คาถาจากพี่ชิตในวีคนี้ "จงมุ่งมั่นพัฒนาตน จนมึงเป็นคนที่มีของ" #siamstr VDO ย้อนหลัง Lecture 4/8 Principles of Economics: Trade and Money Trade: Let you focus on self development to serve others Money: Lubricant to speed up the transaction อยากอยู่อย่างลำบากให้แยกไปอยู่คนเดียว อยู่เพื่อตัวเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่หากอยากอยู่สบายจงพัฒนาตนให้กลายเป็นคนที่มีของ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อื่น Focus on self to serve others Trade หรือกิจกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเปิดโอกาสให้แต่ละคนทำในสิ่งที่ตนถนัด สร้างความมั่นใจว่าถ้าหากเรา focus และทำมันได้ดีเยี่ยม เราสามารถมีชีวิตที่ดีในสังคมได้ โดยไม่จำเป็นต้องเก่งหรือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ละคนในสังคมทำตนเป็น productive node ที่ต่างพึ่งพากัน สังคมที่ทำให้้้้คนสามารถเข้าถึงระบบ Global Trade ที่ลื่นไหลได้ จะเป็นแรงช่วยขับเคลื่อนให้คนตามหาความฝันของตัวเองมากขึ้น เช่น หากคุณเป็นนักกีฬาที่เก่งก็สามารถเลี้ยงชีพได้ หากเลือกที่จะเป็นศิลปินวาดรูปก็สามารถสร้างครอบครัวที่ดีได้ เป็นนักปรุงเบียร์มืออาชีพก็สามารถมีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีได้ ทุกคนในสังคมต่างได้รับประโยชน์ร่วมกันจากการแลกเปลี่ยน ฉะนั้น Trade เป็นฟังก์ชั่นที่ทำให้คนในสังคมมีความร่วมมือกัน (Cooperation) เป็นสังคมที่ Give and Take โดยความถี่ในการแลกเปลี่ยนเป็นตัวชี้วัดระดับความสัมพันธ์และความอยู่ดีกินดีของคน ส่วนบ้านเราไม่ต้องมองไกลให้ดูอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม วงการคราฟท์เบียร์ การผลิตลื่นไหลมั๊ย การซื้อขายแลกเปลี่ยนลื่นไหลมั๊ย ข้าราชการนักปกครองแม่งไม่เข้าใจหลักเศรษฐศาสตร์ธรรมะ รัฐทำหน้าที่ควรควบคุมแทนที่จะเป็นผู้อำนวยความสะดวก ระบบสร้างแรงจูงใจการกำหนด KPI ตัวชี้วัด แม่งผิดลูกผิดฝาหมด 5555 อย่างไรก็ตามภายใต้กติกาของ Trade นอกจากความร่วมมือกัน ทุกคนต่างต้องแข่งขันพัฒนาตนและสินค้าให้มีความโดดเด่นและแตกต่างๆอยู่เสมอ หยุดนิ่งไม่ได้ การแข่งขัน (Competition) ทำหน้าที่เหมือนตัวบังคับให้ทุกคนต้องพัฒนาความถนัดไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Specialization) ทุกคนถูกบังคับให้ลงลึก เมื่อทำมันอย่างยาวนานพอ ผลงานที่ออกมาจะเข้าใกล้ Masterpiece ขึ้นเรื่อยๆ การตั้งเป้าหมายเป็นผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างผลงานในระดับ Masterpiece ดูเหมือนจะเป็น option ของแต่ละคน เราต้องการจะสร้างหรือไม่สร้างมันก็ได้ มันเป็นเรื่องของเรา แต่ในโลกความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น การสร้างผลงานในะดับ Masterpiece เป็นท่าบังคับเพราะทุกคนต่างถูกกระบวนการ Democratization & Commoditization ไล่ล่าโดยไม่รู้ตัว เหตุผลเพราะความรู้ เคล็ดลับ และเทคโนโลยีที่มันถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประกอบกับการคมนาคมที่สะดวกสบายรวดเร็ว จนทำให้โลกทั้งใบถูกเชื่อมโยงกันกลายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ผลงานของเราที่มันเคยเจ๊ง เคยว้าว เผลอแพ๊บเดียวมันกลายเป็นผลงานแบบพื้นๆ ที่โลกไม่สนใจมันอีกต่อไป การ Disrupt เป็นนิรันดร์ตราบใดที่โลกยังพัฒนา Money ทำหน้าที่เหมือนน้ำมันหล่อลื่นช่วยเพิ่มความลื่นไหลของกิจกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยน Modern money makes global transaction easier and faster นัยยะสำคัญ คือ Disruption จะเกิดเร็วขึ้น ถี่ขึ้น เราพร้อมแค่ไหนในการรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงทั้งใหญ่และกว้าง เรียนคลาสนี้กับพี่ชิตเพื่อเข้าใจตรรกะทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อนำความรู้ความเข้ามาปรับใช้กับสถานการณ์ปัญหาที่แต่ละคนกำลังเผชิญอยู่ ในช่วงสนนาธรรม ยังการพูดถึง + T-Model / ทฤษฎี 10 เพื่อสร้าง Masterpiece + แนวคิดหยินหยาง ทฤษฎีแตกใน + Disversity เกิดจากการตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานหลักการหนึ่งเดียวที่ใครก็ควบคุมมันไม่ได้ โชคดี มีสุข Happy Friday ครับ VDO ย้อนหลัง Lecture 4/8 Principles of Economics
Lecture 4/8 Principles of Economics: Trade and Money Lecture Slides: Zoom Link: ในวิชาหลักเศรษฐศาสตร์ธรรมะ คืนนี้เราจะสนทนากันในหัวข้อของ Trade & Money Trade การซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นทั้ง cooperation และ competition ผลลัพธ์คือทุกคนถูกบังคับให้ go specialized หากใครไม่เชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำก็จะอยู่ในโลกนี้ยากขึ้นเรื่อยๆ การลดต้นทุนในกระบวนการผลิตเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การ optimize trading ecosystem ใหม่ โดยมี logistics & supply chain management เป็นอาวุธสำคัญเพื่อให้สินค้าจากโรงงานถึงมือผู้บริโภคเร็วที่สุด ประหยัดที่สุด ฟังดูคุ้นๆกับสถานการณ์การแข่งขันที่เกิดขึ้นในบ้านเราตอนนี้มั๊ยครับ เป็นคนไม่มีของ หมดสิทธิ์ขายของ เพราะช่องทางจำหน่ายไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน คนกลางจะถูก disrupted ใครช่วยขาย คนนั้นจะได้ส่ง เกมธุรกิจใหม่ที่เราจะต้อง master หากปรับตัวไม่ได้ SMEs ไทยสูญพันธ์หมดอย่างแน่นอน Money เป็นเครื่องมือช่วยให้ trading ลื่นไหลขึ้น นอกจากทำหน้าที่เป็น medium of exchange คุณสมบัติของเงินที่ salable across time เป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่สุด ในหัวข้อนี้เราจะสนทนากันในประเด็น + Market-based money vs. State money + One money Why? + Keynesian vs. Austrian on Fixed money supply + Benefits of money กายพร้อม ใจพร้อม..เบียร์พร้อม พร้อมชนกับทุกคนครับ 5555 2 ทุ่มคืนนี้เจอกันครับ #siamstr
The Secret Sauce! 5555 ใช่ว่าทุก blockchain system จะมีศักดิ์ศรีเหมือนกัน เราสามารถเลือกได้จาก 2 ใน 3 ระหว่าง Decentralized / Secure / Scalable เลือกแบบไหนขึ้นกับความต้องการใน data integrity เลือกแบบไหนให้ย้อนกลับไปหาเหตุผลใน Genesis block เพราะ Trust มัน Broken...ศึกนอกไม่เท่าไหร่ แต่ศึกในแม่งเหี้ยจริง 5555 Decentralized Security Model Talk. Because the world is a full of Chit 5555 #siamstr image
ใครจะเป็นประธานาธิบดี ใครจะเป็นนายก พรรคไหนจะยุบ พรรคไหนจะตั้งใหม่ มันไม่ได้ช่วยเหี้ยไร...เพราะระบบมันเน่าเกินจะเยียวยา การเมือง broken ระบบการศึกษา broken มาจากระบบการเงินที่ broken Beyond การแก้ปัญหาผ่านการเมือง มันต้องใช้ engineer / technology / innovation ในการปฏิรูปครั้งนี้ นักการเมืองให้ถือแก้ว และซอยเท้ารอก็พอ 5555 เราจะ focus ไปที่เรื่องเดียว สถาปนา sound money ขึ้นมาใหม่ บิตคอยน์ no second best! เพราะทุกอย่างเป็น down stream of money จับแก้วเบียร์ไว้ให้แน่นๆ เติมเรื่อยๆ อย่าให้แห้ง...พร้อมชนครับ 5555 #siamstr image
ย้อนหลังตอนที่ 3 พร้อม Slides #siamstr Lecture 3/8 Principles of Economics: Technology and Energy เนื้อหาในค่ำคืนนี้อาจจะไม่ตรงปกเท่าไหร่ แต่รับรองมีความลุ่มลึกและเข้มข้นมากทำให้ทุกคนที่เข้าคลาสเมื่อคืนได้รับส่ารอาหารกันอย่างเต็มอิ่ม คาดว่าคงนอนหลับฝันดีกันทุกคน Work & Saving คนเราทำงานแล้วต้องแบ่งผลของงานออกเป็น 2 ส่วนเสมอ คือ ทำเพื่อกิน กัยเก็บเพื่อทำทุน หากใครทำเพื่อกินอย่างเดียว ชีวิตก็จะเหนื่อยมาก ไม่สามารถหลุดพ้น ต้องขายเวลาตัวเองอยู่ร่ำไป ไม่สามารถมีเวลาที่มีคุณภาพในอนาคตได้ Money to Capital Circulation ก่อนจะมีทุนต้องเก็บสะสม (Saving is the mother of capital) แล้วนำไปลงทุนเปลี่ยนเป็นปัจจัยในการผลิต สร้าง output ที่เป็นที่ต้องการของผู้อื่น กระบวนการ Trading หรือ Exchange ในตลาด ทำให้สินค้าและบริการของเราก็จะถูกเปลี่ยนกลับมาเป็นเงิน เราแบ่งส่วนหนึ่งเอาไปใช้ในกระบวนการผลิตต่อไป เราเรียกเงินส่วนนี้ว่า Working Capital เงินอีกส่วนหนึ่งให้เก็บไว้เผื่อปรับปรุง บำรุงรักษา ขยายความสามารถในการผลิตของ productive capital ให้ทำวนซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆเพื่อ build up capital นี่คือวงจรสร้างความมั่งคั่ง สุดท้ายแล้วความมั่งคั่งของคน ครอบครัว องค์กร หรือประเทศชาติเราต้องวัดกันที่ความสามารถในการผลิต output ที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด Productivity เมื่อส่งเสริมให้แข่งขันกันในภาคการผลิต ทำให้ได้ productivity สูงขึ้น เพิ่ม productivity เป็นการประหยัดเวลา มันคือการลดต้นทุน ทำให้ output ราคาถูกลงสามารถแข่งขันได้ในตลาด ผู้บริโภคได้ประโยชน์ สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ คุณภาพชีวิตสูงขึ้น สังคมดีขึ้น Why หากทุกอย่างเป็นไปตามทฤษฎีข้างต้น ผู้บริโภคก็ต้องซื้อของถูกลงเรื่อยๆ แต่ทำไมมันไม่เป็นเช่นนั้น แสดงว่า Something wrong เรามาช่วยกันค้นหาสาเหตุปัจจัย แล้วเราจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร **ในช่วงสนทนาธรรม + การสร้างสปิริตของ Entrepreneur + Give and Take Magic + The Art of Start + ชิตเบียร์ได้รับแรงบันดาลใจจาก Satoshi VDO Slides