image ข่าว สรุปแล้ว อีลอน ถูกรัฐมนตรีคลังสหรัฐ สก็อตต์ เบสเซนต์ ชกเข้าเต็มๆ หลังมีปากเสียงรุนแรงในทำเนียบขาว และกลายเป็นจุดแตกหักสำคัญระหว่างมัสก์กับทรัมป์ หลายคนมองเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก เป็นเกมการเมืองและผลประโยชน์ของคนที่เกี่ยวข้อง หลายคนอาจจะเบื่อเพราะเห็นสิ่งแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ผมคิดอีกมุมนึงครับ 1 ระบบหรือผลประโยชน์อะไรก็ตามที่มีมนุษย์ไปเกี่ยวข้อง เราไม่สามารถคาดเดา หรือ ไว้ใจได้เลย เหมือนเหตุการณ์นี้ ตอนแรกดีกันใจหาย แต่พอทะเลาะจนมีการต่อยกัน สุดท้ายดีลทุกอย่างล้ม เป็นคำถามที่น่าคิดนะว่า ระบบเศรษฐกิจ หรือ เงินของเรา ทำไมต้องขึ้นๆลงๆ เพราะแค่พฤติกรรมของคนเหล่านี้ เงินเราหามายากลำบากนะ 2 เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากๆนะ แต่แค่เราไม่รู้ การร่วมมือ หรือ ธุรกิจที่มีผลประโยชน์จากคนหลายๆกลุ่ม ไม่แปลกเลยที่จะตกลงกันไม่ลงตัวจนถึงขึ้นแตกหักแบบ ฉันไม่สน ไม่แคร์อะไรแล้ว ที่เหลือช่างหัวมัน การทุจริต คอรัปชั่น หรือ เอาประโยชน์เข้าตัวเอง เป็นเรื่องที่คนบางคนพร้อมที่จะทำเมื่อมีโอกาส 3 จากละครปาหี่ทางการเมือง เผื่อผลประโยชน์หลายๆครั้งไม่ว่าจะในไทย หรือ ระดับโลก มันทำให้ผมเปลี่ยนความคิด และเลิกลงทุนในหุ้นที่เราไม่มีวันคาดเดาเหตุการณ์แบบนี้ได้ แล้วถ้างั้นจะทำยังไงต่อหล่ะ?? แน่นอนครับ บิทคอยคือคำตอบ 4 ถ้าถือบิทคอย ละครหรือเกมทางการเมือง หรือผลประโยชน์พวกนี้ คุณจะไม่กระทบเลยเพราะบิทคอยไม่มีคนควบคุม โกงไม่ได้ ที่สำคัญที่สุด มีคอมมูนิตี้ที่พร้อมจะวีน เอ้ย พร้อมจะตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง 5 ระบบของบิทคอย ถูกออกแบบมาโดยคนที่เข้าใจ ธรรมชาติของสันดานมนุษย์ มากที่สุด ไม่มีตัวกลาง ไม่ต้องอาศัยความเชื่อใจ ตรวจสอบได้ตลอดเวลา ระบบออกแบบมาให้รางวัลกับคนที่ทำตามกฏ 6 ตอนนี้ผมคิดว่า Game Theory ของบิทคอยกำลังเริ่มทำงานแล้ว บริษัทใหญ่ และรัฐชาติเริ่มสะสม ในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจมันเลย ผมว่า บิทคอย มันน่าสนใจตรงนี้นี่แหละ คิดไปก็ตื่นเต้นนะว่าอีก สัก 1-2 cycle จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? แล้วตัวผมเองในวันนั้นจะต่างจากวันนี้ยังไง? #siamstr #btc #bitcoin #rightshift
image เมื่อผมฝันถึงอาจารย์พิริยะ เมื่อคืนฝนตกหนัก เสียงฝนกระทบหลังคาสังกะสี ดังมากจนนอนไม่หลับ ทำให้ผมนอนหลับช้ากว่าปกติ แล้วก็ฝันขึ้นมา ในฝันคือ ผมกำลังเดินทางไปยังมหาลัยของผมเอง กับ อาจารย์พิริยะพร้อมกับโน้ตบุ๊คของเขา ในตอนนั้นอาจารย์แกเหมือนต้องไปบรรยายที่นั้น พอไปถึงตึกที่เรียน (บนตึกเขียนด้วยตัวอักษรสีเงิน font spiderman ว่า ลานกรองมันส์ ภาษาอังกฤษ 555) แกพูดกับผมว่า "ช่วยโหลดไฟล์และวิดีโอให้ผมหน่อยนะครับ จะใช้ตัวนี้ไปใช้ในการบรรยาย" ผมเหมือนได้คุยกับอาจารย์พิริยะ ตัวต่อตัว เลย (ปกติเห็นในยูทูป) แล้วผมก็พูดว่า "ได้ครับ อาจารย์" ผมก็โหลดให้แก แต่มันเสร็จไม่ทัน อาจารย์พิริยะในฝันก็มาทวงผมว่า "ไฟล์โหลดเสร็จแล้วยังครับ?" แล้วฝันก็ตัดจบไป ฝันนี้บอกอะไร 1 อาจารย์พิริยะ (ตัวแทนของผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับ บิทคอย) เข้าไปอยู่ใน สมองส่วนลึกของผมเรียบร้อยแล้ว 2 ในช่วงนี้ผมได้ทำตามระบบการออม และการลงทุน ที่เกี่ยวกับบิทคอยอยู่ครับ (ชีวิตตอนนี้ยังลำบาก สิ่งที่ผมบอกตัวเองตลอดๆคือ เรามาถูกทางแล้วต่อไปชีวิตจะดีขึ้นกว่านี้) 3 รู้สึกว่าตัวเองได้เข้ามาเป็นหนึ่งคนใน บิทคอย คอมมูนิตี้ เรียบร้อยแล้วครับ (คนรอบตัวผมยังไม่เปิดรับบิทคอยเลย) 4 ถ้าเป็นไปได้อยากจะไปเข้าร่วมงาน และ กิจกรรมต่างๆที่จัดโดยคอมมูนิตี้บิทคอยในอนาคต 5 รู้สึกว่าชีวิตผมมีความหวังอีกครั้ง หลังจากได้ศึกษาบิทคอย ได้เบิกเนตรระบบการเงินโลก และ พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นหลายๆด้าน #siamstr #btc #bitcoin #rightshift
image บทความนี้เขียนเพื่อเตือนสติตัวเองเป็นหลัก แต่ถ้าใครมาอ่านแล้วได้ประโยชน์ผมก็ดีใจมากครับ วันนี้ในกลุ่ม Siamese bitcoiner มีโพสบอกว่า "ทุกวันนี้เปลี่ยนหน่วยมองเป็น Sats เเล้วครับ เพราะเก็บช้าไป" ฟิลลิ่งเหมือนราคา ต่อหนึ่ง BTC มันแพงมากจนต้องเก็บเป็นหน่วยย่อยแทนแล้ว (3.5m THB / 1BTC) ผมว่าข้อนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนเข้ามาทีหลังคิดอยู่ในใจ เมื่อเรามองย้อนไปจะรู้สึกเสียดายโอกาส และ เสียดายว่าทำไมเราถึงรู้ช้าไป ผมเองก็รู้สึกอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงคือ เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้คือ วางแผนและมองภาพในอนาคตครับ ลองคิดมุมกลับดูว่า ถ้าหากวันนี้ 1 BTC ซื้อลำบาก ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า 0.1 BTC ก็อาจจะซื้อได้ลำบากเหมือนกันเพราะเกิดการพิมพ์เงินมหาศาล ย้อนอดีตไม่ได้ก็ต้องเริ่มต้นวางแผนและออมอย่างมีวินัยตั้งแต่วันนี้ครับ ชอบคำอาจารย์พิริยะมาก แกบอกว่า การออมในวันนี้คือการจ่ายเงินให้ตัวเราเองในอนาคตนั่นแหละ สิ่งที่ผมใช้บอกตัวเองเวลารู้สึกเสียดายโอกาสซื้อในอดีตคือ ไม่ว่าเราจะออมใน BTC ตอนไหน เงินเราจะไม่เสื่อมค่าลงครับ ยกตัวอย่างเช่น วันนี้ 3.5m THB ซื้อได้ 1BTC แต่เราซื้อ 1000 บาท เงิน 1000 บาทของเรานั้นไม่ว่าเวลามันจะผ่านไปนานแค่ไหนมูลค่ามันจะไม่ลดลง ต่างจากการเก็บไว้ในเงิน fiat ที่การพิมพ์เงินทำให้มูลค่าลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป 7-10 ปี (การออมและการลงทุนต้องแยกจากกันอย่างชัดเจน) อีกอย่าง BTC ที่ออมเป้าหมายผมก็คือการออมจำนวน BTC เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่กลับไปเทียบเป็นหน่วย fiat ครับ คนที่เขาเข้ามาก่อนแสดงว่าเขาก็รู้ก่อนและเจอความเสี่ยงมากกว่านี้ และในอนาคตผมเชื่อว่าเราจะสามารถออม หรือ ลงทุนใน BTC ได้ง่ายขึ้นเพราะคนเริ่มเข้าใจ และ มีความเชื่อมั่นมากขึ้น การมองเป็นหน่วย sat ก็ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นนะ เช่น ฉันมีแค่ 0.01 BTC เอง เปลี่ยนเป็น ฉันมีตั้ง 1 ล้าน sats เลยนะ ถึงค่าจะเท่ากันแต่สำหรับผมว่ามันมีผลต่อจิตวิทยาในการหาเงินมาออมเพิ่มได้ อีกอย่างในตอนนี้เรายังอยู่ใน early state ของ bitcoin adoption อยู่เลยครับ ยังมีคนส่วนมากที่ออกมาด่าและโจมตี BTC แบบผิดๆอยู่เลย เก็บตอนนี้ยังทันครับ เหมือนคอมเม้นในคอมมูที่บอกว่า ถ้าเก็บตอน milli sats อันนั้นแหละช้า สรุปสั้นๆคือ 1.เก็บ BTC ตอนไหนก็ทันเพราะเงินเราไม่เสื่อมค่าลง ยิ่งถือนานมูลค่ายิ่งเพิ่ม 2.เราแก้ไขอดีต ความรู้งี้ต่างๆไม่ได้ แต่เราวางแผนเพื่อทำในอนาคตได้ 3.อย่าพยายามไปเทียบเป็นหน่วย fiat มองแค่หน่วย sat ก็ไม่แย่นะ ดีเสียอีกในมุมจิตวิทยา 4.ถือไว้เองอุ่นใจครับ เหมือนกับที่หลายๆคนในคอมมูบอกว่า พวกเราอ่ะ รอดแล้ว ต่างจากคนส่วนใหญ่ในสังคมที่จะใช้ชีวิตลำบากขึ้นอีกจากการพิมพ์เงินมหาศาลต่อจากนี้ โดยที่พวกเรายังไม่รู้ความเลวร้ายของระบบเงิน fiat เลย 5.เวลามีค่าศึกษา bitcoin อย่าเพิ่งท้อ เรายังอยู่ในช่วง early state อยู่เลย #siamstr #btc #bitcoin #rightshift
image หลังจากที่เบิกเนตรไม่นาน แต่ทำงานและลงทุนมานาน(แล้วไม่เป็นเหมือนที่ฝันเฟื่องเอาไว้) สิ่งหนึ่งที่ผมตกผลึกได้คือ "เงินเรา ดูแลเองดีที่สุด" ไม่มีใครจะรู้ความต้องการ และ หวังดีกับเราที่สุดเท่ากับเราเอง กองทุนรวม ,ระบบ copytrade,กลุ่มลับซื้อหุ้นที่ต้องรอ กูรูบอกว่า ซื้อตัวไหน เข้า-ออกตอนไหน ผมมองว่าความสะดวกสบายเหล่านั้น ถึงจะมีข้อดีของมัน แต่ไม่ได้ทำให้เรา เก่ง ขึ้น การ "ยืมจมูกคนอื่นหายใจ" ระยะยาวยังไงก็ไม่ดี (กูรูเขาเข้าออกทันเพราะเขารู้ แต่เรานะสิจะขาดทุน 55) การออม ลงทุนไม่ว่าจะสินทรัพย์ไหน เราต้องเรียนรู้เองระดับหนึ่งก่อน เพราะไม่ว่าจะกำไร หรือ ขาดทุน สิ่งที่เราได้กลับมาทุกครั้งคือ "บทเรียนและประสบการณ์" สิ่งนี้มีค่ามากเพราะจะทำให้เรามีความรู้ทางการเงินที่มั่นคง(และถูกต้องมากขึ้น)ในระยะยาว ประสบการณ์คือสินทรัพย์ที่จะติดตัวคุณไปตลอดชีวิต คุณจะเก่งขึ้นไม่ว่าจะ กำไร หรือ ขาดทุน จากการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์ การเงินโลก มันทำให้ผมยิ่งมั่นใจเรื่องที่ว่า ไม่มีใครหวังดีกับเราเท่ากับตัวเอง ยิ่งพอมาเจอ บิทคอย ที่มีระบบ trustless ออกแบบรัดกุมโดยมี game theory ซาโต้ชิ มีความเข้าใจถึงระบบการเงิน นิสัยของมนุษย์ มากๆ บิทคอยคือผลผลิตของเทคโนโลยีที่คิดมาแก้ปัญหาเรื่องระบบการเงินโลกที่ใช้เวลา40ปีกว่าจะสำเร็จในปี 2009 หลังจากเดินทางมา 16 ปี มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่า เงินเฟ้อมันน่ากลัวขนาดไหน เมื่อศึกษาเรื่องบิทคอยไปสักพัก ผมก็รู้ว่า การยืนด้วยลำแข้งตัวเอง การไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ในเรื่องสำคัญเช่นการเงินสำคัญมากๆ คนในระบบเงิน fiat อาจจะยังไม่ตระหนัก (เหมือนผมสมัยก่อน กว่าจะรู้ตัวเงินที่เก็บมาเสื่อมไปเกินครึ่งแล้ว) ใครโชคดีรู้ก็อาจจะแก้ทัน เหมือนคำที่ว่า "เวลามีค่า ศึกษาบิทคอย" มันก็อาจจะกล่าวถึงเงินที่เฟ้ออย่างก้าวกระโดดนี่แหละ ยิ่งรู้ช้า ยิ่งจน ถึงจะมีบิทคอยแล้วก็ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก หนึ่งในพื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือการ self custody เพราะว่าถ้าหากไปฝากไว้ใน exchange ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องเหรียญหายอยู่ดี เดี๋ยวนี้ง่ายมาก ค้นหน้าช่อง right shift แล้วโลกใบเดิมที่คุณรู้จักจะเปลี่ยนไป เริ่มตั้งคำถามกับหลายๆสิ่งที่คนมองว่าดี ว่าถูก ว่ามี hidden agenda อะไรหรือเปล่า ทุกอย่างที่เขียนมาเกิดจากสิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ ศึกษา และเข้าใจด้วยตัวเองทั้งนั้น (เจ็บจริง ขาดทุนจริง จนจริง) ใครจะหวังดีกับเราที่สุดเท่ากับตัวเอง จริงมั้ย? #siamstr #btc #bitcoin #rightshift
สอบถามพี่ๆครับ แผนการลงทุนตอนนี้ของผมคือ มีเงินเหลือ dca ทุกเดือน โดยจะลงทุนแบบนี้ - 50 % BTC - 50 % USA stocks and etf ถ้ามองในระยะยาว ผมควรเปลี่ยนมา dca BTC มากขึ้นกว่านี้ หรือ dca BTC 100% หรือมีไอเดียพอจะแชร์ได้มั้ยครับว่า แต่ละคนจัดสัดส่วน portfolio แบบไหนบ้าง อยากทราบเป็นไอเดียมาปรับใช้กับ port ตัวเองครับ #bitcoin #siamstr
แชร์ประสบการณ์ ไปไม่รอด จากการขาย digital art image ใครหลายๆคนคงเห็นว่า มีคนมาแชร์ความสำเร็จเยอะมากในการขายสินค้า digital products เช่น ขายภาพวาด media arts สติ๊กเกอร์ หรือสินค้า print on demand (pod) 
ผมขอมาแชร์ในส่วนของคนที่ล้มเหลว ในการทำแล้วกัน
 ผมเป็นคนหนึ่งที่ซื้อคอร์สเรียนขายสินค้า pod ซื้อรายเดือน mid journey และ canva เพื่อออกแบบ รูปภาพ แล้วนำไป upload บนเว็บขาย pod ซึ่งเป็นเว็บที่จะนำลายที่เราออกแบบนั้น ไปทำเป็นสินค้าจริงเช่น ลายบนเสื้อ กระเป๋า นาฬิกา เป็นต้น ลูกค้าเป็นคนเลือกเอง 
ถ้ามีคนชอบลายที่เราออกแบบและกดซื้อ เราก็ได้เงินแล้ว เรามีหน้าที่แค่ออกแบบ และ หาเทรนสินค้าที่จะขายดี ออกแบบให้ถูกใจคนซื้อ
 สิ่งที่ผมทำคือ หาเทรน keywords แล้วนำไปสร้างภาพผ่าน mj แล้วนำรูปไปแต่งต่อใน canva แล้ว upload ลงเว็บเพื่อขาย 
ผมทำมา 3 เดือน 
เริ่มขายได้แล้ว อยู่ดีๆก็โดนเว็บที่ตั้งขาย digital product แบนซะงั้น ส่งข้อมูลชี้แจงแล้วสรุป ไม่ได้ครับ เงินก็ค้างอยู่ในเว็บ ผมขายใน Redbubble อยากทำ Amazon สมัครไม่ผ่านครับ ส่วน Etsy ไม่ได้สมัคร เพราะ มีค่าใช้จ่ายในการอัพโหลดรูปตั้งขาย และต้องยิงแอด 
จากฝันสวยหรู กลายเป็นความเซ็ง ลงแรง ลงทุนทั้งเครื่องมือ ค่าคอร์สไป 6000-7000 บาท 
ตอนนี้เลิกทำแล้ว(และคงจะไม่กลับไปทำอีก) ในกลุ่ม ที่ผมอยู่ตอนแรกคนเยอะ คึกคักมาก โพสยอดขายกัน แต่ช่วงหลังเงียบเหงามาก แทบจะเป็นกลุ่มร้าง 
อยากมาแชร์เหรียญอีกด้านนึงของ การขาย digital art ที่คนมาพูดแบบสวยหรู ว่ามันทำง่าย ได้เงินง่าย แต่ความจริงเราต้องมีทักษะระดับหนึ่ง แถมมันเป็นตลาด red ocean ที่การแข่งขันสูงมาก มันมีคนที่ทำได้จริง และคนที่เลิกไปก็เยอะ
 ผมไปหารายได้เสริมอื่นที่ถนัดมากกว่าครับ
คนที่ไปรอดต้องหาเทรนเก่ง ถ้าให้ดีต้องวาดรูปเอง จะดีที่สุด เพราะใช้ mj มันมีคนก็อปได้ง่าย การใช้ ai ออกแบบ มันมีความเสี่ยงที่จะโดนแบน โดนก็อปผลงาน 
สิ่งที่ได้จากการล้มเหลวครั้งนี้ คือ pod เป็นรายได้เสริมที่น่าสนใจ แต่ถ้าเราวาดรูปเองไม่ได้ ไม่ค่อยมีทักษะศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ และงบน้อย เริ่มต้นค่อนข้างลำบากเลยครับ (ทุกเครื่องมือไม่ฟรีนะครับ) ผมก็สู้มา จนโดนแบน มันผิดหวัง ทุกอย่างพังไปหมด สุดท้ายคิดว่าสิ่งนี้คงไม่เหมาะกับตัวเอง 
ใครอยากลองทำดูก็ลองศึกษากันนะครับ #แชร์ประสบการณ์ #siamstr #printondemand #รายได้เสริม
มาแชร์ประการณ์ รายได้เสริมที่ทำแล้ว ไม่รอด เผื่อเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังศึกษา #siamstr