Imperfect Action ลงมือทำทั้งที่ยัง "ไม่พร้อม"ถ้าทำถูกเรื่อง ชีวิตดีขึ้นได้นะ - sats and sound Ep.41 หลายๆคนคงจะเคยเป็นแบบผมคือ เรามานั่งคิด หรือวางแผนชีวิตในเรื่องต่างๆ รวมถึงความผิดพลาดในอดีต "ถ้าทําอย่างนั้นถ้าอย่างนี้ ชีวิตคงดีกว่าที่เป็น" ในบางครั้งทําให้สมองของเรา ติดอยู่กับการกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น กังวลล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ในหัวคิดอยู่แค่ว่า ฉันยังไม่พร้อม ทําให้เราอาจจะไม่กล้าลุกขึ้นมาทําอะไรใหม่ๆ หรือ ทําสิ่งที่ท้าทายมากขึ้น เพราะสมองเราจะติดอยู่กับ เซฟโซน ที่รู้สึกปลอดภัย เป็นระบบการเอาตัวรอดของสมองนั่นเอง ตัวผมเองก็ไม่ต่างจากทุกคน ในการเลือกทางเดินชีวิต ในหัวผมก็จะคิดถึงแต่เซฟโซนก่อน เลือกเดินในทางที่ความเสี่ยงน้อยๆ และไม่พร้อมสําหรับสิ่งใหม่ ยิ่งอายุเยอะเราจะติดอยู่ในเซฟโซนนานขึ้น เพราะเราเสี่ยงได้น้อยลงเรื่อยๆ แต่อยากให้มองกลับกันดูว่า ที่จริงแล้ว ชีวิตคนเรา "มันไม่มีอะไรสมบรูณ์ หรือ พร้อมเลยนะ" ในธรรมชาติทุกอย่างล้วนแต่ไม่สมบรูณ์แบบแต่มีการพัฒนาเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ พอคิดได้แบบนี้ ร่วมกับ ทบทวนอดีตที่ผ่านมา ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ เริ่มทําสิ่งใหม่ โดยที่ไม่พร้อมมาตลอด Imperfect Action มันผ่านการคิดมาระดับหนึ่งแล้วว่ามันน่าจะดี ยกตัวอย่างเช่น เช่น - ช่องยูทูป Sats and Sound เชื่อมั้ยว่าช่องนี้มันเกิดจาก ความคิดแค่แว๊บเดียวของผม ที่อยากจะสร้างช่อง podcast ให้ความรู้เกี่ยวกับบิทคอย และ การพัฒนาตัวเอง ผ่านประสบการณ์และความคิดของผม ในตอนนี้ตัวผมเอง ร่ำรวย ประสบความสําเร็จหรือเก่งเรื่องต่างๆขนาดนั้นมั้ย ต้องตอบว่า ไม่ ที่ทําเพราะแค่อยากทําและคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นได้ เหตุผลง่ายๆเท่านี้เลยครับ พอได้เริ่มทําแล้ว เราจะพัฒนาทักษะที่ต้องใช้ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ทําคลิป การหาหัวข้อ หรือ ข้อมูลที่ดี สิ่งเหล่านี้มันได้ขัดเกลาให้ผมเป็นคนมายเซ็ตดีขึ้นจริงๆนะครับ - การออกกําลังกาย สมัยก่อน ตัวผมเองก็ศึกษาเรื่องการออกกําลังกาย และ ออกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สมํ่าเสมอ บางครั้งก็งานยุ่งไม่ได้ออก แต่หลังจากผมไปฟังคลิปหนึ่ง ผมก็ตัดสินใจออกกําลังกายอย่างสมํ่าเสมอ ฟังคลิปจบ ผมหาวางแผนชีวิตเลยว่า เราจะทํายังไงเพื่อให้ ออกกําลังกายได้อย่างสมํ่าเสมอ คาร์ดิโอ ได้ตามเป้าหมาย สุดท้ายผมก็ไปซื้อเครื่องคาร์ดิโอเล็กๆมา 1 ชิ้น ลูกกลิ้ง 1 ชิ้น พร้อมตั้งเป้าหมายว่า กลับมาจากที่ทํางานต้องออกกําลังกายทันที คาร์ดิโอตั้งเป้า อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่ง Imperfect Action ที่ต้องลงมือทําเลย ถ้าไม่เริ่มก็คงไม่ได้ทําสักที ช่วงแรก ออกก็ผืนๆ แต่พอทําได้ต่อเนื่อง ตามเป้าหมาย ผมก็จะออกกําลังกายได้ อัตโนมัติ พอร่างกายดี สุขภาพดี มันก็ทําให้ผมยิ่งมีความสุข มากขึ้น - รายได้เสริม ตอนนี้ถ้ายิ่งหารายได้หลายทาง ก็ยิ่งดี เพราะเงินหายาก ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ตัวผมเองก็มานั่งคิดว่าเราจะเพิ่มรายได้ทางอื่นยังไงบ้าง ผมก็ทําไปหลายอย่าง ยิ่งต้องหาเงินไป stack sat ยิ่งต้องขยันนะ เพราะเงินเฟ้อมันไม่รอใคร 1 ออกไปทําพาร์ททาม เหมือนในคลิปที่เคยเล่า ถามว่าผมมีประสบการณ์การทํางานมั้ย บอกเลยว่าไม่มี ก็ลองเข้าไปทํา เรียนรู้งาน นอกจากได้เงินแล้ว ผมยังได้ประสบการณ์ต่างๆด้วยไม่ว่าจะเป็นการทํางาน หรือการอยู่กับคน หรือมองคนในไทป์ต่างๆ 2 ทําคลิป affiliate ในแพลตฟอร์มต่างๆ อันนี้ผมคิดว่าเบื้องต้นไม่มีใครพร้อมแน่นอน ช่วงแรกวุ่นวายหลายอย่างเลย ไหนจะหาสินค้า ทําคลิป ทักษะการพูด การตัดต่อ ให้น่าซื้อ ไหนจะวินัยในการอัพโหลดวิดีโอ ไหนจะต้องศึกษาแนวทางคลิปที่ healthy กับแพลตฟอร์ม ใครทุนหนาก็ยิงแอดอีก แต่ผมสาย organic ไม่ยิงแอดครับเปลืองเงินเปล่าๆ ไม่ว่าจะเป็นงานออฟไลน์ได้เงินเป็นชั่วโมง หรือ งานออนไลน์ที่ผมทํา ทุกอย่างล้วนแต่เกิดจากการตัดสินใจลงมือทําทั้งที่ยังไม่พร้อมทั้งนั้น ทุกๆทักษะมันจะทําได้เราเกิดการเรียนรู้และความชํานาญ ทําให้ผมรู้ว่าเราชอบอะไร และสิ่งไหนเอาไปต่อยอดได้บ้าง ถ้าเราไม่ทําอะไรใหม่เลย กลัวทุกอย่าง ชีวิตเราก็จะไม่พัฒนาขึ้น การได้มองโลกหรืออยู่ในมุมมองวิธีคิดแบบใหม่ มันดีเหมือนกันนะ แต่ Imperfect Action มันก็ไม่ได้ดีในทุกเรื่องนะครับ ที่ยกตัวอย่างมาคือ การเริ่มลงมือทําในสิ่งใหม่ ที่สร้างประโยชน์ให้เรานะ ทุกอย่างถ้าผ่านการคิดมาแล้วมาทําสิ่งนี้มีผลดี แต่ถ้า เราทํา Imperfect Action ที่แย่เช่น ตัดสินใจกู้เงินมาทําธุรกิจแบบไม่คิดให้ดี ผ่อนบ้าน ผ่อนรถโดยไม่เคยทํารายรับรายจ่าย เซ็นง่ายๆโดยเห็นว่า ตอนนี้ฉันผ่อนไหว ถ้ากรณีแบบนี้ นรกจะถามหาได้ เพราะ มันจะเกิดภาระระยะยาว เสียโอกาสทําอย่างอื่นทีดีกว่ามหาศาล ถ้าใครผ่านมันไปได้ก็ดี แต่ถ้าผ่านมันไปไม่ได้ คุณจะติดกับดักและเหนื่อยมากๆ Imperfect Action มันดีที่สุดก็ต่อเมื่อเราคิดหน้าคิดหลังให้ดีว่า มันส่งผลระยะยาวอย่างไรบ้าง สรุปข้อดีของ Imperfect Action 1. เอาชนะความกลัวและความลังเล หลายครั้งที่เราไม่กล้าเริ่มทำอะไรใหม่ๆ เพราะกลัวความล้มเหลว กลัวว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีพอ การลงมือทำทั้งที่ยังไม่พร้อมช่วยให้เราก้าวข้ามความรู้สึกนี้ไปได้ เพราะเป้าหมายไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก แต่คือการได้ "เริ่ม" ทำต่างหาก 2. ได้เรียนรู้และแก้ไขไปในตัว เมื่อคุณเริ่มลงมือทำ คุณจะได้เห็นข้อผิดพลาดและจุดที่ต้องปรับปรุงจริงๆ การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าการวางแผนอยู่เสมอ เพราะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและประสบการณ์ที่แท้จริง ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เหมือนคำพูดที่ว่า "คนที่ไม่เคยทําความผิด คือคนที่ไม่เคยทําอะไรเลย" ดังนั้นอย่างกลัวความผิดพลาด 3. สร้างแรงผลักดันและโมเมนตัม การเริ่มต้นทำสิ่งเล็กๆ แม้ไม่สมบูรณ์แบบ ก็เป็นเหมือนการสร้างโมเมนตัม (Momentum) หรือแรงผลักดันให้คุณอยากทำสิ่งต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นความคืบหน้าแม้เพียงเล็กน้อย คุณจะรู้สึกมีกำลังใจและมีแรงบันดาลใจที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อ 4. ประหยัดเวลาในชีวิต การรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบก่อนลงมือทำอาจใช้เวลาและพลังงานไปอย่างมาก ซึ่งบางครั้งก็เปล่าประโยชน์ เพราะอาจมีปัจจัยที่เราไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้นอยู่เสมอ การลงมือทำแบบ Imperfect Action ช่วยให้คุณนำเวลาและพลังงานไปใช้กับการลงมือทำจริงๆ มากกว่าการวางแผนที่ไม่มีวันสิ้นสุด วางแผน ทํา และแก้ปัญหาไปเลย ประหยัดเวลาชีวิตกว่าเยอะมาก 5. เพิ่มโอกาสในการค้นพบสิ่งใหม่ๆ เมื่อคุณเริ่มทำ คุณอาจค้นพบเส้นทางใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ หรือแม้แต่ความชอบใหม่ๆ ที่ไม่เคยคิดมาก่อนก็ได้ การลงมือทำแบบนี้จึงเปิดโอกาสให้คุณได้สำรวจและค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง 6. Imperfect Action ต้องทําให้ถูกเรื่อง ถึงการทําโดยไม่พร้อมจะมีความเสี่ยง แต่ถ้าเราวางแผน ผ่านกระบวนการคิดมาแล้ว ก็ช่วยลดความเสี่ยง หรือรับมือกับสิ่งนั้นได้ #siamstr #พัฒนาตัวเอง #ลงมือทำ #btc #bitcoin #ออกกำลังกาย #รายได้เสริม
ของไม่จําเป็น ไม่ซื้อในทันทีทําแค่นี้ ประหยัดได้มหาศาล - sats and sound EP28 ตอนนี้พวกเราอยู่ในยุคการซื้อของออนไลน์ ที่ง่ายดายไปหมดไม่ว่าจะเป็น การหาของที่ต้องการ คลิปป้ายยาแปะพิกัด การจ่ายเงิน กดสั่งง่ายๆหน้าจอมือถือที่บ้าน อีก 2-3 วันของก็มาส่งแล้ว สะดวกสบายมาก เทียบกับ 10 ปีก่อน พฤติกรรมของผมเปลี่ยนไปเลย ตอนนี้ผมซื้อ ออนไลน์ 95% แล้ว ผมว่าคนไทยส่วนมากก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พอซื้อง่าย จ่ายง่าย แถมมีเทรน ของมันต้องมี อยู่ตลอด ทําให้บางครั้งเราอาจจะไปซื้อสินค้าที่ไม่ได้จําเป็นต่อเราขนาดนั้น เบื้องหน้าการช้อปปิ้งบําบัดเพื่อความสุขแบบนี้ มันคือ การใช้ชีวิตแบบ High Time Preference ที่ตัวผมเองก็เป็น แต่ผมเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากมัน โดยที่รู้เท่าทันตัวเอง สินค้าที่เราต้องซื้อผมจะแบ่งออกเป็น 4 แบบ ตามความจําเป็นและความเร่งด่วนของสินค้านั้นๆ 1 สินค้าจําเป็นและเร่งด่วน 2 สินค้าไม่จําเป็นแต่เร่งด่วน 3 สินค้าจําเป็นแต่ไม่เร่งด่วน *** 4 สินค้าไม่จําเป็นและไม่เร่งด่วน 1 สินค้าจําเป็นและเร่งด่วน สินค้ากลุ่มนี้คือสิ่งที่คุณต้องมีทันที และขาดไม่ได้ เพราะมีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวัน สุขภาพ ความปลอดภัย หรือการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ - ป่วยต้องไปซื้อยามากิน - ฝักบัวที่บ้านเสีย ต้องซื้อใหม่เลย - มือถือ ถ้าเสีย หรือ ทําหาย สมัยก่อนผมใช้ ไอโฟน 5s ซึ่งพังคามือเลย ข้อมูลหายหมด ทําให้ผมต้องไปยืมมือถือสํารองเพื่อนใช้ระหว่าง รอเครื่องใหม่ ใช้ชีวิตลําบากมาก แต่ตอนนั้น ยังไม่ได้ใช้แอฟธนาคารจ่ายเงิน ถ้าเป็นตอนนี้ ไม่มีมือถือไม่ได้เลย - คอมพิวเตอร์ที่ทํางาน หาเงิน เสียกระทันหัน ชีวิตวุ่นวาย - รถเสีย/อุบัติเหตุ ต้องซ่อมทันที เพราะไม่งั้นเราเดินทางไม่ได้ แนะนํา - พวกนี้ยังไงก็ต้องซื้อใช้เลย ถ้าไม่มีลำบาก จัดการเงินไว้ก่อนชีวิตจะไม่ได้สะดุด - ในกรณีที่สินค้านั้นราคาไม่แพงมากเช่น ไม่เกิน 1000 บาท ผมใช้เงินรายเดือนได้เลยเพราะผมได้กันเงินไว้เผื่อซื้อของพวกนี้ไว้อยู่แล้ว เคสจริงจากด้านบน ซื้อยา หรือฝักบัวในบ้านพัง ใช้เงินรายเดือนนี่แหละ สรุปรายเดือนเหลือเท่าไหร่ก็ค่อยเก็บออม - ถ้าสินค้านั้นราคาแพงมาก อาจจะสัก 2-3พันบาท หรือ แพงกว่านั้น ผมจะใช้เงินสํารองฉุกเฉินมาใช้ (ประมาณ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน) โดยหลังจากนั้นก็ค่อยๆเก็บสะสมให้เท่าเดิม มือถือพัง คอมพัง และรถเสียใช้เงินสํารองฉุกเฉินที่เก็บไว้มาใช้ 2 สินค้าไม่จําเป็นแต่เร่งด่วน กลุ่มสินค้าที่ไม่ต้องมีก็ได้ แต่ตอนนั้นมีโอกาสที่ซื้อในราคาถูกมาก หรือเป็นสิ่งที่ทําให้เรามีความสุข - ตั๋วคอนเสิร์ต/ตั๋วเครื่องบินราคาโปรโมชันแบบ Flash Sale - ของขวัญให้คนสําคัญในวันพิเศษ หรือ hang out กับเพื่อนๆ - งานภาษีสังคมต่างๆ เช่น งานแต่ง งานศพ งานบวช แนะนํา - กลุ่มนี้ก็ใช้การบริหารเงินเหมือนกับกลุ่มแรกได้เลย ผมกันเงินไว้ส่วนหนึ่งรายเดือนเผื่อใช้อยู่แล้ว - เราสามารถลดหรือตัดได้ เช่น ไม่จําเป็นต้องไป hang out คอนเสิร์ตทุกครั้งที่เพื่อนชวน - งานภาษีสังคมต่างๆ ผมก็จะเลือกไปบางงาน งานไหนไม่ได้ไปก็ส่งเงินไปแทน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่ต้องลางานด้วย กลุ่มสินค้าที่ต้องใช้ด่วน หลักคิดสําคัญคือการบริหารเงินและดูความจําเป็น ชีวิตจะได้ไม่สะดุด 3 สินค้าจําเป็นแต่ไม่เร่งด่วน เป็นกลุ่มที่เราต้องใช้ความสําคัญมากที่สุด มันคือของจำเป็นแต่ไม่ต้องใช้ตอนนี้เดี๋ยวนี้ กลุ่มนี้แหละที่ผมจะใช้ทริคไม่ซื้อเลยในทันที จะมีการวางแผน คิดนานขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า เราต้องซื้อสินค้านี้จริงๆ เป็นกลุ่มที่ผมโฟกัสที่สุด เพราะเป็นของส่วนใหญ่ในชีวิตที่ผมซื้อ ถ้าเราจัดการกลุ่มนี้ดี แล้วเราจะประหยัดได้มหาศาล - เสื้อผ้า - ของใช้ทั่วไป เช่น สบู่ ยาสีฟัน สกินแคร์ ทิชชู่ - ของใช้ในบ้านที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้เรา ซึ่งความจําเป็นต้องขึ้นอยู่กับบุคคลอีกทีครับ เช่น โครงเตียงเหล็ก เครื่องเติมอากาศ - มือถือส่วนตัวที่ใกล้พัง แนะนํา - ผมจะ list ของใช้ที่จําเป็น แล้ว กดใส่ตระกร้าไว้ก่อน เพื่อจะได้ไม่ลืม แต่จะไม่กดซื้อทันที สิ่งที่ผมทําคือ คิดนานๆ หาข้อมูลเยอะๆ สัก 2-3 วัน แล้วกลับมาคิดอีกทีว่า สินค้านั้นยังจําเป็นมั้ย ทําให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้น สะดวกขึ้น หรือแค่อยากได้ - ถ้าเป็นเสื้อผ้า แน่นอนครับ ซื้อของลดราคา และเลือกทุกอย่างสีพื้นๆ ลายน้อยๆ เนื้อผ้าสมราคา เพื่อใส่ได้หลายๆงาน ด้วยหลักการนี้ทําให้ 5 ปีที่ผ่านมา ผมซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดไม่ถึง 10 ตัว ถ้าใครซื้อออนไลน์ ถ้าชอบร้านไหนลองซื้อมาลองสัก 1 ตัวก่อน ถ้าโอเคค่อย list เป็นร้านที่ซื้อได้ - ถ้าเป็นของทั่วไป ราคาไม่เกิน 1,000 บาท เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผมจะดูโปรโมชั่นแล้วซื้อครั้งละเยอะๆใช้ได้ 3-6 เดือน ถ้าเราซื้อตัวไหนบ่อยๆเราจะรู้ว่า ราคาสินค้ามันประมาณไหน ตัวไหนมีโปรโมชั่น 1 แถม 1 ก็ค่อยกดตอนโปร ต้องรู้และรอเป็น - ถ้าเป็นสินค้าราคาสูง เช่นหลายพันบาท ผมจะหาข้อมูล ใช้เวลาพิจารณาหลายๆวันว่าสิ่งนี้มันจำเป็นจริงๆมั้ย เอาความอยากได้กับเหตุผลสู้กันก่อน แนะนําเขียนข้อดีข้อเสีย ออกมาเลย ว่าเราจําเป็นต้องใช้ไหม -- ตัวอย่างเคสจริง เตียงโครงเหล็ก ผมเพิ่งย้ายที่อยู่มาใหม่ ห้องไม่มีอะไรเลย ที่นอนเราซื้ออยู่แล้ว แต่โครงเตียงอ่ะ ผมชั่งใจอยู่นานมาก ตอนแรกอยากได้มากๆ กดใส่ตระกร้าไว้ก่อน แล้วหาข้อมูลหลายๆร้าน หาข้อมูลไปเรื่อยๆอยู่ 3 วัน จนรู้ว่ามันมี 2 เกรด เกรดแรกราคา ประมาณ 1200 แต่มันก็อาจจะโยกแยก อ่านรีวิวแล้วต้องวัดดวงว่าของที่ได้จะพังมั้ย เกรดที่สอง ดีขึ้นมาหน่อย คงทน ไม่โยกเยก ราคา 3000 ผมอยากได้อันนี้ แต่ด้วยราคามันสูงผมเลือกที่จะรอ แล้วลองทดลองนอนบนฟูกติดพื้นดูก่อน ผมทดลองอยู่ 3 เดือนพบว่า การนอนแบบไม่มีโครงเตียงก็ไม่ได้แย่ การซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ในห้องเช่า ตอนย้ายก็ลำบากอีก สรุปเคสนี้คือ ผมไม่ซื้อโครงเตียงเหล็ก ประหยัดไป 3000 บาท -- เครื่องเติมอากาศ ห้องที่ผมอยู่มีฝุ่นเยอะมาก ขนาดทําความสะอาดและไม่ได้เปิดหน้าต่างประตูเยอะ ผมก็ไปหาข้อมูลจนเจอเครื่องเติมอากาศ หลักการของมันคือ ทําห้องเป็นแรงดันบวก ดันฝุ่นในห้องออก ป้องกันฝุ่นด้านนอกเข้ามา ถ้ามีเครื่องนี้เท่ากับว่า ฝุ่นในห้องจะลดลงมาก ผมทั้งอ่านรีวิว ศึกษา 4-5 วัน สนใจมาก ราคาเครื่องก็ 4000 บาท ทําให้ผมต้องไปศึกษา ดูรีวิวหนักกว่าเดิมว่า ซื้อมาแล้วคุ้มมั้ย ดูถึงขั้นเราจะติดตั้งตรงไหน เปิดใช้ตอนไหน ผมเขียนข้อดีข้อเสียออกมา ชั่งน้ำหนัก จนสรุปว่า ผมซื้อ เพราะมันทําให้ฝุ่นในห้องเราลดลงโดยภาพรวม ทําความสะอาดห้องน้อยลง คุณภาพชีวิตดีขึ้น -- มือถือใกล้พัง อันนี้ ต่างจากเคส มือถือไอโฟน 5sพังไปแล้วที่ต้องซื้อเลยนะครับ ตอนนี้ผมใช้ ไอโฟน 11 ที่ซื้อมาตั้ง ตุลาคม 2562 ตอนนี้ปี 2568 ผ่านมาเกือบ 6 ปี ไอโฟน 11 ผมยังใช้งานได้ดี ผมรักมาก ทนมาก แต่แบตเริ่มเสื่อม และ iOS ไม่รู้จะซับพอร์ตไปอีกกี่ปี ดังนั้นสิ่งที่ผมทําคือ การสะสมเงินไว้ก่อนเดือนละ 2000 บาท เพื่อรอซื้อไอโฟนใหม่ ตอนนี้มือถือคือชีวิตถูกมั้ยใช้ทําทุกอย่าง จากบทเรียน ไอโฟน 5s พังคามือ ข้อมูลในมือถือหายหมด ดังนั้น เราได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว เงินพร้อม ประมาณ 35000 บาท ถ้า ไอโฟน 11 เริ่มส่งสัญญาณไม่ไหว ผมมีเวลาไปซื้อเครื่องใหม่ พร้อมกับ ย้ายข้อมูลมือถือได้ทัน ชีวิตก็ไม่สะดุดแล้ว ไอโฟนแพงขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ซื้อตัวท็อปนะ ซื้อตัวธรรมดาพอครับ 4 สินค้าไม่จําเป็นและไม่เร่งด่วน กลุ่มนี้คือแสดงถึงความเป็น ของต้องมี ของโดนป้ายยา แสดงถึง High Time Preference เข้ากับ ระบบเงินเฟียตสุดๆ ตัดได้ตัด ที่เขาต้องการให้เราซื้อได้เร็ว ก็เพราะแบบนี้แหละ - ของตกแต่งบ้านที่ไม่จำเป็น - ของเล่น/เกมใหม่ล่าสุด - อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ล่าสุด - เสื้อผ้าแฟชั่นที่ยังไม่ถึงฤดู - ของตามกระแสต่างๆ แนะนํา - ตัดได้ตัด - ก่อนซื้ออะไรคิดเยอะๆ นานๆ ว่าเราแค่อยากได้ หรือ มันจำเป็นจริงๆ - ตั้งเป้าหมายออมเงิน เช่นผมต้องออมในบิทคอย อย่างน้อยเดือนละ 1000 บาท ห้ามน้อยกว่านี้ เราก็จะคิดเยอะและประหยัดขึ้นมาอัตโนมัติ สรุป 1 ท้ายที่สุดการซื้อสินค้าทุกอย่างต้องดูที่ความจําเป็นเป็นหลัก 2 การบริหารการซื้อสินค้าที่จําเป็นแต่ไม่เร่งด่วน เป็นคีย์สําคัญในการบริหารการเงิน และจัดการชีวิตให้ราบรื่น 3 คิดเยอะๆและชะลอการจ่ายเงินซื้อสินค้าออกไป แค่ 2-3 วัน อาจจะทําให้คุณประหยัดเงินขึ้นมหาศาล 4 ผมทําแบบนี้มาสักพักแล้ว ข้อดีที่สุดคือ ของที่ซื้อมาทุกอย่าง ได้ใช้งานจริงๆและคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป #siamstr #btc #ประหยัด #ประหยัดเงิน #bitcoin