บิทคอยน์ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน ไม่ใช่บิทคอยน์ที่ใช้ความสามารถทั้งหมดที่เคยมี . . เรากำลังพูดถึงโปรโตคอลของบิทคอยน์ที่คัดแยกความสามารถของสคริปท์ตามหมวดหมู่ และมีหมวดหมู่หนึ่งที่ซาโตชิ นาคาโมโตะเป็นผู้เขียนและนำออกไปจากมือผู้ใช้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมปีคศ. 2010 จากเหตุผลความสามารถหยุดชะงักเครือข่ายบิทคอยน์โดยกว้าง จากการแฝงใช้งานอ๊อพโค้ด 𝙾𝙿_𝙻𝚂𝙷𝙸𝙵𝚃 สร้าง 𝙳𝚎𝚗𝚒𝚊𝚕 𝚘𝚏 𝚂𝚎𝚛𝚟𝚒𝚌𝚎 และเป็น ℂ𝕍𝔼 ตัวแรกของบิทคอยน์หลังจากเริ่มใช้บรรทัดฐานชื่อว่าบิ๊พส์ (𝙱𝚒𝚝𝚌𝚘𝚒𝚗 𝙸𝚖𝚙𝚛𝚘𝚟𝚎𝚖𝚎𝚗𝚝 𝙿𝚛𝚘𝚙𝚘𝚜𝚊𝚕𝚜) หมายเลข ℂ𝕍𝔼-𝟚𝟘𝟙𝟘-𝟝𝟙𝟛𝟟 ที่ไม่มีการกล่าวโดยตรงถึงอ๊อพโค้ดเจ้าปัญหาในปีปัจจุบัน ชื่อว่าอ๊อพแคท แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแลกเปลี่ยน 𝘵𝘳𝘢𝘥𝘦-𝘰𝘧𝘧 ที่ผู้บุกเบิกพัฒนาบิทคอยน์ต้องเลือก ในการดูแลรักษาระบบ เมื่อเปรียบกับความสามารถยืดหยุ่นของผู้ใช้ . . เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้โปรโตคอลของบิทคอยน์เกิดความล่าช้าในการดัดแปลงใช้ธุรกรรมเชิงซับซ้อนเช่น โคฟเวอแน้นท์ (𝚌𝚘𝚟𝚎𝚗𝚊𝚗𝚝) หัวข้อหลัก ๆ ของเราในวันนี้ และกลุ่มผู้ต้องการฟื้นฟูความสามารถเหล่านี้เช่นกลุ่ม 𝙶𝚛𝚎𝚊𝚝 𝚂𝚌𝚛𝚒𝚙𝚝 𝚁𝚎𝚜𝚝𝚘𝚛𝚊𝚝𝚒𝚘𝚗 (𝙶𝚂𝚁) กับกลุ่ม 𝙻𝙽𝙷𝙰𝙽𝙲𝙴 ผู้ต้องการเห็นโหนดไลท์นิ่งมากกว่าดาวบนท้องฟ้า​โดยมุ่งมั่นการมอบความสามารถ 𝙻𝚗-𝚂𝚢𝚖𝚖𝚎𝚝𝚛𝚢 หรือการควบคุมสภาพคล่องอัตโนมัติ แทนที่อัตโนมือที่หลาย ๆ ผู้รันโหนดไลท์นิ่งต้องพบเจอ โคฟเวอแน้นท์คือธุรกรรมเชิงซับซ้อนที่ตอบโจทย์เหล่านี้โดยตรง และบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับโคฟเวอแน้นท์ได้เปลี่ยนไปมาก เมื่อเปรียบเทียบ ก่อน-หลัง การซอฟท์ฟอร์กสำคัญของเครือข่ายบิทคอยน์ล่าสุด ที่เรียกรวม ๆ กันว่าแท็พรูท ที่นอกจากเพิ่มกลไกไขรหัสบนลายเซ็นชนอร์ (𝚂𝚌𝚑𝚗𝚘𝚛𝚛 𝚜𝚒𝚐𝚗𝚊𝚝𝚞𝚛𝚎) ยังมีการจำกัดขนาดแสต็กของสคริปท์บิทคอยน์ ไม่ให้ทำการดีไนอัลออฟเซอร์วิสต่อโหนดรอบกว้างได้ง่าย ๆ เพราะธุรกรรมเชิงซับซ้อนของบิทคอยน์ สามารถถูกเขียนลงบนบล็อกเชนในขนาดกะทัดรัดได้ ด้วยลายเซ็นชนอร์ เป็น 𝚠𝚒𝚗-𝚠𝚒𝚗 ของผู้เขียนซอฟท์แวร์วอลเล็ต หรือออกแบบแอพพลิเคชั่นขั้นสูงได้ง่าย . . เมื่อผ่านการซอฟท์ฟอร์กแท็พรูทมาแล้ว ไซเฟอร์พังก์ หวนกลับมามองเครือข่ายบิทคอยน์ ที่เป็นน้ำนิ่งทำหน้าที่เฮ็ดจ์ความขาดเสถียรภาพรอบด้าน กับเหรียญย้อมแมวเลียนแบบสองล้านตัว ที่เพิ่มเติมโคฟเวอแน้นท์ตามผังบิทคอยน์ทอล์คฟอรั่มไปทั่ว เรียกแขกเรียกผู้ใช้อย่างไร้ผล กลุ่ม GSR นำโดยคุณรัสตี้ รัสเซลนำเสนอรูปแบบกองคลังความปลอดภัยสูง เรียกว่า Vault บนบิทคอยน์สคริปท์ ไม่พึ่งพาคัสโตเดี้ยนหรือมือที่สามให้ตรวจสอบฐานข้อมูลบล็อกเชนยี่สิบชั่วโมง เป็นการเพิ่มเติมความสามารถหลัก ๆ จากการพัฒนาเชิงโคฟเวอแน้นท์ (Covenant) แต่โคฟเวอแน้นท์เอง ไม่ใช่เครื่องมือหนักหน่วงอะไรตามชื่อเท่ห์ ๆ ขนาดนั้น แล้วโคฟเวอแน้นท์คืออะไรกันแน่ ทำไม Krutt ผู้ศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการเงินไร้ศูนย์กลางบนบิทคอยน์ถึงเขียนถึงมันไม่จบเสียที เราลองมาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันนะครับ . . เจเรอมี่ รูบิน ผู้เขียนข้อนำเสนอบิทคอยน์อิมพรูฟเมนท์โพรโพซ่อลหมายเลข 118 ที่เป็นข้อนำเสนอหัวแถวได้รับความยอมรับจากคอมมูบิทเด็ฟส์มากที่สุดในปัจจุบัน และผู้ชี้แจงและแก้ไขปัญหา 𝚃𝚊𝚙𝚛𝚘𝚘𝚝 𝙳𝚎𝚗𝚒𝚊𝚕 𝚘𝚏 𝚂𝚎𝚛𝚟𝚒𝚌𝚎 𝙱𝚞𝚐 เมื่อเดือนมีนาคมนี้ กล่าวอธิบายเกี่ยวกับโคฟเวอแน้นท์ดังนี้, . . """ 𝙲𝚘𝚟𝚎𝚗𝚊𝚗𝚝𝚜 𝚊𝚛𝚎 𝚛𝚎𝚜𝚝𝚛𝚒𝚌𝚝𝚒𝚘𝚗𝚜 𝚘𝚗 𝚑𝚘𝚠 𝚊 𝚌𝚘𝚒𝚗 𝚖𝚊𝚢 𝚋𝚎 𝚜𝚙𝚎𝚗𝚝 𝚋𝚎𝚢𝚘𝚗𝚍 𝚔𝚎𝚢 𝚘𝚠𝚗𝚎𝚛𝚜𝚑𝚒𝚙. 𝙲𝚘𝚟𝚎𝚗𝚊𝚗𝚝𝚜 𝚌𝚊𝚗 𝚋𝚎 𝚞𝚜𝚎𝚏𝚞𝚕 𝚝𝚘 𝚌𝚘𝚗𝚜𝚝𝚛𝚞𝚌𝚝 𝚜𝚖𝚊𝚛𝚝 𝚌𝚘𝚗𝚝𝚛𝚊𝚌𝚝𝚜. 𝙰𝚜 𝚌𝚘𝚟𝚎𝚗𝚊𝚗𝚝𝚜 𝚊𝚛𝚎 𝚌𝚘𝚖𝚙𝚕𝚎𝚡 𝚝𝚘 𝚒𝚖𝚙𝚕𝚎𝚖𝚎𝚗𝚝 𝚊𝚗𝚍 𝚛𝚒𝚜𝚔 𝚘𝚏 𝚒𝚗𝚝𝚛𝚘𝚍𝚞𝚌𝚒𝚗𝚐 𝚏𝚞𝚗𝚐𝚒𝚋𝚒𝚕𝚒𝚝𝚢 𝚍𝚒𝚜𝚌𝚛𝚒𝚖𝚒𝚗𝚊𝚗𝚝𝚜 𝚝𝚑𝚎𝚢 𝚑𝚊𝚟𝚎 𝚗𝚘𝚝 𝚋𝚎𝚎𝚗 𝚜𝚎𝚛𝚒𝚘𝚞𝚜𝚕𝚢 𝚌𝚘𝚗𝚜𝚒𝚍𝚎𝚛𝚎𝚍 𝚏𝚘𝚛 𝚒𝚗𝚌𝚕𝚞𝚜𝚒𝚘𝚗 𝚒𝚗 𝙱𝚒𝚝𝚌𝚘𝚒𝚗. """ . . คำชี้แจงดังกล่าวพูดถึงผลเสียที่แลกมา เกี่ยวข้องกับโอกาสเสี่ยงเล็ก ๆ ที่อาจจะกระทบกับ ประสิทธิภาพแทนกันได้ หรือ ฟังจิบิลลิตี้ (𝚏𝚞𝚗𝚐𝚒𝚋𝚒𝚕𝚒𝚝𝚢) ของบัญชีธุรกรรมบิทคอยน์ (𝚞𝚝𝚡𝚘) แต่ละตัว เพราะโคฟเวอแน้นท์เป็นการกำหนดล่วงหน้าหนทางของธุรกรรมถัดไป ไม่ให้ใช้จ่ายทางไม่พึงประสงค์ของผู้จ่ายธุรกรรมแรก สมรรถภาพนี้อยู่ในโปรโตคอลบิทคอยน์อยู่แล้วในสามรูปแบบที่แรกว่า 𝚑𝚊𝚜𝚑𝚕𝚘𝚌𝚔 รากฐานลึกลงไปของเครือข่ายสภาพคล่องไลท์นิ่ง, 𝚝𝚒𝚖𝚎𝚕𝚘𝚌𝚔 รากฐานลึกลงไปของเลเยอร์สองอื่น ๆ และท้ายสุดคือมัลติซิก (𝚖𝚞𝚜𝚒𝚐, 𝚖𝚞𝚜𝚒𝚐𝟸) หรือการประสานงานสร้างธุรกรรมจากหลาย ๆ ลายเซ็นของผู้ใช้งาน . . โคฟเวอแน้นท์เป็นก้าวถัดไปของความสามารถล็อกธุรกรรมล่วงหน้าในรูปแบบตรรกะสัญญาอัจฉริยะ ที่อาจจะมีผลข้างเคียงกับเครือข่ายโดยกว้างมากที่สุด จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่นักพัฒนาเด็ฟเวล็อปเปอร์ในปัจจุบันโต้เถียงกันมากมาย ว่าอ๊อพโค้ดไหนเป็นตัวเต็งควรได้รับความสนใจจากบนสนทนาซอฟท์ฟอร์ก โดยมีกลุ่มต่อต้าน 𝙶𝚂𝚁/𝙻𝙽𝙷𝙰𝙽𝙲𝙴 เพียงแค่ต้องการ 𝙾𝙿_𝚅𝙰𝚄𝙻𝚃 สำหรับการสร้างกองคลังปลอดภัยสูงเท่านั้น ผู้จำกัดความสามารถโคฟเวอแน้นท์โดยแคบไม่ให้ถลำสร้างเครื่องมือครอบคลุมเครือข่ายทางรัฐ อย่างกลุ่ม 𝙲𝚃𝚅+𝙲𝚂𝙵𝚂 โดยมีผู้นำทางความคิดจากหลาย ๆ กลุ่ม และผู้ต้องการทำทุกอย่างบนโลกนี้ รวมถึง 𝙽𝙵𝚃 และ 𝙳𝚎𝙵𝚒 ที่เรียกตัวเองว่า 𝚃𝚊𝚙𝚛𝚘𝚘𝚝 𝚆𝚒𝚣𝚊𝚛𝚍𝚜 กับ 𝚂𝚝𝚊𝚛𝚔𝚆𝚊𝚛𝚎 สนับสนุนการย้อนคืนกลับมาใช้ 𝙾𝙿_𝙲𝙰𝚃 ที่มีผู้เขียนนามแฝงว่าซาโตชิ นาคาโมโตะ หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง . . เพื่อน ๆ สนใจการเพิ่มเติมความสามารถโคฟเวอแนนท์ไหนให้กับบิทคอยน์บ้างครับ หรือมีความชั่งใจอยากเห็นการทดลองบนเทสท์เน็ตให้กับข้อนำเสนอเหล่านี้ให้นานกว่านี้ ก่อนที่จะกระทบเครือข่ายเงินกระจายศูนย์ตัวแรกและตัวเดียวของโลก ที่สามารถทนทานแรงกดดันจากรัฐบาลได้ และคงเป็นเงินยืนกลางตัวเดียวที่เราเห็นหลังจากการออนไลน์มา 16 ปี . . #Bitcoin #Bitdev #Covenant #Siamdev #Siamstr image
แล้วใครไปบอกคุณหล่ะ ว่าสาวมากความสามารถผู้สร้างแบบเรียนแบบสอน 𝕊𝕒𝕥𝕤𝕚𝕖'𝕤 ℤ𝕚𝕟𝕖𝕤 ที่อธิบายความรู้เชิงเทคนิคหลากหลายเรื่องเช่น 𝕊𝕚𝕝𝕖𝕟𝕥 ℙ𝕒𝕪𝕞𝕖𝕟𝕥𝕤 และ 𝕊𝕥𝕣𝕒𝕥𝕦𝕞 𝕍𝟚 เขาเขียนแบบเรียนไว้แค่บนกระดาษเท่านั้น ใครที่ยังไม่เคยลองเล่นเกมศึกษาบิทคอยน์ แล้วพิสูจน์ด้วยตนเองว่าเจ็นเนซิสบล็อก มีข้อความลับซ่อนอยู่ลองไปเล่นดูได้บนเกม 𝕊𝕒𝕧𝕚𝕟𝕘 𝕊𝕒𝕥𝕠𝕤𝕙𝕚 ของทีมชื่อเดียวกัน พอถึงบทเรียนที่สามแล้วมาปรีกษากันว่าเราจะส่งใครไปช่วยทีมเขาแปลบทรีโปอิสระบนกิทฮับให้เกมนี้มีภาษาไทยซัพพอร์ทสำหรับบิทคอยเน่อร์รุ่นถัดไปกันด้วย #Bitcoin #Bitdev #SatsiesZine #SatsiesZines #SavingSatoshi #Siamdev #Siamstr image