𝚛𝚜𝚑𝚒𝚙 𝚛𝚎𝚜𝚒𝚜𝚝𝚊𝚗𝚌𝚎. ความแน่นอน 𝙛𝙞𝙣𝙖𝙡𝙞𝙩𝙮 จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ทำการแลกเปลี่ยน 𝚟𝚃𝚇𝙾 ที่ยืนยันไว้ล่วงหน้าเป็น 𝙱𝚊𝚝𝚌𝚑 𝙾𝚞𝚝𝚙𝚞𝚝 ใหม่ที่ได้รับการยืนยันบนบิทคอยน์ โดย 𝚟𝚃𝚇𝙾 ที่ได้รับการตกลงแล้ว แม้ว่าจะมีโครงสร้างเหมือนกับ 𝚟𝚃𝚇𝙾 ที่ยืนยันไว้ล่วงหน้า แต่จะสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้เฉพาะไปยังธุรกรรม 𝙱𝚊𝚝𝚌𝚑 𝙾𝚞𝚝𝚙𝚞𝚝 เท่านั้น ซึ่งจะทำให้มีความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ในระดับเดียวกับบิทคอยน์ และทนทานต่อการถูกเซ็นเซอร์อย่างเต็มที่ . . คู่แข่งก็ไม่ยอมเหมือนกันหรอกนะ ในเมื่อ 𝙎𝙥𝙖𝙧𝙠 ประกาศแก้ไขปัญหา 𝙛𝙞𝙣𝙖𝙡𝙞𝙩𝙮 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ใช้งานจริงได้เรียบร้อยแล้ว ส่วน 𝙰𝚛𝚔𝚊𝚍𝚎𝙾𝚂 ยังจำเป็นต้องพึ่งพาความเชื่อใจเล็กน้อยในการทำงานของ 𝙰𝚛𝚔𝚊𝚍𝚎 𝚂𝚒𝚐𝚗𝚎𝚛 ไม่ให้เกิดการเซ็นธุรกรรมซ้ำ 𝚍𝚘𝚞𝚋𝚕𝚎-𝚜𝚒𝚐𝚗 𝚌𝚘𝚗𝚏𝚕𝚒𝚌𝚝𝚒𝚗𝚐 𝚝𝚛𝚊𝚗𝚜𝚊𝚌𝚝𝚒𝚘𝚗𝚜 ทำให้เดาไม่ถูกจริง ๆ ถึงอนาคตของเสตทเชนของบิทคอยน์ ไว้เรามาเรียนรู้กันต่อเกี่ยวกับ 𝙎𝙥𝙖𝙧𝙠 ซึ่งเป็น เสตทเชนเกลียดชังโทเค่นแล้วต้องการจะส่งเสริม 𝚄𝙼𝙰 แสตนดาร์ดที่ 𝚃𝚊𝚙𝚛𝚘𝚘𝚝 𝙰𝚜𝚜𝚎𝚝𝚜 และ 𝚁𝙶𝙱 ใช้เพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นเชิงซับซ้อนให้กับบิทคอยน์กันในสัปดาห์หน้านะครับ ฝากติดตามด้วย . . #Ark #ArkLabs #Bitcoin #Bitdev #FriendsWithBitcoin #Lightspark #Siamdev #Siamstr #Spark image
บิทคอยน์ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน ไม่ใช่บิทคอยน์ที่ใช้ความสามารถทั้งหมดที่เคยมี . . เรากำลังพูดถึงโปรโตคอลของบิทคอยน์ที่คัดแยกความสามารถของสคริปท์ตามหมวดหมู่ และมีหมวดหมู่หนึ่งที่ซาโตชิ นาคาโมโตะเป็นผู้เขียนและนำออกไปจากมือผู้ใช้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมปีคศ. 2010 จากเหตุผลความสามารถหยุดชะงักเครือข่ายบิทคอยน์โดยกว้าง จากการแฝงใช้งานอ๊อพโค้ด 𝙾𝙿_𝙻𝚂𝙷𝙸𝙵𝚃 สร้าง 𝙳𝚎𝚗𝚒𝚊𝚕 𝚘𝚏 𝚂𝚎𝚛𝚟𝚒𝚌𝚎 และเป็น ℂ𝕍𝔼 ตัวแรกของบิทคอยน์หลังจากเริ่มใช้บรรทัดฐานชื่อว่าบิ๊พส์ (𝙱𝚒𝚝𝚌𝚘𝚒𝚗 𝙸𝚖𝚙𝚛𝚘𝚟𝚎𝚖𝚎𝚗𝚝 𝙿𝚛𝚘𝚙𝚘𝚜𝚊𝚕𝚜) หมายเลข ℂ𝕍𝔼-𝟚𝟘𝟙𝟘-𝟝𝟙𝟛𝟟 ที่ไม่มีการกล่าวโดยตรงถึงอ๊อพโค้ดเจ้าปัญหาในปีปัจจุบัน ชื่อว่าอ๊อพแคท แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแลกเปลี่ยน 𝘵𝘳𝘢𝘥𝘦-𝘰𝘧𝘧 ที่ผู้บุกเบิกพัฒนาบิทคอยน์ต้องเลือก ในการดูแลรักษาระบบ เมื่อเปรียบกับความสามารถยืดหยุ่นของผู้ใช้ . . เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้โปรโตคอลของบิทคอยน์เกิดความล่าช้าในการดัดแปลงใช้ธุรกรรมเชิงซับซ้อนเช่น โคฟเวอแน้นท์ (𝚌𝚘𝚟𝚎𝚗𝚊𝚗𝚝) หัวข้อหลัก ๆ ของเราในวันนี้ และกลุ่มผู้ต้องการฟื้นฟูความสามารถเหล่านี้เช่นกลุ่ม 𝙶𝚛𝚎𝚊𝚝 𝚂𝚌𝚛𝚒𝚙𝚝 𝚁𝚎𝚜𝚝𝚘𝚛𝚊𝚝𝚒𝚘𝚗 (𝙶𝚂𝚁) กับกลุ่ม 𝙻𝙽𝙷𝙰𝙽𝙲𝙴 ผู้ต้องการเห็นโหนดไลท์นิ่งมากกว่าดาวบนท้องฟ้า​โดยมุ่งมั่นการมอบความสามารถ 𝙻𝚗-𝚂𝚢𝚖𝚖𝚎𝚝𝚛𝚢 หรือการควบคุมสภาพคล่องอัตโนมัติ แทนที่อัตโนมือที่หลาย ๆ ผู้รันโหนดไลท์นิ่งต้องพบเจอ โคฟเวอแน้นท์คือธุรกรรมเชิงซับซ้อนที่ตอบโจทย์เหล่านี้โดยตรง และบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับโคฟเวอแน้นท์ได้เปลี่ยนไปมาก เมื่อเปรียบเทียบ ก่อน-หลัง การซอฟท์ฟอร์กสำคัญของเครือข่ายบิทคอยน์ล่าสุด ที่เรียกรวม ๆ กันว่าแท็พรูท ที่นอกจากเพิ่มกลไกไขรหัสบนลายเซ็นชนอร์ (𝚂𝚌𝚑𝚗𝚘𝚛𝚛 𝚜𝚒𝚐𝚗𝚊𝚝𝚞𝚛𝚎) ยังมีการจำกัดขนาดแสต็กของสคริปท์บิทคอยน์ ไม่ให้ทำการดีไนอัลออฟเซอร์วิสต่อโหนดรอบกว้างได้ง่าย ๆ เพราะธุรกรรมเชิงซับซ้อนของบิทคอยน์ สามารถถูกเขียนลงบนบล็อกเชนในขนาดกะทัดรัดได้ ด้วยลายเซ็นชนอร์ เป็น 𝚠𝚒𝚗-𝚠𝚒𝚗 ของผู้เขียนซอฟท์แวร์วอลเล็ต หรือออกแบบแอพพลิเคชั่นขั้นสูงได้ง่าย . . เมื่อผ่านการซอฟท์ฟอร์กแท็พรูทมาแล้ว ไซเฟอร์พังก์ หวนกลับมามองเครือข่ายบิทคอยน์ ที่เป็นน้ำนิ่งทำหน้าที่เฮ็ดจ์ความขาดเสถียรภาพรอบด้าน กับเหรียญย้อมแมวเลียนแบบสองล้านตัว ที่เพิ่มเติมโคฟเวอแน้นท์ตามผังบิทคอยน์ทอล์คฟอรั่มไปทั่ว เรียกแขกเรียกผู้ใช้อย่างไร้ผล กลุ่ม GSR นำโดยคุณรัสตี้ รัสเซลนำเสนอรูปแบบกองคลังความปลอดภัยสูง เรียกว่า Vault บนบิทคอยน์สคริปท์ ไม่พึ่งพาคัสโตเดี้ยนหรือมือที่สามให้ตรวจสอบฐานข้อมูลบล็อกเชนยี่สิบชั่วโมง เป็นการเพิ่มเติมความสามารถหลัก ๆ จากการพัฒนาเชิงโคฟเวอแน้นท์ (Covenant) แต่โคฟเวอแน้นท์เอง ไม่ใช่เครื่องมือหนักหน่วงอะไรตามชื่อเท่ห์ ๆ ขนาดนั้น แล้วโคฟเวอแน้นท์คืออะไรกันแน่ ทำไม Krutt ผู้ศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการเงินไร้ศูนย์กลางบนบิทคอยน์ถึงเขียนถึงมันไม่จบเสียที เราลองมาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันนะครับ . . เจเรอมี่ รูบิน ผู้เขียนข้อนำเสนอบิทคอยน์อิมพรูฟเมนท์โพรโพซ่อลหมายเลข 118 ที่เป็นข้อนำเสนอหัวแถวได้รับความยอมรับจากคอมมูบิทเด็ฟส์มากที่สุดในปัจจุบัน และผู้ชี้แจงและแก้ไขปัญหา 𝚃𝚊𝚙𝚛𝚘𝚘𝚝 𝙳𝚎𝚗𝚒𝚊𝚕 𝚘𝚏 𝚂𝚎𝚛𝚟𝚒𝚌𝚎 𝙱𝚞𝚐 เมื่อเดือนมีนาคมนี้ กล่าวอธิบายเกี่ยวกับโคฟเวอแน้นท์ดังนี้, . . """ 𝙲𝚘𝚟𝚎𝚗𝚊𝚗𝚝𝚜 𝚊𝚛𝚎 𝚛𝚎𝚜𝚝𝚛𝚒𝚌𝚝𝚒𝚘𝚗𝚜 𝚘𝚗 𝚑𝚘𝚠 𝚊 𝚌𝚘𝚒𝚗 𝚖𝚊𝚢 𝚋𝚎 𝚜𝚙𝚎𝚗𝚝 𝚋𝚎𝚢𝚘𝚗𝚍 𝚔𝚎𝚢 𝚘𝚠𝚗𝚎𝚛𝚜𝚑𝚒𝚙. 𝙲𝚘𝚟𝚎𝚗𝚊𝚗𝚝𝚜 𝚌𝚊𝚗 𝚋𝚎 𝚞𝚜𝚎𝚏𝚞𝚕 𝚝𝚘 𝚌𝚘𝚗𝚜𝚝𝚛𝚞𝚌𝚝 𝚜𝚖𝚊𝚛𝚝 𝚌𝚘𝚗𝚝𝚛𝚊𝚌𝚝𝚜. 𝙰𝚜 𝚌𝚘𝚟𝚎𝚗𝚊𝚗𝚝𝚜 𝚊𝚛𝚎 𝚌𝚘𝚖𝚙𝚕𝚎𝚡 𝚝𝚘 𝚒𝚖𝚙𝚕𝚎𝚖𝚎𝚗𝚝 𝚊𝚗𝚍 𝚛𝚒𝚜𝚔 𝚘𝚏 𝚒𝚗𝚝𝚛𝚘𝚍𝚞𝚌𝚒𝚗𝚐 𝚏𝚞𝚗𝚐𝚒𝚋𝚒𝚕𝚒𝚝𝚢 𝚍𝚒𝚜𝚌𝚛𝚒𝚖𝚒𝚗𝚊𝚗𝚝𝚜 𝚝𝚑𝚎𝚢 𝚑𝚊𝚟𝚎 𝚗𝚘𝚝 𝚋𝚎𝚎𝚗 𝚜𝚎𝚛𝚒𝚘𝚞𝚜𝚕𝚢 𝚌𝚘𝚗𝚜𝚒𝚍𝚎𝚛𝚎𝚍 𝚏𝚘𝚛 𝚒𝚗𝚌𝚕𝚞𝚜𝚒𝚘𝚗 𝚒𝚗 𝙱𝚒𝚝𝚌𝚘𝚒𝚗. """ . . คำชี้แจงดังกล่าวพูดถึงผลเสียที่แลกมา เกี่ยวข้องกับโอกาสเสี่ยงเล็ก ๆ ที่อาจจะกระทบกับ ประสิทธิภาพแทนกันได้ หรือ ฟังจิบิลลิตี้ (𝚏𝚞𝚗𝚐𝚒𝚋𝚒𝚕𝚒𝚝𝚢) ของบัญชีธุรกรรมบิทคอยน์ (𝚞𝚝𝚡𝚘) แต่ละตัว เพราะโคฟเวอแน้นท์เป็นการกำหนดล่วงหน้าหนทางของธุรกรรมถัดไป ไม่ให้ใช้จ่ายทางไม่พึงประสงค์ของผู้จ่ายธุรกรรมแรก สมรรถภาพนี้อยู่ในโปรโตคอลบิทคอยน์อยู่แล้วในสามรูปแบบที่แรกว่า 𝚑𝚊𝚜𝚑𝚕𝚘𝚌𝚔 รากฐานลึกลงไปของเครือข่ายสภาพคล่องไลท์นิ่ง, 𝚝𝚒𝚖𝚎𝚕𝚘𝚌𝚔 รากฐานลึกลงไปของเลเยอร์สองอื่น ๆ และท้ายสุดคือมัลติซิก (𝚖𝚞𝚜𝚒𝚐, 𝚖𝚞𝚜𝚒𝚐𝟸) หรือการประสานงานสร้างธุรกรรมจากหลาย ๆ ลายเซ็นของผู้ใช้งาน . . โคฟเวอแน้นท์เป็นก้าวถัดไปของความสามารถล็อกธุรกรรมล่วงหน้าในรูปแบบตรรกะสัญญาอัจฉริยะ ที่อาจจะมีผลข้างเคียงกับเครือข่ายโดยกว้างมากที่สุด จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่นักพัฒนาเด็ฟเวล็อปเปอร์ในปัจจุบันโต้เถียงกันมากมาย ว่าอ๊อพโค้ดไหนเป็นตัวเต็งควรได้รับความสนใจจากบนสนทนาซอฟท์ฟอร์ก โดยมีกลุ่มต่อต้าน 𝙶𝚂𝚁/𝙻𝙽𝙷𝙰𝙽𝙲𝙴 เพียงแค่ต้องการ 𝙾𝙿_𝚅𝙰𝚄𝙻𝚃 สำหรับการสร้างกองคลังปลอดภัยสูงเท่านั้น ผู้จำกัดความสามารถโคฟเวอแน้นท์โดยแคบไม่ให้ถลำสร้างเครื่องมือครอบคลุมเครือข่ายทางรัฐ อย่างกลุ่ม 𝙲𝚃𝚅+𝙲𝚂𝙵𝚂 โดยมีผู้นำทางความคิดจากหลาย ๆ กลุ่ม และผู้ต้องการทำทุกอย่างบนโลกนี้ รวมถึง 𝙽𝙵𝚃 และ 𝙳𝚎𝙵𝚒 ที่เรียกตัวเองว่า 𝚃𝚊𝚙𝚛𝚘𝚘𝚝 𝚆𝚒𝚣𝚊𝚛𝚍𝚜 กับ 𝚂𝚝𝚊𝚛𝚔𝚆𝚊𝚛𝚎 สนับสนุนการย้อนคืนกลับมาใช้ 𝙾𝙿_𝙲𝙰𝚃 ที่มีผู้เขียนนามแฝงว่าซาโตชิ นาคาโมโตะ หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง . . เพื่อน ๆ สนใจการเพิ่มเติมความสามารถโคฟเวอแนนท์ไหนให้กับบิทคอยน์บ้างครับ หรือมีความชั่งใจอยากเห็นการทดลองบนเทสท์เน็ตให้กับข้อนำเสนอเหล่านี้ให้นานกว่านี้ ก่อนที่จะกระทบเครือข่ายเงินกระจายศูนย์ตัวแรกและตัวเดียวของโลก ที่สามารถทนทานแรงกดดันจากรัฐบาลได้ และคงเป็นเงินยืนกลางตัวเดียวที่เราเห็นหลังจากการออนไลน์มา 16 ปี . . #Bitcoin #Bitdev #Covenant #Siamdev #Siamstr image