การให้ทาน คือการให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เพื่อละความเห็นแก่ตัว
ไม่จำเป็นต้องให้ที่วัด หรือจัดเป็นพิธีรองตอง
ให้ตังเด็ก 20 บาทก็ถือว่าให้ทานได้
อยู่ที่ความตั้งใจของเรา #siamstr
การคาดหวัง คือการบั่นทอนสุขและพอกพูนทุกข์โดยใช่เหตุ
เมื่อคาดหวัง และมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น จะกลายเป็นเสมอตัว เมื่อไม่เกิด ก็จะเป็นทุกข์
กลับกัน เมื่อไม่คาดหวัง สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นจะทำให้เรารู้สึกดีเอง เมื่อไม่ได้เกิดขึ้น ก็ไม่ส่งผลอะไร
ความคาดหวัง ก็คือความต้องการ คือ ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นตัณหาอันนำมาซึ่งทุกข์
ยอมรับความเป็นจริง และอยู่กับปัจจุบัน สิ่งดี ๆ จะเกิด มันจะเกิดขึ้นเอง
GA ครับ #siamstr
ทำงาน 12 ชั่วโมง ไม่เรียกว่าทำงานหนัก
มีเรื่องนึงที่ผมเปลี่ยนความคิดเร็ว ๆ นี้ จากการอ่านหนังสือ Stolen Focus
ผมเคยเชิดชูการทำงานวันละ 12 - 14 ชั่วโมง
เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเอามาอวด และทำให้รู้สึกว่า มันเป็นสิ่งที่คน "ขยัน" เขาทำกัน
ในหน้งสือมีเนื้อหาช่วงนึงที่เล่าคร่าว ๆ ประมาณว่า
"อดหลับอดนอนทำงานไปก็ไม่ช่วยให้งานออกมาดีขึ้นหรอกโว้ย เพราะร่างกายมึงไม่พร้อม"
มีหลายครั้งที่ผมฝืนทำงานทั้ง ๆ ที่ง่วงนอน จนใจลอย โฟกัสไม่ได้
สุดท้ายงานก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไรถ้าเทียบกับเวลาที่ใช้เพิ่มขึ้น
แต่ผมแม่งโม้ได้ไง ว่ากูทำงานเป็นสิบชั่วโมงเลยนะโว้ย
มันคือมายาคติที่ผมใช้หลอกตัวเองว่าแบบนี้แหละ ถูกต้องแล้ว มึงทำงานหนัก จงภูมิใจซะ
หนักไหม หนักจริง แต่ที่หนักคือความเหนื่อยล้าที่ร่างกายเราแบกรับ
จริง ๆ มันไม่เรียกว่าทำงานหนัก มันเรียกว่าทำงานนาน
กลับกัน ถ้าวันไหนพักผ่อนพอ ตื่นเช้า ร่างกายพร้อม
วันนั้นจะได้ปริมาณงานเยอะมากทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาน้อยกว่า
สุดท้ายผมตกผลึกได้ว่า ผมไปโฟกัสผิดจุด ผมมองแค่จำนวนชั่วโมง
เพราะมันเป็นตัวเลข วัดผลง่าย เปรียบเทียบง่าย
แต่สิ่งที่ควรจะใส่ใจจริง ๆ คือคุณภาพการโฟกัส กับปริมาณงานที่คืบหน้า
ต่อให้คุณนั่งเป็นวัน ก็ไม่ได้แปลว่าคุณทำงานหนัก ถ้าสิ่งที่คุณทำคือเขี่ยเมาส์ไปมา
บริหารเวลาทำงานแล้ว ต้องบริหารเวลาพักผ่อนด้วย
ถ้าเริ่มล้า ให้ลุกเดิน ถ้าไม่ไหว ก็ไปนอน
GN ครับ #siamstr
social media ทำให้คนเสพสื่ออย่างมูมมาม
จากที่เมื่อก่อนเรารับข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องและสำคัญกับตัวเองเป็นหลัก
แต่ content ในปัจจุบัน ที่เน้นความเร็วเพื่อเร้าอารมณ์และความบันเทิง
ทำให้คนสูญเสียความสามารถในการทำความเข้าใจข้อมูลใด ๆ ไปมาก
เปรียบเทียบกับพฤติกรรมการกิน ที่เมื่อก่อนเรากินเนื้อสัตว์ และพืชผักสมุนไพรที่มีประโยชน์ พร้อมลิ้มรสชาติได้อย่างลุ่มลึก
แต่อาหารในปัจจุบัน กลับทำออกมาเพื่อความอร่อย อิ่ม และความบันเทิงเริงใจ ทำให้เราบริโภคกันอย่างมูมมามเสียสติ
แน่นอนว่ามีสิ่งที่เราเสียไปก็เช่นกัน
ในเรื่องอาหาร เราเสียสุขภาพกาย
ในเรื่องการเสพสื่อ เราสูญเสียสุขภาพจิตและสมาธิ
วิธีแก้ง่าย ๆ สามารถเริ่มได้โดยการบริโภคให้ "ช้า" ลง
เริ่มรับข้อมูลจาก หนังสือ บทความ วิดีโอยาว เป็นช่องทางหลักแทน social media
เมื่อสมาธิถูกใช้งานมากขึ้น มันจะค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นเหมือนกล้ามเนื้อ
โลกเปลี่ยนแปลงเสมอ ทั้งทางดีและแย่ วิถีบางอย่างควรปรับ บางอย่างก็ควรยึดไว้เช่นเดิม
GM ครับ #siamstr