"Natural is the new SEXY"
หากเป็นเมื่อก่อน พอเอ่ยถึงคำว่า "แรงดึงดูด" ภาพในหัวของพวกเรามักจะผูกติดอยู่กับความสมบูรณ์แบบ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่จัดทรงมาอย่างดี หรือภาพถ่ายที่ผ่านการเลือกมุมและแสงมาอย่างประณีต
จนบางทีเราลืมมองไปว่า เสน่ห์ที่แท้จริงนั้นซ่อนอยู่ในเนื้อแท้ของเรานี่เอง โดยไม่จำเป็นต้องไปสรรหาอะไรมาปรุงแต่งให้วุ่นวาย
ผมเคยสังเกตใครบางคนที่เดินเข้ามาในวงสนทนา เขาแต่งตัวเรียบง่ายเพียงเสื้อยืดกางเกงเก่าๆ ไม่มียี่ห้อหรูหราประดับกาย
แต่แปลกที่วินาทีที่เขานั่งลง บรรยากาศรอบข้างกลับดูสงบและเย็นลงอย่างน่าประหลาด สายตาของผู้คนหันไปหาเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่เขาไม่ได้พยายามทำอะไรให้โดดเด่นเลย
คำถามคือ... แรงดึงดูดนั้นมาจากไหน?
มันไม่ได้มาจากรูปร่างหน้าตา ไม่ได้มาจากข้าวของมีราคา และไม่ใช่ถ้อยคำคมคายที่เตรียมมาพูด
มันคือบรรยากาศของความสบายเนื้อสบายตัวของคนคนหนึ่ง ที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น
สายตาของเขาไม่ได้ร้อนรนเพื่อเอาชนะ และท่าทีของเขาก็บอกเราเงียบๆ ว่า
"ฉันโอเคกับตัวเองในแบบนี้"
ความสงบเย็นนี้เองที่แผ่ออกมา จนทำให้คนที่อยู่ใกล้พลอยรู้สึกวางใจและกล้าที่จะเป็นตัวเองไปด้วย
นี่แหละครับ คือความหมายของความเป็นธรรมชาติ
เสน่ห์แบบนี้ ไม่ใช่การพยายามทำตัวให้ใครรัก
มันเกิดจากการยอมรับความจริงที่ว่า...
"ต่อให้บางคนจะไม่ชอบเรา ก็ไม่เป็นไร"
คนที่ใจนิ่งพอและอยู่กับตัวเองได้ จะไม่รู้สึกว่าต้องรีบพูดแทรก ไม่ต้องเร่งแสดงความเก่งกาจ หรือต้องคอยออกความเห็นไปเสียทุกเรื่อง เขาจึงกลายเป็นคนที่มีที่ว่างให้คนอื่นได้หายใจ
อยู่ใกล้แล้วรู้สึกร่มเย็น จะหัวเราะด้วยกันก็ไม่เหนื่อย หรือจะแค่นั่งเงียบๆ ข้างกันก็ไม่อึดอัดใจ
พลังงานแบบนี้นี่เอง ที่ผมคิดว่ามีความเซ็กซี่และน่าค้นหายิ่งกว่าการปรุงแต่งใดๆ
ผมเรียกมันว่าการสร้าง สนามพลังสั่นพ้อง (Synharmonic Field)
สำหรับผม ในยุคนี้คนที่มีท่าทีต่อชีวิตที่ดี นั้นน่ามองและชวนหลงใหลยิ่งกว่าคนที่มีเพียงรูปร่างหน้าตาสวยงามเสียอีกครับ
คนที่มีเสน่ห์ คือคนที่โอบกอดร่องรอยบาดแผลของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องซุกซ่อนอดีต แต่ก็ไม่ฟูมฟายเอาความเจ็บปวดไปสาดใส่ใคร
คือคนที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาปัดฝุ่นเดินต่อได้เงียบๆ โดยไม่ต้องป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าตัวเองเข้มแข็งเพียงใด
คนแบบนี้มักมีแรงดึงดูดลึกลับบางอย่างที่ทำให้เราอยากขยับเข้าไปใกล้ อยากนั่งฟังเขาเล่าเรื่อง หรือเพียงแค่อยากรู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง ถึงได้มีสายตาที่มองโลกด้วยความเข้าใจลึกซึ้งเช่นนี้
แน่นอนครับว่า การดูแลตัวเองให้สะอาดสะอ้าน น่ามอง และน่าเข้าใกล้ ยังคงเป็นประตูด่านแรกที่สำคัญเสมอ
แต่หากภายในใจยังคงวุ่นวาย ยังหิวโหยการยอมรับ หรือยังต้องคอยประเมินคุณค่าตัวเองผ่านสายตาคนอื่น...
ต่อให้ภายนอกจะดูดีสักแค่ไหน ลึกๆ แล้วมันก็จะยังมีความรู้สึกฝืนเจือปนออกมาอยู่ดี
ความเป็นธรรมชาติที่แท้จริง คือการดูแลสมดุลกายและใจให้ดี จนความงามมันล้นออกมาเองโดยที่เราไม่ต้องพยายามเค้น มากกว่าการปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตามยถากรรม
บางที... จุดเริ่มต้นของเสน่ห์อาจไม่ได้อยู่ที่การไปขวนขวายเรียนรู้อะไรเพิ่ม แต่อยู่ที่การค่อยๆ วางสิ่งที่หนักอึ้งในใจลงเสียบ้าง
วางความอยากเอาชนะ
วางความกังวลว่าต้องเป็นคนสำคัญ
วางความกลัวที่จะถูกมองว่าเป็นคนธรรมดา
แล้วลองหันกลับมาสำรวจดูว่า ในวันที่เราไม่ต้องพยายามเป็นใคร ไม่ต้องแสดงอะไร เรายังหลงเหลืออะไรที่เป็นเนื้อแท้ของตัวเองอยู่บ้าง?
หากคุณยังยิ้มให้กับคนธรรมดาคนนั้นในกระจกได้ และรู้สึกอยากเป็นเพื่อนกับเขา
นั่นแปลว่าเสน่ห์ที่แท้จริงได้เริ่มผลิบานในใจคุณแล้วครับ
"เสน่ห์ที่จะอยู่กับเราไปตลอดกาล เกิดจากความกล้าหาญที่จะยอมรับความจริงของตัวเอง มากกว่าการพยายามปรุงแต่งเปลือกนอกให้เกินจริง
ในวันที่ไม่มีแสงไฟ ไม่มีเวที เหลือเพียงแค่เรา... ที่ยังคงเป็นเราอย่างสมบูรณ์"
#JakkDiary
#SynharmonicField
#Siamstr
จนบางทีเราลืมมองไปว่า เสน่ห์ที่แท้จริงนั้นซ่อนอยู่ในเนื้อแท้ของเรานี่เอง โดยไม่จำเป็นต้องไปสรรหาอะไรมาปรุงแต่งให้วุ่นวาย
ผมเคยสังเกตใครบางคนที่เดินเข้ามาในวงสนทนา เขาแต่งตัวเรียบง่ายเพียงเสื้อยืดกางเกงเก่าๆ ไม่มียี่ห้อหรูหราประดับกาย
แต่แปลกที่วินาทีที่เขานั่งลง บรรยากาศรอบข้างกลับดูสงบและเย็นลงอย่างน่าประหลาด สายตาของผู้คนหันไปหาเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่เขาไม่ได้พยายามทำอะไรให้โดดเด่นเลย
คำถามคือ... แรงดึงดูดนั้นมาจากไหน?
มันไม่ได้มาจากรูปร่างหน้าตา ไม่ได้มาจากข้าวของมีราคา และไม่ใช่ถ้อยคำคมคายที่เตรียมมาพูด
มันคือบรรยากาศของความสบายเนื้อสบายตัวของคนคนหนึ่ง ที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น
สายตาของเขาไม่ได้ร้อนรนเพื่อเอาชนะ และท่าทีของเขาก็บอกเราเงียบๆ ว่า
"ฉันโอเคกับตัวเองในแบบนี้"
ความสงบเย็นนี้เองที่แผ่ออกมา จนทำให้คนที่อยู่ใกล้พลอยรู้สึกวางใจและกล้าที่จะเป็นตัวเองไปด้วย
นี่แหละครับ คือความหมายของความเป็นธรรมชาติ
เสน่ห์แบบนี้ ไม่ใช่การพยายามทำตัวให้ใครรัก
มันเกิดจากการยอมรับความจริงที่ว่า...
"ต่อให้บางคนจะไม่ชอบเรา ก็ไม่เป็นไร"
คนที่ใจนิ่งพอและอยู่กับตัวเองได้ จะไม่รู้สึกว่าต้องรีบพูดแทรก ไม่ต้องเร่งแสดงความเก่งกาจ หรือต้องคอยออกความเห็นไปเสียทุกเรื่อง เขาจึงกลายเป็นคนที่มีที่ว่างให้คนอื่นได้หายใจ
อยู่ใกล้แล้วรู้สึกร่มเย็น จะหัวเราะด้วยกันก็ไม่เหนื่อย หรือจะแค่นั่งเงียบๆ ข้างกันก็ไม่อึดอัดใจ
พลังงานแบบนี้นี่เอง ที่ผมคิดว่ามีความเซ็กซี่และน่าค้นหายิ่งกว่าการปรุงแต่งใดๆ
ผมเรียกมันว่าการสร้าง สนามพลังสั่นพ้อง (Synharmonic Field)
สำหรับผม ในยุคนี้คนที่มีท่าทีต่อชีวิตที่ดี นั้นน่ามองและชวนหลงใหลยิ่งกว่าคนที่มีเพียงรูปร่างหน้าตาสวยงามเสียอีกครับ
คนที่มีเสน่ห์ คือคนที่โอบกอดร่องรอยบาดแผลของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องซุกซ่อนอดีต แต่ก็ไม่ฟูมฟายเอาความเจ็บปวดไปสาดใส่ใคร
คือคนที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาปัดฝุ่นเดินต่อได้เงียบๆ โดยไม่ต้องป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าตัวเองเข้มแข็งเพียงใด
คนแบบนี้มักมีแรงดึงดูดลึกลับบางอย่างที่ทำให้เราอยากขยับเข้าไปใกล้ อยากนั่งฟังเขาเล่าเรื่อง หรือเพียงแค่อยากรู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง ถึงได้มีสายตาที่มองโลกด้วยความเข้าใจลึกซึ้งเช่นนี้
แน่นอนครับว่า การดูแลตัวเองให้สะอาดสะอ้าน น่ามอง และน่าเข้าใกล้ ยังคงเป็นประตูด่านแรกที่สำคัญเสมอ
แต่หากภายในใจยังคงวุ่นวาย ยังหิวโหยการยอมรับ หรือยังต้องคอยประเมินคุณค่าตัวเองผ่านสายตาคนอื่น...
ต่อให้ภายนอกจะดูดีสักแค่ไหน ลึกๆ แล้วมันก็จะยังมีความรู้สึกฝืนเจือปนออกมาอยู่ดี
ความเป็นธรรมชาติที่แท้จริง คือการดูแลสมดุลกายและใจให้ดี จนความงามมันล้นออกมาเองโดยที่เราไม่ต้องพยายามเค้น มากกว่าการปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตามยถากรรม
บางที... จุดเริ่มต้นของเสน่ห์อาจไม่ได้อยู่ที่การไปขวนขวายเรียนรู้อะไรเพิ่ม แต่อยู่ที่การค่อยๆ วางสิ่งที่หนักอึ้งในใจลงเสียบ้าง
วางความอยากเอาชนะ
วางความกังวลว่าต้องเป็นคนสำคัญ
วางความกลัวที่จะถูกมองว่าเป็นคนธรรมดา
แล้วลองหันกลับมาสำรวจดูว่า ในวันที่เราไม่ต้องพยายามเป็นใคร ไม่ต้องแสดงอะไร เรายังหลงเหลืออะไรที่เป็นเนื้อแท้ของตัวเองอยู่บ้าง?
หากคุณยังยิ้มให้กับคนธรรมดาคนนั้นในกระจกได้ และรู้สึกอยากเป็นเพื่อนกับเขา
นั่นแปลว่าเสน่ห์ที่แท้จริงได้เริ่มผลิบานในใจคุณแล้วครับ
"เสน่ห์ที่จะอยู่กับเราไปตลอดกาล เกิดจากความกล้าหาญที่จะยอมรับความจริงของตัวเอง มากกว่าการพยายามปรุงแต่งเปลือกนอกให้เกินจริง
ในวันที่ไม่มีแสงไฟ ไม่มีเวที เหลือเพียงแค่เรา... ที่ยังคงเป็นเราอย่างสมบูรณ์"
#JakkDiary
#SynharmonicField
#Siamstr